อิหร่าน-อิสราเอล: ทุกฉากทัศน์ล้วนเสี่ยงสูง

คนในรัฐบาลอิหร่านบางคนถึงกับบอกว่า ถ้าเกิดศึกรอบใหม่อิหร่านจะไม่ลังเลที่จะใช้ “อาวุธที่ไม่เคยใช้มาก่อน”

สหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรปได้เพิ่มความพยายามในการห้ามปรามอิสราเอลตอบโต้อิหร่าน

แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และริชิ ซูนัก นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ประสานเสียงกันว่าประเทศตะวันตกกำลังเตรียมคว่ำบาตรเตหะราน

แต่ก็พยายามจะป้องกันไม่ให้บานปลายไปสู่สงครามตะวันออกกลางเต็มรูปแบบ

บลิงเกนบอกว่าวอชิงตันกำลัง “ประสานงานด้านการทูตเพื่อป้องกันการบานปลาย”

ขณะที่ผู้นำอังกฤษแจ้งว่ากลุ่ม G7 กำลังหามาตรการทางการทูตเพิ่มเติมเพื่อกดดันอิหร่าน

ซึ่งความจริงก็ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรอย่างหนักอยู่แล้ว

พลโทเฮอร์ซี ฮาเลวี เสนาธิการกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล ส่งสัญญาณว่าการถล่มโจมตีไม่จบแค่นี้แน่นอน

 “เรากำลังมองไปข้างหน้าและประเมินสถานการณ์ ที่แน่นอนก็คือการยิงขีปนาวุธ ขีปนาวุธร่อน และโดรนจำนวนมากเข้าสู่ดินแดนของรัฐอิสราเอลนี้ จะต้องพบกับการตอบโต้อย่างแน่นอน” เขากล่าว

นายทหารอิสราเอลคนนี้ออกข่าวประเด็นนี้ หลังจากรัฐมนตรีสงคราม 5 คนของอิสราเอลถกกันเครียดหลายวันติดต่อกันเพื่อวางแผนสงครามตอบโต้

อิหร่านแจ้งอย่างเปิดเผยว่า ถ้าอิสราเอลเลือกจะ “ก่อการผจญภัยครั้งใหม่ อิหร่านจะตอบสนองอย่างเร่งด่วน  รุนแรงและหนักหน่วงแน่นอน”

อาลี บาเกรี คานี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ออกทีวีประกาศว่าจังหวะเวลาของการตอบโต้ของอิหร่านต่อการดำเนินการตอบโต้ใดๆ ของอิสราเอล “จะไม่วัดกันเป็นวันหรือชั่วโมง แต่วัดกันเป็นวินาที”

สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรต่างแสดงจุดยืนว่าจะไม่เข้าร่วมในการตอบโต้ของอิสราเอล

ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสบอกว่าประชาคมระหว่างประเทศควรทำ “ทุกสิ่งที่เราทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการลุกเป็นไฟ”

และ “พยายามโน้มน้าวอิสราเอลว่าเราไม่ควรตอบโต้ด้วยการเพิ่มความรุนแรง”

การระดมถล่มอิสราเอลของอิหร่านเมื่อวันที่ 13 เมษายน นับเป็นครั้งแรกที่โจมตีอิสราเอลโดยตรงจากดินแดนของตนเอง

เกิดความกลัวกันขึ้นมาทันทีว่า การแลกหมัดตรงกันอย่างนี้อาจจะนำตะวันออกกลางเข้าใกล้สงครามเต็มรูปแบบ ระหว่างสองมหาอำนาจทางทหารที่แข็งแกร่งที่สุด

นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ โชลซ์ มีข้อความเตือนไปถึงอิหร่านเช่นกันให้เลี่ยงการโจมตีระลอกใหม่

อีกด้านหนึ่งก็ขอให้อิสราเอลช่วยลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์

อิสราเอลอ้างว่าระบบป้องกันสกัดหัวรบอิหร่านได้กว่า 300 ลูก

อิหร่านถล่มอิสราเอลด้วยโดรนติดระเบิด 170 ลูก  ขีปนาวุธวิถีโค้ง 120 ลูก และขีปนาวุธร่อน 30 ลูก

ส่วนใหญ่ถูกยิงมาจากดินแดนของอิหร่าน

อีกบางส่วนมาจากกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุนในอิรักและเยเมน

อย่างไรก็ตาม อิสราเอลยืนยันว่าระบบป้องกันตนเองทางอากาศของตน และที่ได้รับสนับสนุนจากประเทศอื่นๆ  สามารถสกัดหัวรบเหล่านั้นไว้ได้ 99%

สหรัฐฯ บอกอิสราเอลว่า เมื่อขีปนาวุธและโดรนส่วนใหญ่ของอิหร่านถูกสอยลงมา และไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมากมายนัก อิสราเอลก็น่าจะถือว่าเป็น “ชัยชนะ” ได้

แต่อิสราเอลไม่ยอมรับแนวทางอย่างนั้น เพราะยังยืนยันว่าอิหร่านจะต้องถูก “สั่งสอนคืน” เหมือนกัน

ผู้แทนอิสราเอลประจำยูเอ็น จิลาด เออร์ดาน กล่าวว่า  อิหร่าน "ข้ามเส้นในทุกกรณี" และอิสราเอลมีสิทธิ์อย่างถูกต้องที่จะใช้มาตรการตอบโต้

แต่ทางผู้แทนของอิหร่านยืนยันว่า อิหร่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเอง เพราะอิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัสเมื่อวันที่ 1 เม.ย.

สงครามตะวันออกกลางมีผลกระทบโดยตรงไปถึงสงครามยูเครนอย่างปฏิเสธไม่ได้

เพราะประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กลัวว่าสหรัฐฯ จะเทงบประมาณไปทางอิสราเอลมากขึ้น และจะมีผลต่อความสามารถในการทำสงครามกับรัสเซียของตน

เซเลนสกีเชื่อมโยงรัสเซียเข้ากับอิหร่านทันที

โดยบอกว่าเป็น “ความร่วมมืออันชัดแจ้ง” ระหว่างรัสเซียและอิหร่านในการ “สร้างความหวาดกลัวให้แพร่สะพัดไปทั่ว”

รัสเซียใช้โดรนของอิหร่านในการต่อสู้กับยูเครน

เซเลนสกีบอกว่า “พวกเราในยูเครนรับรู้ถึงความน่ากลัวของการโจมตีที่คล้ายกันโดยรัสเซีย ซึ่งรัสเซียได้ใช้โดรน ‘ชาเฮด’ และขีปนาวุธ อันเป็นยุทธวิธีการโจมตีทางอากาศขนานใหญ่ที่คล้ายคลึงกัน”

แต่ก็เกิดประเด็นว่า ทำไมอเมริกาและอังกฤษช่วยอิสราเอลสอยขีปนาวุธอิหร่าน แต่ไม่เคยมาช่วยสกัดขีปนาวุธของรัสเซียในยูเครน

ระหว่างที่รัฐบาลกรุงเคียฟรอคอยความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ที่ยังติดค้างอยู่ในสภา ทางเยอรมนีได้ประกาศว่าจะจัดส่งระบบป้องกันตนเองทางอากาศ แพทริออต (Patriot) ให้แก่ยูเครนเป็นครั้งที่ 3

โดยระบุว่าเพื่อใช้ในการรับมือกับ “การโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่และที่กำลังดำเนินอยู่” ในยูเครน

รัสเซียยืนอยู่ข้างอิหร่านแน่นอน

เหมือนที่สหรัฐฯ ประกาศยึดมั่นพันธกรณีที่จะต้องปกป้องอิสราเอลอย่างชัดเจนเช่นกัน

ดังนั้น ความเชื่อมโยงของสงครามตะวันออกกลางกับยูเครนจึงมีอยู่ในหลายมิติอย่างปฏิเสธไม่ได้.