ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลนี้ เรื่องการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้แก่คนไทยทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร คนจำนวนมากอาจจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่าเงินดิจิทัล แต่จำนวนเงิน 10,000 มันเย้ายวนใจให้เลือกพรรคเพื่อไทย สำหรับคนที่มีความคิดอยู่บ้างก็ตั้งคำถามว่าจะเอาเงินที่ไหนมาแจก ต้องกู้มาแจกหรือไม่ เวลานั้นทางพรรคเพื่อไทยตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่าจะไม่มีการกู้สักบาทเดียว หลายคนเรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบว่าหาเสียงเช่นนี้ได้หรือไม่ คำตอบก็คือหาเสียงได้ ผลลัพธ์ของการเลือกตั้ง เพื่อไทยได้ 141 ที่นั่ง เป็นที่สองรองจากพรรคก้าวไกล
แต่ปรากฏว่าหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เรื่องการแจกเงินดิจิทัลก็เป็นโฟกัสของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด พรรคเพื่อไทยยืนกรานที่จะแจกเงินดิจิทัลให้ได้แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านของผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง และอาจารย์เศรษฐศาสตร์จำนวนมาก มีคำถามมากมายที่สังคมต้องการให้รัฐบาลตอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมาแจก เพราะรัฐบาลบอกว่าจะไม่กู้แม้แต่บาทเดียว ถ้าหากจะกู้ก็ดูเหมือนว่าไม่อาจจะกู้ได้ เพราะเสี่ยงกับการทำผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง แต่ในที่สุดรัฐบาลก็ยืนยันที่จะแจกในไตรมาสที่ 4 และบอกที่มาของเงิน หลายคนที่ได้ฟังการแถลงของรัฐบาลเรื่องนี้ มีความรู้สึกว่าถูกคมของข่าวนี้บาดลึกไปเลย เพราะทั้ง 3 แหล่งของเงินที่จะนำมาแจกนั้น เมื่อพิจารณาแล้วไม่ว่าจะมาจากแหล่งไหนตามที่รัฐบาลบอก มันก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงทั้งนั้น
เรื่องของเงินดิจิทัลนี้บอกได้เลยว่าเป็นโรคเลื่อนมานานกว่าครึ่งปีแล้ว ทั้งๆ ที่รัฐบาลบอกว่าจะแจกทันที เพราะเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ทั้งๆ ที่นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากบอกว่าไม่วิกฤต นอกจากนั้นแล้วรัฐบาลยังหาแหล่งเงินที่จะเอามาแจกไม่ได้ จะออก พ.ร.ก.ก็ไม่กล้า จะออกเป็น พ.ร.บ. หลายคนก็เตือนว่าจะผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลก็จะเอาให้ได้ ในที่สุดก็หาแหล่งเงินได้ 3 แหล่ง การแถลงแหล่งที่มาของเงินทั้ง 3 แหล่งนั้นบาดลึกเข้าไปในหัวใจของคนที่ห่วงใยเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศ ไม่ว่ารัฐบาลจะไปเอามาจากไหนมันก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงทั้งนั้น แหล่งแรก เขาจะเอามาจากการเจียดงบปี 2567 เป็นจำนวนเงิน 170,000 ล้านกว่าๆ แหล่งนี้มันบาดใจประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะมันทำให้เกิดคำถามที่น่าห่วงใยดังนี้
จะไปตัดงบลงทุนอะไร จะทำให้เสียโอกาสในการจัดทำโครงการบางโครงการที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติหรือไม่ การตัดงบเอามาแจกกับการลงทุนโครงการบางโครงการ อะไรสำคัญกว่ากัน แล้วจะตัดได้มากถึง 170,000 ล้านเชียวหรือ
ถ้าหากตัดงบจากโครงการต่างๆ ได้ไม่พอก็เอางบกลางมาใช้เพิ่มเติม ที่เรารู้กันอยู่ก็คือ งบกลางต้องเก็บเอาไว้ใช้ในเรื่องที่จำเป็นที่อาจจะเป็นเรื่องฉุกเฉิน เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือผลกระทบจากภัยสงครามที่กำลังเกิดขึ้นหลายพื้นที่ในโลกนี้ ถ้าหากเราเอางบกลางมาใช้ในเรื่องนี้ ถ้าหากเกิดเรื่องฉุกเฉิน จะเอางบที่ไหนมาใช้ในการแก้ปัญหา
แหล่งที่ 2 เขาบอกว่าเขาจะตั้งงบประมาณปี 2568 มาใช้ในการนี้อีกประมาณ 150,000 ล้านกว่าๆ ในความเป็นจริง งบประมาณปี 2568 ก็เหมือนกับทุกปี ก็คือ เป็นงบประมาณขาดดุล หมายความว่าเราต้องกู้ก้อนเงินดังกล่าวเป็นหนี้สาธารณะมาใช้ในการบริหารประเทศ เพราะรายได้ของเราไม่พอสำหรับรายจ่าย ถ้าหากจะต้องตั้งงบประมาณเพื่อเอามาแจกอีก 150,000 ล้านก็ต้องกู้เพิ่ม หนี้สาธารณะก็จะปริ่มเพดาน หากมีความจำเป็นในการจะกู้เพิ่มระหว่างปีก็จะกู้ไม่ได้ เงินก้อนนี้ก็คือเงินกู้ เพียงแต่เป็นเงินกู้ในระบบงบประมาณเท่านั้น แต่ยังไงมันก็คือกู้ แล้วเรื่องแบบนี้มันเป็นธรรมกับคนที่ไม่ได้รับแจกหรือเปล่าล่ะ เราเสียภาษีไปเพื่อให้รัฐบาลนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ รัฐบาลกลับเอาไปแจก เมื่อไม่มีเงินพอที่จะแจกก็จะกู้ให้เป็นหนี้สาธารณะ ที่ทำให้คนเสียภาษีที่ไม่ได้รับแจกจะต้องร่วมใช้หนี้ เงินนี้เป็นประโยชน์ส่วนบุคคล ไม่ได้เป็นประโยชน์สาธารณะ (ส่วนจะเป็นประโยชน์สำหรับคนของรัฐบาลหรือไม่ เรื่องนี้คงต้องตามดูอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เพราะ ป.ป.ช.เขาก็เตือนแล้วในกระบวนการของการดำเนินการเรื่องนี้ มีบางจุดบางช่วงที่เสี่ยงกับการเกิดทุจริต
ทั้ง 2 แหล่งเงินที่พูดมา หลายคนไม่สบายใจ ก้อนแรกจะไปตัดมาจากงบอะไร ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศหรือไม่ ถ้าเอางบกลางมา ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องใช้งบกลางแก้ไขจะทำยังไง ก้อนที่ 2 ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มจนปริ่มเพดาน ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และมันก็คือหนี้ที่ต้องตั้งงบประมาณจากภาษีประชาชนมาใช้หนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเวลากี่ปี แล้วทำไมคนที่เสียภาษีแต่ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะได้รับแจกจะต้องร่วมแบกหนี้ไปด้วย ถ้าหากแจกกลุ่มเปราะบางที่ยากจนจริงๆ พวกเราที่เสียภาษีก็คงไม่ใจร้ายใจดำจนถึงไม่อยากให้รัฐบาลแจกหรอกนะ แต่นี่แจกคนที่รายได้ต่ำกว่า 70,000 ต่อเดือน มีเงินเก็บต่ำกว่า 500,000 กลุ่มคนที่เป็นไปตามเงื่อนไขนี้คงจะมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่สมควรจะได้รับแจกเงินฟรีๆ ให้ประเทศชาติต้องเป็นหนี้ แล้วให้คนเสียภาษีเป็นจำนวนมากต้องมาร่วมแบกรับหนี้
เงินแหล่งที่ 3 เขาจะไปยืมจาก ธ.ก.ส.อีกประมาณ 170,000 ล้านบาท เขาบอกว่าเป็นการยืมนะ ไม่ใช่การกู้ ทันทีที่ได้ยินข่าวแบบนี้ ผู้คนจำนวนมากคงคิดถึงการใช้เงิน ธ.ก.ส.ในโครงการรับจำนำข้าวที่มีทั้งการทุจริตติดคุกติดตะรางกันหลายคน หนีไปต่างประเทศก็มี ตอนนี้ยังใช้หนี้ไม่หมดเลย ยังค้างอีก 200,000 กว่าล้าน หลายคนก็กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เขาบอกว่าจะให้ ธ.ก.ส.รับผิดชอบแจกให้เกษตรกร 170,000 ราย จึงเป็นเงิน 170,000 ล้านบาท ดังนั้นน่าจะทำได้ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการตั้งธนาคาร ธ.ก.ส.ที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร แต่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้มีถึง 170,000 จริงหรือเปล่า น่าจะมีประมาณ 80,000 กว่าเท่านั้นนะ และการช่วยเหลือเกษตรกรนั้นต้องเป็นการให้กู้ไม่ใช่หรือ แต่นี่จะเป็นการแจก ตามระเบียบของ ธ.ก.ส.จะทำได้หรือเปล่า แล้วที่บอกว่าเป็นเงินยืมนั้น ธ.ก.ส.ให้ยืมเฉยๆ โดยไม่คิดดอกเบี้ยเลยหรือ เวลาคืนจะคืนตอนไหน จะผ่อนคืน หรือคืนทั้งหมด ธ.ก.ส.จะไม่คิดดอกเบี้ยจริงหรือ ถ้าหาก ธ.ก.ส.คิดดอกเบี้ย มันก็คือการกู้
หลายคนห่วงสภาพคล่องของ ธ.ก.ส. ถ้าหากเอาเงินมาให้รัฐบาลยืมเพื่อเอามาแจกเช่นนี้ ถ้าหากมีเกษตรกรต้องการกู้ ธ.ก.ส.ตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งธนาคาร ธ.ก.ส.จะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องหรือเปล่า มันเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะเงินสดในมือของ ธ.ก.ส.กับยอดเงินที่เกษตรกรมากู้ตาม พ.ร.บ.ของ ธ.ก.ส.นั้นก็ปริ่มๆ อยู่แล้ว ถ้าหากเงินฝากที่มีอยู่ไม่พอให้เกษตรกรกู้ ธ.ก.ส.ก็อาจจะต้องไปกู้มาเสริมสภาพคล่อง ธ.ก.ส.ต้องเสียดอกเบี้ย ต้องมีต้นทุน แล้วจะให้รัฐบาลยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยได้ไง ตอนนี้มีการโพสต์ใน social กันมากว่า ถ้าหากรัฐบาลจะไปเอาเงิน ธ.ก.ส.มาจริงๆ เขากลัวว่า ธ.ก.ส.จะมีปัญหา อาจจะแห่กันไปถอนเงินจาก ธ.ก.ส.กันเป็นจำนวนมาก อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เรื่องการจะใช้เงิน ธ.ก.ส.ยังมีอีกหลายเรื่องหลายประเด็นที่ต้องพิจารณา ดังนั้นอย่าเพิ่งแห่กันไปถอนนะ ถ้าหากบอร์ด ธ.ก.ส.อนุมัติให้ยืม และ ครม.ลงความเห็นให้รัฐบาลยืมได้ พวกเขาอาจจะติดคุกนะคะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม
จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!
ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก
ช่วงเค้าลางคดีสำคัญของนายกรัฐมนตรีก่อตัวในดวงเมือง
ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนปี 2568 ไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิวที่รออยู่คือท่านที่ลัคนาสถิตราศีตุล
ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม