ประวัติศาสตร์สีกากี

กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในเรื่องอื่นนอกจากที่ ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่าข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมกระทำการใดในเรื่องที่สอบสวนอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว

เห็นรายชื่อคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ที่ บิ๊กต่าย แต่งตั้งขึ้นมาสอบ "บิ๊กโจ๊ก" พร้อม 4 ลูกน้องคนสนิท ที่มีทั้งสิ้น 14 ราย นำโดย วู้ดดี้-พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นประธานกรรมการ และมี พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางกูร รองจเรตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศุภณัฏธ์ เจริญเรืองสกุล ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 4 เป็นกรรมการ และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. เป็นกรรมการและเลขานุการเป็นต้น แล้วนั้น หลายคนก็ลุ้น หลายคนก็แอบเมาธ์ ระหว่างผลสอบกับประธานสอบใครจะออกก่อนกัน เพราะตามกรอบระยะเวลาการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้นต้องเสร็จภายใน 240 วัน หรือ 8 เดือน ซึ่งหากคณะกรรมการชุดนี้สอบกันยาวๆ ไปจนวันสุดท้ายของกรอบระบะเวลา 240 วัน "ท่านรองวู้ดดี้" ก็น่าจะออกจากรั้วปทุมวันไปแล้ว เพราะตามอายุราชการ พล.ต.อ.สราวุฒิ จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย. 2567 ซึ่งนับจากวันนี้ก็เหลืออายุราชการเพียง 162 วันเท่านั้น ก็คงต้องหาประธานคนใหม่ เว้นแต่คณะกรรมการชุดนี้สรุปผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงออกมาก่อน 162 วัน "ท่านรองวู้ดดี้" ก็จะเป็นผู้เซ็นชื่อเสนอความเห็นไปให้ "ผบ.ตร." พิจารณาดำเนินการ ๐

ต้องทันอกทันใจแบบนี้ซิ ชาวบ้านจะได้อุ่นใจ ไม่ก่นด่า ไม่หวาดระแวง ไม่เสื่อมศรัทธา และเชื่อมั่น เชื่อใจองค์กรสีกากีด้วยใจจริง ในการกวาดขยะเหม็นเน่าออกจากรั้ว "กรมปทุมวัน" หลังจากเมื่อวันที่ 3 เม.ย. "ทนายษิทรา" ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ให้ตรวจสอบ "นายตำรวจระดับสูง" กระทำผิดวินัย เข้าไปพัวพันเว็บการพนันออนไลน์ โดยการรับผลประโยชน์จากหลักฐานที่ปรากฏตามเส้นทางการเงินและการฟอกเงิน ถัดมาวันที่ 9  เม.ย. วงประชุมคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ ก็มีความเห็นเสนอเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้สำนักงานจเรตำรวจพิจารณา จากนั้นไม่ทันพ้นช่วงสงกรานต์ วันที่ 15  เม.ย. พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา หัวหน้าจเรตำรวจ ก็มีหนังสือคำสั่งสำนักงานจเรตำรวจที่ 61/2567 แต่งตั้ง 29 นายตำรวจช่วยเหลือและสนับสนุนในการไต่สวนเรื่องร้องเรียนจากทนายษิทรา กล่าวหา "นายตำรวจระดับสูง" เกี่ยวพันพนันออนไลน์ทันที ๐

"ฉก.ราชมนู" เป็นหนึ่งในเจ็ดกองกำลังปัองกันชายแดน ที่ได้รับคำชื่นชมจาก พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.  ในการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังพลเข้าปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบบริเวณชายแดนฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ตรงข้ามเมืองเมียวดี เนื่องจากส่อเค้าจะมีการปะทะกันอยู่ตลอดระหว่างฝ่ายกองทัพ SAC หรือฝ่ายรัฐบาลเมียนมา กับกองกำลังกลุ่มต้าน ทั้ง KNLA, KNA ในช่วงเทศกาลสงกรานต์  แต่ก็ดูเหมือนจะหยุดไป และมาเปิดฉากกันหนักเมื่อวานนี้  โดยมีประชาชนฝั่งเมียนมาข้ามแดนหนีภัยจากการสู้รบประมาณกว่าพันคน ขณะที่ พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร จึงได้วางกำลัง ตามแผนเผชิญเหตุ นำอาวุธยิงสนับสนุนเข้าที่ตั้ง เพื่อปกป้องอธิปไตยและดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน โดยจะติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ๐

การประชุมสภากลาโหมสัญจร เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทอ.เป็นเจ้าภาพ และยังมี “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม ในฐานะประธานสภากลาโหม เป็นประธานการประชุมอยู่ ประเด็นที่สื่อโฟกัสหนีไม่พ้นเรื่องการพ้นจากตำแหน่ง รมว.กลาโหม ในการปรับ ครม.ที่กำลังจะมาถึง และดูเหมือนว่า “สุทิน” แม้จะออกอาการยิ้มเนือยๆ แต่ก็ตอบสื่อทุกคำถาม ไม่หนีไมค์ไปตั้งหลักเหมือนในวันประชุม ครม. หลังประชุม ทอ.มีการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลงให้ฟัง เพลง "มนต์รักลูกทุ่ง” ให้ตรงคอนเซปต์ลูกอีสาน แม้จะมีการปฏิเสธจากเจ้าของงานว่าไม่ได้เป็นการ “เอาใจ” แต่เป็นการ “รู้ใจ” ซึ่งไม่ต่างจากยุค รมว.กลาโหมพลเรือนที่ชื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่ก็เคยจัดเพลง  "สาวเจียงใหม่" ต๊ะต่อนยอน กันอย่างชื่นมื่นเหมือนกัน จนมีการแหย่กันว่าฟังไปแล้ว “บิ๊กทิน” อย่าเพิ่งเคลิ้ม ให้ดู “ยิ่งลักษณ์” เป็นตัวอย่าง เพราะก็เคยเจอบรรยากาศที่อบอุ่นแบบนี้ แต่ในที่สุดก็ถูกโค่นอำนาจด้วยการรัฐประหาร ๐

แต่งานนี้เป็นการแหย่กันเล่น เพราะ ทอ.ไม่ใช่หน่วยคุมกำลังปฏิวัติเหมือน ทบ. แถมที่ประชุมสภากลาโหมมีการนำร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม วางกฎในการสกัดการรัฐประหารตามที่ “เพื่อไทย” หาเสียงไว้ และที่ประชุมไม่ได้มีใครปริปากถามเพราะเป็นวาระเพื่อทราบ แถม “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.ติดราชการต่างประเทศ ไม่ได้เข้าประชุม จนมีการกระเซ้าว่า “ถาม ต่อ ยัง?” เรียกเสียงฮาแบบ “ตลกร้าย” นอกจากนั้นไฮไลต์ของร่าง กม.ฉบับนี้ยังมีกฎเหล็กเรื่องแต่งตั้งนายพล และการเพิ่มจำนวนสมาชิกสภากลาโหมอีก 2 คน ในส่วนที่เป็นอำนาจของ รมต.ในการเลือกคนมานั่ง และตัดเก้าอี้รองปลัดกระทรวงกลาโหมออกไป  2 คนเพื่อให้เกิดความสมดุล.