หลานชายคุณปู่

สวัสดีปีใหม่ไทยครับ ช่วงเขียนคอลัมน์นี้ ผมยังอยู่ที่บ้านเฮา เจออากาศทั้งร้อนมากและร้อนธรรมดา

เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่องการขับรถขึ้นมาบ้านเฮากับลูกสาว และการเจอคำถามที่ทำให้อึ้ง เพื่อความยุติธรรมและไม่แพ้กัน ผมขอเล่าเรื่องคำถามจากลูกชายบ้าง เพราะจากสัปดาห์ก่อน ผมเกริ่นไปแล้วว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผมจะเอาเรื่องเบาๆ มาเขียน (แต่ ณ เวลาเขียนคอลัมน์นี้ ข่าวโด่งดังที่สุดคือเรื่องใต้สะดือระหว่างแม่บุญธรรมกับลูกบุญธรรมที่เป็นพระ…ผมได้แต่ส่ายหน้า และประณามว่า…ทุเรศ)

ครั้งก่อนผมเขียนว่า ลูกสาวเป็นคนขี้สงสัยและช่างถาม ซึ่งผมว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าไม่สงสัยอะไรเลย และไม่ถามอะไรเลย มันน่าเป็นห่วงมากกว่าครับ ผมเขียนทำนองว่า วิญญาณคุณพ่อผมไม่ไปไหน เพราะการซักถาม การอยากเรียนรู้ อยู่ในตัวหลานทั้ง 2 แต่ผมจะบอกให้ว่า ความเป็นคุณพ่อผมมีอยู่ในตัวลูกชายผมเยอะ

เส้นผมก็เหมือน หน้าตา (บางมุม) ก็เหมือน ศีรษะที่ค่อนข้างใหญ่ก็เหมือน (แต่ตรงนี้เขาจะเหมือนทั้งผมและคุณปู่ของเขา เพราะเรา 3 คนหัวใหญ่) อารมณ์ขันก็เหมือน แต่สิ่งที่เหมือน (พอๆ กับพี่สาวเขา) คือการอยากเรียนรู้ การถาม (ไม่หยุด) และการตั้งใจฟังคำอธิบาย ถึงแม้บางครั้งอาจจะต้องอธิบายหลายรอบ เพราะเขาจะถามแล้วถามอีก ซึ่งผมไม่ว่าอะไร ถามกี่ครั้งผมก็จะตอบทุกครั้ง แต่มีหลุดบ้างถ้าอารมณ์ไม่ดี ผมจะแสดงความหงุดหงิดกับคำถามที่ซ้ำซาก ทำให้ผมรู้สึกแย่ทุกครั้งที่แสดงความหงุดหงิดใส่เขา และผมรีบขอโทษ เพราะเขายังเด็ก ผมควรจะทำตัวดีกว่านี้ในฐานะพ่อ

ในครั้งนี้ (ระหว่างนั่งรถไปไหน ผมจำไม่ได้) ลูกยิงคำถามที่ทำให้ผมอึ้ง แล้วผมไม่เคยรู้คำตอบมาก่อน ลูกถามว่า “พ่อ ทำไมการยกนิ้วกลาง มันหยาบ?”

ผมรู้มาโดยตลอดชีวิตว่า การยกนิ้วกลางเป็นสัญลักษณ์คำหยาบที่สุดในภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งที่ทุกคนเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก เป็นสิ่งที่รู้จากเพื่อนหรือสื่ออยู่แล้ว แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่า แล้วทำไมต้องเป็นนิ้วกลางที่เป็นสัญลักษณ์คำหยาบที่สุดในภาษาอังกฤษ? มันเริ่มจากไหน? ใครเป็นคนกำหนดต้องเป็นนิ้วกลาง? เป็นสิ่งที่อยู่เคียงคู่ความเป็นมนุษย์ตั้งแต่ยุคหิน? เป็นสิ่งที่เพิ่งปรากฏ อย่างน้อยๆ 50 กว่าปีที่ผมอยู่บนโลกใบนี้? เพราะลูกชายถามผม ผมจึงต้องหาคำตอบครับ

ก่อนอื่น พวกเราเข้าใจตรงกันใช่ไหมว่านิ้วกลางตรงกับคำหยาบในภาษาอังกฤษคำอะไร? ผมคงไม่ต้องอธิบายใช่ไหมครับ? สำหรับภาษาอังกฤษ ยิ่งเฉพาะภาษาอังกฤษที่ออกสื่อ มีคำหยาบอยู่ 7 คำที่ห้ามออกอากาศเด็ดขาด (แต่ในยุคนี้น่าจะหย่อนบ้าง)

ในช่วงที่ผมจัดรายการสดทางวิทยุ มีแฟนรายการท่านหนึ่งโทร.มาถามว่าคำว่า…(คำหยาบที่เป็นสัญลักษณ์นิ้วกลาง)… แปลว่าอะไร ผมนึกว่าเขาอำผม นึกว่าเพื่อนผมแกล้ง แต่เขาบอกว่า เขาสงสัยมานาน ไม่รู้จะถามใคร (ยุคนั้นเป็นยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต) เลยโทร.มาถามผม ผมบอกว่า เมื่อคุณลุงอยากรู้ ผมต้องอธิบาย ผมบอกว่าคำที่คุณลุงสงสัยเป็นคำที่หยาบที่สุด ซึ่งทั้งหมดมีอยู่ 7 คำ และผมก็อธิบายความหมายของคำนั้นเท่าที่อธิบายได้ ซึ่งพออธิบายเสร็จ เขาขอบคุณผมอย่างยิ่ง เพราะเขาอยากรู้มานาน

แฟนรายการ รายต่อไป ถามทันทีว่า…."แล้วอีก 6 คำที่เหลือคืออะไรค่ะ?”

ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันทำรายการวิทยุที่ฮาและสนุกมากครับ เอาล่ะ ตอนนี้เรากลับไปที่คำถามลูกชายผมกัน

สัญลักษณ์นิ้วกลางอาจควบคู่กับความเป็นมนุษย์ตั้งแต่ยุคหินก็ได้ แต่ครั้งแรกที่ปรากฏ ที่ถูกจารึกไว้คือยุคกรีก (เมื่อประมาณ 2,500 ปีที่แล้ว) ในยุคนั้นเขาใช้ (นิ้วกลาง) เป็นคำหยาบก็ว่าได้ แต่ไม่ได้เป็นคำหยาบเดียวกับที่เราคุ้นเคยในยุคนี้ ความหมายของนิ้วกลางในยุคนั้นคืออวัยวะเพศชาย ดังนั้นในการยกนิ้วกลางให้กับใคร ถือว่าเป็นการดูถูกอีกฝ่ายหนึ่ง หรือเป็นการตั้งคำถามว่า “เอาไหม?” แบบชักชวนถ่อยๆ

นอกจากความหมายตรงนั้น การใช้นิ้วกลางคือแหย่อีกฝ่ายด้วยการเอานิ้วกลางไปจิ้มหน้า จิ้มหน้าอก หรือจิ้มเข้าจมูกอีกฝ่าย เพื่อหาเรื่องและแกล้ง ความนิยมการใช้นิ้วกลางในความหมายอวัยวะเพศชายนั้น สืบทอดกันมาถึงยุคโรมัน ซึ่งมีการจารึกไว้ว่า จักรพรรดิ Caligula บังคับให้ผู้ใต้บังคับบัญชา และมวลชนที่เข้าเฝ้าฯ ต้องจูบนิ้วกลางของเขา Caligula มีนิสัยโหดและบ้าอำนาจ การบังคับให้ทุกคนจูบนิ้วกลางของเขา เหมือนแสดงพลังของตนว่าทุกคนต้องจูบอวัยวะเพศของเขา ทั้งๆ ที่รู้ว่านิ้วกลางเป็นสัญลักษณ์อะไรก็ตาม แต่ทำอะไรไม่ได้

การใช้นิ้วกลางอยู่คู่ความเป็นมนุษย์แทบทุกยุคทุกสมัย แต่ในยุคที่ Catholic มีอิทธิพลในโลกนั้น ทางผู้นำศาสนาไม่นิยมให้คนเผยแพร่สัญลักษณ์อวัยวะเพศชาย คนเลยไม่กล้ายกนิ้วกลางกัน จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 19 ที่ชาวยุโรปอพยพมาสหรัฐอเมริกา ยิ่งเฉพาะชาวอิตาเลียนที่ใช้นิ้วกลางในความหมายดั้งเดิม ไม่ใช่เพื่อแหย่ หรือชักชวน แต่ใช้เพื่อด่าจริงๆ (แต่ความหมายยังอยู่ที่อวัยวะเพศชายอยู่)

ในยุคที่การยกนิ้วกลางกลับมา “ฟื้นฟู” และเปลี่ยนจากความหมายเดิม (ที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศชาย) มาเป็นสัญลักษณ์คำที่หยาบสุดในภาษาอังกฤษ คือยุค 1960s ที่มีบรรดา Hippies และบรรดา Anti-Establishment การยกนิ้วกลางในยุคนั้นเรียกว่า Flipping the Bird

Birds (หรือนก) ถือว่าเป็นการแสดงความไม่พอใจต่ออะไรของชาวยุโรป (ยิ่งเฉพาะชาวอังกฤษ) เปรียบเสมือนเป็นการโห่ การยกนิ้วกลางถือว่าเป็นการแสดงความไม่พอใจโดยไม่ต้องออกเสียงอะไร จากนั้นมันค่อยๆ พัฒนาถึงระดับสัญลักษณ์คำหยาบที่สุดในภาษาอังกฤษ ที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้ครับ

วันนี้ แฟนคอลัมน์หลายท่านคงได้ข้อมูลในสิ่งที่ไม่เคยอยากรู้มาก่อน และไม่สนใจมาก่อนก็ได้ ถ้าใครคิดว่าเป็นบทความที่ไม่ “เหมาะสม” ผมขอโทษจากใจจริงครับ (แต่คุณอ่านจนจบเหมือนกันนะครับ) วันที่ผมเขียนคอลัมน์นี้ เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของคุณพ่อ (11 เมษายน) สิ่งที่หลายท่านอาจไม่ทราบ คือคุณพ่อผมเป็นคนมีอารมณ์ขันอย่างแรง และสำหรับคนใกล้ชิดจะรู้ว่าเขามีอารมณ์ขันแบบหยาบ และแบบใต้สะดือ….อย่างแรงพอๆ กัน

ผมไม่รู้ว่าถ้าคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ ผมจะมีโอกาสเขียนบทความหรือไม่ และผมก็ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะถูกใจกับวิธีเขียนของผมหรือไม่ แต่ผมรู้แน่ๆ ว่า ทั้งผม หลานชายคุณปู่ (บางครั้งหลานสาว) และคุณปู่เอง มีอารมณ์ขันแนวเดียวกัน สำหรับคนใกล้ชิดจะยิ่งหยาบ และยิงเน้นเรื่องใต้สะดือ

สำหรับหลานชายคุณปู่ เขายังไม่หยาบและยังไม่รู้เรื่องใต้สะดือ แต่ความเป็นลูกพ่อกับหลานปู่…คงหนีไม่พ้นครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'BRO!!!!!'

เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า

“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย

ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้

Thank you, Fernando

โค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐมาถึงแล้ว ผมขอประกาศตัวว่า ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมาครับ บ้านเมืองเราเต็มไปด้วยนักวิเคราะห์ที่จะฟันธงและวิเคราะห์อย่างหนึ่ง….

28 ยังแจ๋ว!!!!

ผมขออนุญาตเขียนเรื่องเบาๆ อีกสักครั้งหนึ่งครับ ไม่เขียนวันนี้ผมไม่รู้จะเขียนตอนไหน และเอาเข้าจริงผมอยากพาแฟนๆ ทั้งหลายออกจากโลกข่าวดิไอคอนกรุ๊ปครับ

8ปีที่แล้ว….ที่ไม่มีวันลืม

ในชีวิตทุกคนมักจะมีอยู่ไม่กี่เหตุการณ์ที่ทำให้เราจำบรรยากาศ จำบริบท จำความรู้สึก และจำทุกรายละเอียด เมื่อเรารำลึกถึง หรือนึกถึงอีกที