BRICS ที่ขยายตัว ชี้ว่ามีประเทศที่หันเข้าสู่ฝ่ายตรงข้ามสหรัฐมากขึ้น แต่ทั้งนี้บางประเทศเพียงอยากมีมิตรหลากหลาย ร่วมมือกับประเทศที่ไม่อยู่ขั้วสหรัฐ
ปี 2024 BRICS มีสมาชิกใหม่อีก 4 ประเทศ ได้แก่ อียิปต์ อิหร่าน เอธิโอเปีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เดิมมีชื่ออาร์เจนตินากับซาอุดีอาระเบียด้วย แต่ล่าสุดยังไม่เข้าร่วม) รวมของเก่ากับใหม่เป็น 9 ประเทศ มีประเด็นน่าสนใจ ดังนี้
ภาพ: วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียร่วมประชุมทางออนไลน์
ที่มา: http://en.kremlin.ru/catalog/keywords/13/events/72095/photos/72430
ประการแรก ระเบียบโลกที่สหรัฐเป็นแกนนำเสื่อมถอย
เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่าหลังสงครามเย็นยุติ ขั้วสหภาพโซเวียตล่มสลาย โลกเข้าสู่ระบบขั้วเดียวที่สหรัฐกับพวกเป็นแกนนำ แต่เมื่อจีนเริ่มก้าวขึ้นมาพร้อมกับรัสเซียที่ฟื้นตัวตามลำดับในสมัยปูติน แม้ทั้งคู่ยังเทียบอภิมหาอำนาจสหรัฐไม่ได้ นานาชาติรับรู้อิทธิพลโลกที่เปลี่ยนไป สหรัฐกับพวกถดถอยเมื่อเทียบกับขั้วจีน-รัสเซียที่ก้าวขึ้นมาตามลำดับ
หลายประเทศเอ่ยถึงความไม่พอใจต่อระเบียบโลกเก่า การคว่ำบาตรฝ่ายเดียว การใช้อิทธิพลกดดันให้นานาชาติทำตามนโยบายที่ตนต้องการ ใช้อำนาจบังคับไม่ให้รัสเซียทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบ SWIFT ไม่แปลกหากรัสเซียหนีไปใช้ระบบอื่น หลายประเทศคิดถึงการสร้างระบบชำระเงินใหม่ที่ไม่อยู่ใต้อิทธิพลของรัฐบาลสหรัฐกับพวก
ประการที่ 2 ความเป็นพวกเดียวกันหรือมีศัตรูร่วม
BRICS รวมตัวกันอย่างหลวมๆ บนพื้นฐานการเป็นมิตร บางกรณีอาจตีความว่ามีศัตรูร่วม ในการเมืองระหว่างประเทศ ทุกประเทศหวังมีมิตรจำนวนมาก มีศัตรูให้น้อยที่สุด หลายประเทศเข้าร่วมเพราะต้องการประโยชน์ข้อนี้ อย่างน้อยมีจีน รัสเซีย เป็นเพื่อนให้อุ่นใจ ได้รับความช่วยเหลือมากขึ้นจากกลุ่ม เป็นประโยชน์เบื้องต้นจากการเข้าร่วม BRICS
ความเป็นมิตรเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ควรตระหนักด้วยว่าไม่ใช่จะไม่ขัดแย้งกันเลย ข้อพิพาทเดิมยังอยู่ ความขัดแย้งแนวชายแดนอินเดีย-จีนเป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งคู่พิพาทเรื่องนี้หลายทศวรรษแล้ว มีการปะทะกัน ทหารสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายพร้อมกับการเจรจาเป็นระยะ ยังไม่บรรลุข้อตกลงยุติปัญหาอย่างสมบูรณ์ ทหารหลายหมื่นนายเฝ้าระวังเข้มงวด ได้แค่ไม่ยั่วยุ ไม่ขยายความขัดแย้ง
เป็นลักษณะที่พบเห็นทั่วไปในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ประการที่ 3 ข้อมูลขัดแย้ง BRICS ไม่ใช่กลุ่มต่อต้านสหรัฐ
BRICS ก่อตั้งปี 2010 เป็นชื่อของ 5 ประเทศที่พัฒนาและเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว (Emerging Market) อันประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้ (ก่อนจะเป็น BRICS ที่มีสมาชิก 5 ประเทศ เดิมปี 2001 มีสมาชิกผู้ก่อตั้ง 4 ประเทศ แอฟริกาใต้เข้าร่วมปี 2010) เป้าหมายเบื้องต้นคือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
หากพิจารณารายชื่อสมาชิกเริ่มต้น 5 ประเทศ อินเดียซึ่งอยู่ในกลุ่ม Quad (Quadrilateral Security Dialogue) ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและอินเดีย นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า Quad คือกลไกยุทธศาสตร์ครองความเป็นเจ้าของสหรัฐ ใช้สกัดกั้นอิทธิพลจีนที่กำลังก้าวขึ้นมา ดังนั้นการที่อินเดียเป็นสมาชิกทั้ง BRICS กับ Quad คู่กันเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งว่าเมื่อเริ่มต้น BRICS ไม่ใช่ขั้วต่อต้านอเมริกาหรือยังไม่เด่นชัดในตอนต้น
สมาชิกใหม่ของ BRICS อียิปต์และเอธิโอเปียไม่มีปัญหากับสหรัฐ ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แม้ไม่นานนี้ขยับเข้าหาจีนมากขึ้น แต่ความสัมพันธ์เก่าแก่กับสหรัฐยังดำรงอยู่ บทบาทด้านความมั่นคงของสหรัฐในย่านอ่าวเปอร์เซียเข้มแข็งมาก เฉพาะอิหร่านที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐ
ดังนั้น ไม่น่าจะถูกต้องถ้าตีความว่าการขยายสมาชิกจาก 5 เป็น 9 คือการขยายตัวของขั้วต่อต้านสหรัฐกับพวก รัฐบาลสหรัฐกับพวกไม่สามารถอ้างเต็มปากว่า BRICS คือขั้วต่อต้าน เป็นแนวทางการอธิบายแบบหนึ่ง
ประการที่ 4 โอกาสในฐานะสมาชิก
BRICS เดินหน้าสู่องค์กรร่วมมือหลากหลายแทบทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ สังคมวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม ขาดแต่เพียงการเป็นพันธมิตรทางทหารเท่านั้น (คล้ายประชาคมอาเซียน) ที่ผ่านมาอาจไม่สนิทกับบางประเทศ การอยู่กลุ่มเดียวกันเปิดโอกาสให้ได้ร่วมมืออย่างเป็นทางการ
ยอดค้าขายกลุ่ม BRICS ค่อยๆ โตต่อเนื่อง ตัวเลขนี้จะโตแบบก้าวกระโดดเมื่อมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามา ข้อนี้อาจมองว่าเป็นแค่โอกาสเบื้องต้น หรือหลีกหนีข้อตกลงกลุ่มอื่นๆ ที่เสียเปรียบก็ได้
ประการที่ 5 บทพิสูจน์แนวทางระเบียบโลกใหม่
รัฐบาลจีน รัสเซีย เอ่ยถึงแนวทางระเบียบโลกใหม่ที่ต่างจากของรัฐบาลสหรัฐกับพวก
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศ BRICS ยึดมั่นพหุภาคีนิยม ยึดมั่นกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ ปฏิบัติต่อทุกประเทศอย่างเท่าเทียม นำประเด็นต่างๆ เข้าสู่การปรึกษาหารือ ต่อต้านลัทธิความเป็นเจ้าและการเมืองแห่งอำนาจ (power politics) ส่งเสริมสนับสนุนความร่วมมือความมั่นคงรอบด้านและยั่งยืน เป็นคนกลางร่วมแก้ปัญหาในภูมิภาคต่างๆ
ร่วมกันสร้างเศรษฐกิจโลกแบบเปิด ต่อต้านลัทธิกระทำฝ่ายเดียวและปกป้องการค้า สนับสนุนตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา กลุ่มจะติดตามเส้นทางประวัติศาสตร์อย่างใกล้ชิด ฉวยโอกาสการพัฒนา ร่วมเผชิญหน้าความท้าทาย แสดงบทบาทสร้างสรรค์ต่อการสร้างระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบใหม่ ประชาคมโลกที่ร่วมแบ่งปันอนาคตมนุษยชาติ
ด้านประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า การค้าการลงทุนในกลุ่มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ที่สำคัญคือตั้งอยู่บนหลักความเท่าเทียม ช่วยเหลือกัน เคารพผลประโยชน์ของอีกฝ่าย เหล่านี้คือแนวยุทธศาสตร์หลักของกลุ่มที่ประเทศส่วนใหญ่อยากเห็นเช่นนี้
เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ (Sergei Lavrov) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียชี้ว่า ระบบโลกเดิมที่บางประเทศรักษาการอยู่ดีกินดีของตนด้วยการกดขี่ขูดรีดผู้อื่นกำลังจะสิ้นสุด มนุษยชาติไม่ต้องการเช่นนั้น โลกพหุภาคีที่เป็นธรรมกำลังก่อตัว มีศูนย์เศรษฐกิจใหม่ ศูนย์การตัดสินใจใหม่ที่ยึดผลประโยชน์ของทุกชาติ เคารพอธิปไตยของชาติอื่น หลายประเทศอยากเข้าร่วมกลุ่ม หนีการใช้ดอลลาร์เป็นหลักฐานในตัวเอง ยินดีต้อนรับประเทศที่มีระบอบปกครองหลากหลาย ยอมรับค่านิยมลักษณะเฉพาะ สามารถร่วมมือกันในลักษณะเครือข่าย (network) พูดคุยหารืออย่างเท่าเทียมแม้ต่างวัฒนธรรม ยอมรับว่าทุกชาติล้วนตัดสินอนาคตของตนเอง เลือกแนวทางพัฒนาหลากหลาย BRICS ทำหน้าที่เป็นตัวกลางแสวงหาจุดร่วมในทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องที่ซับซ้อนที่สุด
ดังนั้นสมาชิก BRICS ไม่มีใครคิดสร้างผู้เป็นเจ้าร่วม (collective hegemon) และไม่ใช่การสร้างขั้วตามแบบสงครามเย็น (อย่างไรก็ตามขึ้นกับการตีความ หากตีความว่าแยกตัวออกจากระบอบโลกขั้วเดียวที่สหรัฐเป็นแกนนำ ย่อมต้องตีความว่า BRICS ลดอำนาจสหรัฐกับพวก)
BRICS ในยามนี้คือตัวแทนระเบียบโลกใหม่ที่กำลังเติบโตทั้งเชิงปริมาณกับคุณภาพ เป็นแบบอย่างที่แตกต่างจากระบบของรัฐบาลสหรัฐกับพวก ส่วนจะเป็นแค่นโยบาย “ขายฝัน แอบแฝง หลอกลวง” หรือไม่ สำเร็จมากน้อยเพียงไร กาลเวลาจะให้คำตอบ
การตัดสินใจของกลุ่มใช้หลักประชาธิปไตย แต่ไม่อาจปฏิเสธว่าเมื่อกลุ่มใหญ่ขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น จีนกับรัสเซียได้ประโยชน์โดยตรง โอกาสการค้าการลงทุนมากขึ้น มีมิตรประเทศเพิ่มขึ้น ช่วยลดความขัดแย้งต่อกัน ส่งเสริมความเป็นมหาอำนาจที่ได้รับการยอมรับแม้จะไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตยตามแนวทางตะวันตก ตรงตามที่รัฐบาลสหรัฐกับพวกกังวล
ถ้ายึดว่าระเบียบโลกเดิมมีสหรัฐกับพวกเป็นกลุ่มหลัก BRICS ที่ขยายตัวชี้ว่ามีประเทศที่หันเข้าสู่อีกฝ่ายที่ตรงข้ามสหรัฐมากขึ้น ทั้งนี้หลายประเทศไม่คิดย้ายข้างเปลี่ยนขั้ว เพียงอยากมีมิตรหลากหลาย ร่วมมือกับประเทศที่ไม่อยู่ขั้วสหรัฐ
ที่สุดแล้ว BRICS ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าการเข้าร่วมมีคุณมากกว่าโทษ คุ้มค่าที่เป็นสมาชิก โลกมีโอกาสเป็นพหุภาคี ตอบสนองความต้องการของผู้คาดหวัง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กระสุนนัดเดียวเปลี่ยนโลก
บรรยากาศหาเสียงตอนนี้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นใดอีก ทรัมป์ควรชนะเลือกตั้ง กระสุนนัดเดียวชี้ขาดผลเลือกตั้ง ชี้นำโลกอนาคตควรทำตามนโยบายทรัมป์
เลือกตั้งสหรัฐ 2024 ประชามติเลือกประชาธิปไตย
ไบเดนชี้ว่าตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนทรัมป์อยู่ฝ่ายตรงข้าม ถ้าต้องการปกป้องประชาธิปไตยขอให้เลือกพรรคเดโมแครต
ทำไมสมาชิกอาเซียนสนใจเข้าBRICS
ประเทศไทย มาเลเซีย และเวียดนามพยายามสัมพันธ์ดีกับมหาอำนาจทั้งหลาย ไม่อิงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจนเกินตัว มอง BRICS เป็นโอกาสใหม่
ระบบโลกที่บิดเบี้ยว (2) สงครามยูเครน
เงื่อนไขสงบศึกของปูติน การใช้ทรัพย์รัสเซียที่ยึดได้เป็นหลักฐานชี้ว่าต่างฝ่ายต่างยืนยันรบต่อ บ่งชี้ระเบียบโลกที่บิดเบี้ยว ต้องสู้กันต่อไป
ปูตินยกระดับสัมพันธ์เกาหลีเหนือ-รัสเซีย
บัดนี้เกาหลีเหนือสามารถส่งกระสุนอาวุธต่างๆ ช่วยรัสเซียทำศึกยูเครน แม้กระทั่งส่งกองทัพเกาหลีเข้ารบโดยตรง ดังที่ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวว่า ปูตินคือเพื่อนแท้ที่ดีที่สุด
ระเบียบโลกที่บิดเบี้ยว (1)
สัจนิยมมีข้อดีหลายอย่างแต่เปิดช่องให้รัฐบาลบางประเทศตีความว่าสามารถรุกรานประเทศอื่นๆ เป็นเรื่องปกติของโลก บางประเทศพยายามทำให้ดูดีอ้างว่าเป็นการป้องกันตนเอง