วิกฤตพม่าทำให้ผมคิดถึงความความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดียวันนี้ เพราะหากสองยักษ์แห่งเอเชียทำงานร่วมกัน ไทยก็อาจจะเป็นมือประสานให้เกิดกระบวนการเจรจาในพม่าได้
เพราะทั้งสองประเทศมีพรมแดนติดกับพม่าเหมือนไทย และได้รับความเดือดร้อนจากสงครามเช่นกัน
แต่สองชาตินี้ไม่ค่อยจะยอมประสานกันเพื่อเป้าหมายร่วมกันเท่าใดนัก เพราะยังมีความบาดหมางลึกๆ ในหลาย ๆ ด้าน
จนมีนักวิเคราะห์เรียกมันว่า “สันติภาพร้อน”
มีความหมายตรงกันข้ามกับ “สงครามเย็น”
ที่เรียกว่า “สันติภาพร้อน” เพราะไม่มีการรบพุ่งกันระดับรุนแรง แต่ก็มีการปะทะกันประปรายตรงพรมแดนมาตลอด
จะเรียกว่าเป็นความสงบก็ไม่ได้ แต่จะกล่าวขานว่าเป็นสงครามก็ไม่เชิง เพราะมันมีความระอุอยู่ในที
ทั้งสองประเทศมีเรื่องต้องแลกหมัดกันอย่างน้อย 3 ครั้งจากจีนเหนือลาดักห์ สิกขิม และแบบอ้อมๆ ที่อรุณาจัลประเทศ ตั้งแต่ปี 2020
ทหารจากทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตในการสู้รบ
จีนสร้างเครือข่ายบังเกอร์ อุโมงค์ และหมู่บ้านที่มีป้อมปราการ
อินเดียระดมทหาร 100,000 นายใกล้แนวหน้าของชายแดน
บางทีเรื่องเล็กๆ ก็ทำให้เกิดความระหองระแหงกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
การเยือนอรุณาจัลประเทศของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (ซึ่งเป็นภูมิภาคที่อินเดียอ้างเป็นของตนตั้งแต่อังกฤษก่อตั้งแนวแมกมาฮอนในปี 1914) ก็เพียงพอที่จะสร้างความเดือดดาลให้แก่รัฐบาลจีน
ปักกิ่งเตือนอินเดียเสมอว่านั่นเป็นดินแดนของจีน ด้วยเหตุผลที่ว่ารัฐบาลชุดต่อๆ ไปในกรุงปักกิ่งไม่เคยยอมรับการกำหนดเขตแดน
โพลความคิดเห็นของคนอินเดียย้ำว่าชอบญี่ปุ่นมากกว่าจีน
และนิวเดลีก็ขยับเข้าใกล้ตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยการหันหน้าไปจับมือกับสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ เช่น อิสราเอล
กระนั้นความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดียก็ไม่เคยพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงเหมือนกัน
เหมือนต่างฝ่ายต่างพยายามประคองสถานการณ์ไว้ไม่ให้ถึงขั้นแตกหัก
แต่ก็เห็นชัดว่าอินเดียทำอะไรหลายอย่างที่จะลดความเสี่ยงของจีนในด้านโครงสร้างพื้นฐานและสังคม
เช่น ห้ามจีนสร้างท่าเรือและทางรถไฟ
แบนแอปของจีน สกัดไม่ให้บริษัทโทรคมนาคมของจีนจัดซื้อจัดจ้างในอินเดีย และปฏิเสธแผนการลงทุนรถยนต์ขนาดใหญ่ของ BYD และ Great Wall Motors
แม้ว่าก็ยังรักษาระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนโดยรวมไว้อยู่
การค้าระหว่างสองประเทศทะลุ 136 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2022 โดยอินเดียเป็นฝ่ายขาดดุลมหาศาล
มิหนำซ้ำยังขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 100 พันล้านดอลลาร์ในเวลาต่อมา
การส่งออกของอินเดียไปจีนไม่กระเตื้องมากนัก ขณะที่ยอดขายของจีนมาอินเดียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และแน่นอนว่า BYD ยินดีที่จะขายรถยนต์ที่ไม่สามารถผลิตได้ในท้องถิ่นในตลาดอินเดีย
Global Times ซึ่งเป็นกระบอกเสียงทางการจีนประกาศว่า อินเดียเป็น "สุสานสำหรับการลงทุน" และเผยแพร่ถึงความซับซ้อนในการทำธุรกิจที่นั่นให้ได้รับรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของฝ่ายจีน
นักวิเคราะห์ที่ไม่ใช่คนจีนบางคนแย้งว่า พฤติกรรมการสู้รบของจีนในสมรภูมิชายแดนสามแห่ง ได้ผลักดันให้อินเดียยอมรับการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ต่อไป
และการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งมากกับฝรั่งเศส
ซึ่งสะท้อนจากเงื่อนไขในการจัดซื้ออาวุธที่น้อยลง
จีนจับตาดูกลุ่มก้อนที่ตะวันตกขยับมาก่อตั้งพันธมิตรด้านความมั่นคงในเอเชียด้วยความระแวง
ไม่ว่าจะเป็น Quad, AUKUS, งบประมาณทางทหารของญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น หรือการออกแบบของชาวยุโรปในอินโด-แปซิฟิก ที่มองจีนอยู่อีกข้างหนึ่งของสมการแห่งอำนาจ
จีนตอบสนองด้วยการสร้างแสนยานุภาพทางทหารอย่างคึกคัก
เช่น เพิ่มงบประมาณกลาโหมใหม่ที่ 7.2 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งมีความสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจที่มีอัตราโตที่เฉลี่ยตรง 5 เปอร์เซ็นต์
ปีนี้เป็นปีแห่งการจัดซื้อจัดจ้างทางทหารของจีน ที่รวมถึงเรือรบประมาณ 450 ลำ
โดยขยายแวดวงการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารทั่วมหาสมุทรอินเดีย และฐานทัพใหญ่ในจิบูตี
จีนกำลังมีความโดดเด่นทางยุทธศาสตร์เหนือทุกฝ่าย ยกเว้นกองทัพเรือสหรัฐฯ
และแม้ในกรณีนี้ จีนก็ตั้งความคาดหวังว่าจะเทียบเคียงให้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งหมดข้างต้นเป็นตัวกำหนดการตอบสนองทางการทูตและท่าทางของอินเดียต่อความท้าทายจากจีน
แนวทางของอินเดียคือ การพยายามจะสร้างอำนาจต่อรองในเวทีโลกด้วยการสามารถคบหากับทุกฝ่ายได้...แม้จะไม่ใช่ด้วยระยะห่างที่เท่ากัน
รัฐมนตรีต่างประเทศของอินเดีย Subrahmanyam Jaishankar ได้นำเสนอนโยบาย “คบทุกฝ่าย” ของอินเดียไว้อย่างน่าฟัง
สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการผสมผสานข้อดีของการสนับสนุนจากตะวันตก แต่ก็เปิดกว้างสำหรับพันธมิตรอื่นๆ รวมถึงรัสเซีย
และอาจมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูความใกล้ชิดกับกับจีน หากมีโอกาสเปิดการเจรจาอย่างเปิดกว้าง
นโยบาย “แนวร่วมหลายแนว” ที่ว่านี้ ยังรักษาโอกาสสำหรับอินเดียที่จะใช้อิทธิพลเหนือสิ่งที่เรียกว่า “โลกใต้" หรือ Global South อันหมายถึงประเทศที่กำลังพัฒนาและเศรษฐกิจใหม่ทั้งหลาย
สหรัฐฯ กระโดดเข้าข้างอินเดียในการเผชิญหน้ากับจีนอย่างชัดเจน เมื่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกว่ายอมรับ "อรุณาจัลประเทศ" เป็นดินแดนของอินเดีย
และในเวลาเดียวกัน ก็ต่อต้านในกรณีรัฐอรุณาจัลประเทศที่มีความเคลื่อนไหวฝ่ายเดียว หรือการบุกรุกที่อยู่นอกเหนือแนวควบคุมจริง (LAC)
สถานการณ์ในการเผชิญหน้ากับจีนของอินเดีย ทำให้มีจุดยืนที่ขยับเข้าใกล้สหภาพยุโรปและประเทศสมาชิก
ปัญหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่น การกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทาน หรือความเสี่ยงของการบีบบังคับทางเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดว่าทำให้ยุโรปและอินเดียใกล้ชิดกันมากขึ้น
ย้อนกลับมาประเด็นวิกฤตเมียนมา ทั้งจีนและอินเดียก็มีความกังวลกับประเด็นนี้
แต่เมื่อสองยักษ์ใหญ่มีเรื่องบาดหมางประเด็นอื่นๆ ระหว่างกันอยู่ จึงไม่สามารถจะยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้ามามีอิทธิพลเหนือเมียนมาได้ทั้งหมด
แต่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการสร้างสมบารมี ต่อทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มชาติพันธุ์ที่ประชิดติดชายแดนของตนนั้น
ความพยายามของไทยที่จะเชื่อมต่อกับจีนและอินเดียกรณีพม่าจึงเป็นความท้าทายอันหนักหน่วงยิ่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ