ช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ ผมติดตามสถานการณ์การระบาดของสายพันธุ์ Omicron ทั้งในประเทศและระดับโลกอย่างใกล้ชิด
มีทั้งข่าวน่ากังวลว่าจำนวนคนติดเชื้อต่อวันทั่วโลกพุ่งเกินวันละ 1 ล้าน
และข่าวปลอบใจอย่างน้อย 3 ข่าว ล้วนมาจาก New York Times ที่เกาะติดข้อมูลล่าสุดวันต่อวัน
ข่าวที่พอจะเรียกว่าเป็น “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” คือ
1.การพุ่งขึ้นของคนมะกันที่ติดเชื้อ Omicron นั้นน่าจะถึงจุดสูงสุดหรือ apex ณ วันที่ 9 มกราคมนี้
2.เจ้าสายพันธุ์ Omicron นี่ไม่โจมตีปอดโดยตรง (อาจกระทบระบบทางเดินหายใจมากกว่า) จึงทำให้อาการของคนป่วยเบากว่าที่ติดสายพันธุ์ Delta
3.ผู้ติดเชื้อ Omicron ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมีประมาณครึ่งหนึ่งของคนติด Delta
ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ ยอดป่วยโควิดในสหรัฐฯ เฉลี่ยรอบ 7 วันที่ผ่านมา ทำสถิติสูงสุดที่ 258,312 ราย
ตัวเลขยืนยันตรงกันว่า แม้ Omicron จะระบาดเร็ว ดันให้ยอดติดเชื้อพุ่ง แต่อัตราเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตยังอยู่ระดับต่ำ
การที่ตัวเลขคนติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอย่างมากน่าจะเป็นเพราะตรงกับเทศกาลคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ ที่มีประชาชนเดินทางกันไปมาเป็นจำนวนมาก
ผู้เชี่ยวชาญที่อเมริกาตั้งข้อสังเกตว่า แม้จำนวนผู้ป่วยเฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 60% แต่อัตราการเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเพียง 14% อยู่ที่ประมาณ 9,000 รายต่อวันขณะที่อัตราการเสียชีวิตลดลงราว 7% อยู่ที่วันละ 1,100 รายในช่วงเวลาเดียวกัน
แต่ก็มีการย้ำเตือนว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุป เพราะยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วประเทศจากไวรัสตัวนี้ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากอัตราการฉีดวัคซีนของแต่ละรัฐในสหรัฐฯ ที่ยังคงแตกต่างกันอยู่อย่างมาก
ในวันเดียวกันนั้นเอง ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลกก็ออกมาบอกว่า
เขามีความคาดหวังว่าโลกจะสามารถเอาชนะโรคระบาดโคโรนาไวรัสโควิด-19 ภายในปี 2022 นี้ โดยมีเงื่อนไขว่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะร่วมแรงแข็งขันในการสกัดการแพร่ระบาดของโควิด
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก Dr Tedros Adhanom Ghebreyesu ให้ทั้งข่าวดีและข่าวร้ายในวันเดียวกัน
หลังจากที่บอกว่าเขาหวังว่าทั้งโลกจะเอา Omicron อยู่หมัดภายในปีนี้ เขาก็เตือนว่า
“เราต้องหลีกเลี่ยงกระแสชาตินิยมและการกักตุนวัคซีนของบางประเทศเช่นกัน”
ประเด็นใหญ่สำหรับ WHO ก็คือ การที่พยายามกดดันและน้าวโน้มให้ประเทศร่ำรวยแบ่งปันวัคซีนมาให้กับประเทศด้อยพัฒนา ด้านหนึ่งกำลังไล่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ 3 และ 4 อีกด้านหนึ่งประชาชนหลายประเทศยังไม่ได้แม้แต่เข็มแรก
เมื่อโลกเกิดความเหลื่อมล้ำกันรุนแรงเช่นนี้ ความหวังที่จะทำให้โรคระบาดนี้หายขาดไปจากโลกก็คงจะยังเลือนรางพอสมควร
แต่หากงานวิจัยและการศึกษาเบื้องต้นของประเทศต่างๆ ชี้ไปในทางที่น่าจะเป็น “ข่าวด้านบวก” มากขึ้น เราก็อาจจะเห็นแนวโน้ม “ขาลง” ของ Omicron ภายในกลางปีนี้
นักวิทยาศาสตร์ที่แอฟริกาใต้ซึ่งเป็นจุดแรกที่พบ Omicron บอกว่างานวิจัยเบื้องต้นสะท้อนว่าจำนวนคนติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้กำลังจะพ้นจุดสูงสุดแล้ว และอาการป่วยของผู้ติดเชื้อ Omicron ก็ดูจะอ่อนกว่าของ Delta พอสมควร
หากงานวิจัยอื่นๆ ที่ตามมาในเดือนนี้และเดือนหน้ายืนยันตรงกันอย่างนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากำลังจะเป็น “จุดเริ่มต้นของการสิ้นสุด” ของการระบาด Covid-19
นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เขียนไว้ในเฟซบุ๊กของท่าน ณ วันสุดท้ายของปีก่อนว่า
“ผมยังทำนายเหมือนเดิมว่า ไม่เกินกรกฎาคม-สิงหาคม 2565 เจ้าโควิดจะกลายไปเป็นระบาดตามฤดูกาลเท่านั้น...”
ท่านย้ำว่าปีใหม่นี้ คนไทยอาจต้องฉีดวัคซีนอีก 1 หรือ 2 ครั้ง (แล้วแต่ชนิดวัคซีน) เท่านั้น หลังจากนั้นก็ปีละครั้งก่อนระบาด (อาจเป็น 2 ครั้งในบางปี)
แนวทางของคุณหมอนิธิที่ระบุไว้ในบทความนี้น่าสนใจ อาจจะเป็น “คู่มือปฏิบัติตน” สำหรับคนไทยทั้งหลายก็ได้ด้วยซ้ำไป
ท่านบอกว่าในปีใหม่นี้ ท่านจะ
1) ไม่ตื่นเต้นกับการระบาดของ Omicron จนเกินเหตุ
2) จะฉีดวัคซีนกระตุ้นตามระยะเวลาเดิม ไม่รีบร้อนฉีดเร็วเกินเพื่อเจ้า โอ (Omicron) โดยเฉพาะ
3) รับผิดชอบทั้งตัวเองและคนรอบข้างด้วยความสำนึกที่ไม่ไปแสวงหาให้สัมผัสเจ้าโอ (Omicron) ตามที่อโคจรหรือมีพฤติกรรมเสี่ยง
4) ถ้ามีอาการหวัดหรืออาการคล้ายหวัด ผมจะป้องกันเต็มที่ ที่จะไม่ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น
(หลายๆ คนลืมไปว่าการใส่หน้ากากที่ถูกต้องนั้นวัตถุประสงค์สำคัญคือ กันไม่ให้เราแพร่เชื้อไปให้คนอื่นโดยไม่ตั้งใจ)
5) ระวังการสัมผัสพบผู้สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรัง จนกว่าเจ้าโอ (Omicron) จะผ่านไป
ท่านสำทับว่า
“อย่าเสี่ยง อย่าประมาท อย่าคิดว่าจะไม่เกิดกับเรา และที่สำคัญต้องจำคือ อย่าทำร้ายคนที่คุณรักครับ”
ในภาวะเช่นนี้ผมเชื่อในคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานร่วมกับนักสังคมวิทยาว่า
“ข่าวร้ายช่วยกันตะโกนเตือน
ข่าวดีค่อยๆ กระซิบให้กำลังใจกันและกัน”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ