
ถ้าถามว่าทำไมจีนจึงมีความกังวลกับสงครามในเมียนมาอย่างมาก ดูจากภาพนี้ก็จะเข้าใจ
จีนวางท่อส่งน้ำมันและก๊าซจากอ่าวเบงกอลในมหาสมุทรอินเดียพาดผ่านพม่าตลอดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงคุนหมิงทางใต้ของจีนเลยทีเดียว
หากมีการสู้รบเกิดขึ้นที่ไปกระทบถึงท่อส่งก๊าซหรือน้ำมันก็จะมีผลกระทบโดยตรงทันที
แต่นั่นเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ ปัจจัยที่ทำให้ปักกิ่งต้องคอยเตือนทุกฝ่ายในพม่าว่าอย่าให้การสู้รบบานปลายกลายเป็นวิกฤตยาวนาน
เมื่อเร็ว ๆ นี้กองบัญชาการละครภาคใต้ของกองทัพจีน ประกาศว่าได้จะจัดกำลังทหารบกและกองทัพอากาศซ้อมป้องกันภัยทางอากาศด้วยกระสุนจริงตามแนวชายแดนจีน-พม่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 17เมษายนที่ผ่านมา
ซึ่งถือเป็นการฝึกซ้อมครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา
การฝึกซ้อมทางทหาถี่เช่นนี้ของจีนไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเป็นเพียงการฝึกซ้อมธรรมดา
แต่เป็นเพราะสถานกรณ์ที่ผัวผวนปรวนแปรอย่างหนักในพม่า
นักรบชาติพันธุ์อาระกันหรือ AA ยึดพื้นที่ในรัฐยะไข่ซึ่งเป็นเส้นทางพาดผ่านของท่อส่งน้ำมันและก๊าซที่สำคัญของจีน
อีกทั้งฝ่ายกะเหรียงหรือ KNU สามารถยึดเมืองเมียวดีตรงข้ามกับแม่สอดจังหวัดตากของไทย
เมียวดีเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญใกล้ชายแดนไทย และยังมีการสู้รบต่อเนื่องเพราะกองทัพพม่าต้องการจะตีคืนเมืองขณะที่ฝ่ายต่อต้านดูจะสร้างความได้เปรียบเพราะสามารถสร้างกองกำลังผสมระหว่างกองทัพกะเหรี่ยงกับ “กองกำลังพิทักษ์ประชาชน” หรือ PDF ของรัฐบาลคู่ขนาน NUG ที่มีประสิทธิภาพในการสู้รบพอสมควร
อีกด้านหนึ่งนักรบ KIA ก็สามารถยึดเมืองลเวเจอันเป็นเมืองค้าขายที่สำคัญในรัฐกะฉิ่นที่ติดชายแดนจีนได้อีกด้านหนึ่ง
ไม่มีข้อสงสัยว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับพม่านั้นมีความลึกซึ้งและซับซ้อน
ยอดเงินรายได้ของทุกฝ่ายมีจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอย่างเปิดเผยหรือกิจกรรมผิดกฎหมายที่แฝงมาในรูปแบบต่าง ๆ
มองในแง่ยุทธศาสตร์ ปักกิ่งไม่น่าจะยอมให้ระบอบการปกครองล่มสลายโดยสิ้นเชิง
เพราะจะเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ทางการเงินที่สำคัญของจีน
นักวิเคราะห์ที่เกาะติดสถานการณ์มองว่าจีนกำลังเล่นเกมอันชาญฉลาดในการรักษาสมดุล
โดยไม่ปล่อยให้ระบอบการปกครองที่ทุจริตของพม่าลืมครืนลงไปแต่ก็ไม่ให้เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจต่อรองสูงเกินควร
จากพฤติกรรมอันเป็นประจักษ์ก็พอจะมองเห็นว่าจีนใช้นโยบายผสมผสานหลายด้านต่อสถานการณ์ในพม่าขณะนี้
ปักกิ่งแสดงจุดยืน “แบบผู้ใหญ่” ที่ไม่กระโดดเข้าข้างใดข้างหนึ่งอย่างชัดเจนมากนัก
โดยทางการปักกิ่งสนับสนุนรัฐบาลทหาร แต่ก็ยังสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ทรงอิทธิพลบางกลุ่มของเมียนมาด้วย
เป็นท่าที “เข้าใจทุกฝ่าย” เพื่อปกปักรักษาอิทธิพลของจีนในพม่า
ไม่ว่าฝ่ายใดชนะ หรือเพลี่ยงพล้ำ จีนก็จะยังอยู่ในฐานะกำหนดทิศทางของเหตุการณ์ในพม่าได้ อย่างน้อยก็ระดับหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
เพราะ “ผู้เล่น” ในเกมอำนาจพม่ามีมากมายหลายด้านด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย, อินเดีย, สหรัฐฯ, ยุโรปตะวันตก, ไทย, อาเซียนและบังคลาเทศ
ปัญหาใหญ่ที่สร้างความซับซ้อนในการแก้ปัญหาสำหรับจีนและตัวละครต่าง ๆ ในพม่าคือความล้มเหลวในการกำกับดูแลของรัฐบาลทหารพม่าในการระงับยับยั้งการค้ามนุษย์ข้ามพรมแดนและการหลอกลวงทางไซเบอร์
ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทั่วโลก
กิจกรรมใต้ดินและบนเดินที่เป็นอาชญกรรมข้ามชาติเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อคนจีนและประชาชนในย่านนี้อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันก็เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มอาชญากรจีนหรือ “ทุนสีเทา” ที่แพร่หลายกระจายตัวไปยังหลาย ๆ ประเทศในแถบนี้
ปัญหาที่ว่านี้คือความท้าทายด้านเสถียรภาพ, ความปลอดภัยและและการแพร่กระจายขององค์กรอาชญากรรม
สภาพไร้ขื่อไร้แปใกล้ชายแดนเมียนมาที่ติดกับไทยและจีนส่งผลให้มีกิจกรรมที่ผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้น
เจ้าหน้าที่จีนยอมรับว่าองค์กรอาชญากรรมของจีนฝังลึกอยู่ในเมียนมามายาวนาน
ไม่เพียงแต่มีผลท้าทายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงในระดับภูมิภาคอีกด้วย
ในอีกแง่หนึ่งผู้นำทางทหารของเมียนมาก็ตระหนักถึงความจำเป็นในการที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากจีน
ผู้นำรัฐประหาร มิน ออง หล่าย เกาะติดทางการจีนมาตลอดเพื่อให้แน่ใจว่าจะยังได้รับการเกื้อหนุนจากจีนโดยเฉพาะในระดับสูง
ยอมแม้กระทั่งพร้อมจะฟื้นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำที่เคยเป็นข้อขัดแย้งเพื่อแลกกับการที่ได้มีโอกาสไปเยือนปักกิ่งเพื่อแสดงตนให้ผู้นำจีนได้เห็นความพร้อมจะเอื้อต่อประโยชน์จีนในพม่า
ในแง่ผลกระทบระยะยาว การที่จีนใช้การทูตเพื่อเชื่อมต่อกับทั้งฝ่ายกองทัพและนักรบกลุ่มชาติพันธุ์ที่เข้มแข็งในเมียนมาก็เป็นการรักษาดุลยภาพแห่งอำนาจในประเทศนั้น
ทางการจีนเผยแพร่รูปชุดที่เอกอัคราชทูตจีนประจำเมียน Chen Hai ไปคารวะอดีตผู้นำทหารพม่าอย่างตาน ส่วย, หม่องเอ, และเต็งเส่งในโอกาสปีใหม่พม่า (ตรงกับสงกรานต์ไทย) ก็ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าปักกิ่งอาจจะกำลังปรึกษากับเหล่าผู้มีบารมีของเมียนมาว่าจะวางหมากต่อไปของพม่าอย่างไร
อีกทั้งจีนก็ต้องเหลือบไปดูอินเดียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพม่าอีกด้านหนึ่งอย่างเพ่งพินิจเหมือนกัน
เพราะสองยักษ์แห่งเอเชียต่างคนต่างก็จับตาดูอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ให้มีอิทธิพลสูงเกินกว่าตนในการกำหนดทิศทางของสถานการณ์ในเมียนมาเช่นกัน
จึงเป็นเรื่องที่ไทยเราจะต้องกำหนดยุทธศาสตร์ต่อพม่าด้วยการจับเอาประเด็นทั้งหมดนี้มาพิจารณาประกอบอย่างมืออาชีพและไม่ผูกติดเพียงกับความสัมพันธ์กองทัพกับกองทัพอย่างที่เคยเป็นมาอย่างยาวนานตลอด
เพราะปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจกำลังจะมีความสำคัญเทียบเคียบกับข้อพิจารณาด้านความมั่นคงอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

