ยโสโอหังไม่ฟังใคร ไม่สนใจกระแส...คิดว่าแจงได้

อ่อนอกอ่อนใจจริงๆ กับสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ตั้งแต่ถ้อยคำ วาจา ท่าที ลีลาการหาเสียงของคนที่ถูกวางตัวว่าวันหนึ่งจะได้เป็นผู้นำประเทศ ตะโกนด้วยสุ้มเสียงมั่นอกมั่นใจในสิ่งที่พูด ทั้งอวดเก่ง อวดดี และด้อยค่าลุงตู่ ประกาศปิดสวิตช์ สว. ปิดสวิตช์ 3 ป. ประชาชนมีกิน มีศักดิ์ศรี ค่าน้ำค่าไฟลดทันที แต่แล้วก็ทำไม่ได้สักอย่าง สว.ก็ยังทำหน้าที่อยู่ 3 ป.เขาก็ไปของเขาเอง ไม่มีใครไปปิดสวิตช์เขา ส่วนประชาชนก็ยังอยู่แบบเดิม หรือบางคนก็แย่ลงด้วยซ้ำ ค่าน้ำค่าไฟก็ยังเป็นปัญหาสำหรับหลายครอบครัว คำสัญญาที่จะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก ทั้งๆ ที่ปากก็บอกว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤต แต่ก็ไม่แจกทันที เพราะรู้ดีว่ามันผิดกฎหมาย นอกจากจะทำผิดกฎหมายแล้ว ผู้รู้ด้านการเงินการคลังจำนวนมากก็ออกมาทักท้วงว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะเป็นการกระทำที่ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นการบริหารประเทศที่ขาดความรับผิดชอบ

แต่พวกเขาก็ไม่ลดละที่จะแจกให้ได้ ทั้งๆ ที่มีคำถามมากมายที่เป็นข้อกังขาของประชาชน แต่พวกเขาก็ไม่มีคำตอบ 1) ทำไมต้องแจกทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป 2) ทำไมต้องแจกเป็นเงินดิจิทัล ใครจะทำหน้าที่เป็นคนแลกเปลี่ยนเงินสดเป็น Token และจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเท่าใด 3) ทำไมไม่จ่ายเป็นเงินสด โดยใช้ app ที่มีอยู่แล้ว จะไปพัฒนา app ทำไม ต้องเสียเงินเท่าใด บริษัทใดจะเป็นคนทำ app 4) ที่บอกว่าจะไม่กู้แม้แต่บาทเดียว จะเอาเงินที่ไหนมาแจก 5) ถ้าหากเป็นสภาวะวิกฤตจริงๆ ทำไมไม่ออกเป็น พ.ร.ก. แล้วแจกทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่กล่าวอ้างล่ะ ยังมีคำถามอีกมากมายที่พวกเขาตอบประชาชนไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมลดละที่จะแจกเป็นเงินดิจิทัลให้ได้ โดยไม่สนใจที่จะตอบคำถามประชาชน เป็นการกระทำในลักษณะของการ “ดันทุรัง” ที่ไม่สนใจความกังขาของประชาชนในลักษณะ “ข้าจะทำ ใครจะสร้างกระแสต่อต้านอย่างไร ฉันไม่สนใจ ฉันก็จะชี้แจงไป ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ ไม่พอใจ แล้วไง ทำอะไรพวกฉันได้ไหมล่ะ”

ในที่สุดก็หาหนทางที่จะหาเงินมาแจกให้ได้ ที่มาทั้ง 3 แหล่งก็เป็นที่กังขาทั้งนั้น 1) จะไปเจียดเอามาจากงบประมาณปี 2567 ที่ผ่านสภาไปแล้ว จะไปเอามาจากกระทรวงไหน จะกระทบโครงการอะไรบ้าง และถ้ากระทบจะเป็นการเสียโอกาสของประเทศหรือไม่ แล้วจะได้ 170,000 กว่าล้านตามที่แถลงหรือไม่ ถ้าตัดได้ไม่พอ จะไปเอางบกลางมาใช้ เป็นการใช้ที่เหมาะสมหรือไม่ 2) จะตั้งงบประมาณปี 2568 เอามาใช้ในการนี้ 150,000 ล้าน ก็แสดงว่าจะต้องกู้มาเพิ่มการขาดดุลงบประมาณปี 2568 มันจะทำให้หนี้สาธารณะปริ่มเพดานหรือไม่ ถ้าหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น ต้องมีการใช้เงินเพื้อแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าว จะสามารถกู้เพิ่มได้อีกหรือไม่ ถ้าหากกู้เพิ่มไม่ได้จะทำอย่างไร 3) จะใช้มาตรการกึ่งการคลังตามมาตรา 28 “ยืม” เงิน ธ.ก.ส. จำนวน 170,000 ล้านกว่าๆ เอามาใช้ก่อน โดยให้ดูแลเกษตรกร 17 ล้านคน เป็นเงิน “ยืม” ไม่ใช่เงินกู้ ขอถามว่าแล้วต้องตั้งงบประมาณมาใช้หนี้หรือเปล่าล่ะ ธ.ก.ส.เขาให้ยืมเฉยๆ หรือเขาคิดดอกเบี้ย เวลาใช้คืนต้องคืนทั้งต้นและดอกใช่ไหม จากเงินต้น 170,000 ล้าน ตอนใช้คืนจะเป็นเงินเท่าใด

เงินที่เอามาจาก ธ.ก.ส.ในโครงการจำนำข้าวยังใช้หนี้ ธ.ก.ส.ไม่หมดเลย ยังค้างอีกมากกว่า 200,000 ล้าน แล้วจะมาเอาเงิน ธ.ก.ส.มาใช้ในการนี้อีก ถาม ธ.ก.ส.แล้วหรือยังว่าทำตามมาตรา 28 ได้จริงหรือไม่ หรือถาม ธ.ก.ส.แล้วยังว่าเขายินดีให้รัฐบาลยืมเงินมาใช้ในการนี้หรือไม่ ถ้าให้ยืม มันจะกระทบสภาพคล่องของเขาที่จะต้องมีเงินไว้ให้เกษตรกรกู้ไปทำกิจการด้านการเกษตรหรือไม่ ถ้าหาก ธ.ก.ส.เขาไม่ยินดีที่จะให้ยืมจะทำอย่างไร แล้วประชาชนที่เป็นเจ้าของเงินฝาก ธ.ก.ส.เขากลัวว่ารัฐบาลอาจจะไม่มีปัญญาใช้หนี้ ธ.ก.ส. แห่ไปถอนเงินจาก ธ.ก.ส.ไปฝากธนาคารอื่น สภาพคล่องของ ธ.ก.ส.จะเป็นเช่นไร หลายคนได้ฟังการแถลงของรัฐบาลก็รู้สึกเป็นห่วง ธ.ก.ส.ถ้าจะต้องปฏิบัติตามความต้องการของรัฐบาล ประชาชนทั่วไปก็ไม่สบายใจจากบทเรียนของการที่รัฐบาลใช้เงิน ธ.ก.ส.ไปทำเรื่องรับจำนำข้าวจนเกิดความเสียหายหลายแสนล้าน

ในการแจกครั้งนี้มีเงื่อนไขมากมาย เป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับร้านค้ารายย่อย และสำหรับคนที่จะใช้เงิน ทั้งเรื่องที่ว่าจะใช้ซื้ออะไรได้ ซื้ออะไรไม่ได้ จะซื้อได้ในตอนใด เป็นเวลานานเท่าใด ในพื้นที่ใด ร้านค้าที่เข้าโครงการนี้จะได้รับเงินสดมาหมุนเวียนในการทำธุรกิจได้ตอนไหน อย่างไร ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด แล้วไม่ต้องกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายของคนที่ได้รับแจกและการเข้าร่วมโครงการของร้านค้า และได้มีมาตรการป้องกันการที่ผู้ซื้อกับร้านค้าจะร่วมมือกันโกงระบบ หากมีการยอมลดจำนวนเงินลง แล้วเอาเงินสดจากร้านค้าในอัตรา 70% หรือ 80% ล่ะ เพราะเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ เพราะรัฐบาลกำหนดเงื่อนไขในการใช้จ่ายเงินหลายข้อมาก เมื่อคนต้องการใช้เงินนอกเงื่อนไขการใช้เงิน มันอาจจะมีการโกงระบบเกิดขึ้นได้

อีกเรื่องหนึ่ง การพิสูจน์รายได้ที่บอกว่าเงินเดือนไม่เกิน 70,000 บาท เงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท ถ้าหากครอบครัวหนึ่ง ผัวมีเงินเดือน 800,000 บาท มีเงินฝากเป็นล้าน เมียเงินเดือน 50,000 บาท มีเงินฝาก 350,000 มีลูกคนแรกอายุ 22 ปีหนึ่งคน เรียนอยู่ปี 4 ยังไม่มีรายได้ มีเงินฝากจากการออมเงินที่พ่อแม่ให้ 20,000 บาท มีลูกคนที่สองอายุ 20 ปีอีกหนึ่งคน เรียนอยู่ปี 2 ยังไม่มีรายได้ มีเงินฝาก 15,000 บาทจากการออมเงินที่พ่อแม่ให้ใช้จ่าย และมีลูกคนที่ 3 อายุ 18 ปี ยังไม่มีรายได้ มีเงินฝากจากการออมเงินเหลือใช้ประจำสัปดาห์ที่พ่อแม่ให้ 12,000 บาท ครอบครัวนี้ แม่ และลูกทั้ง 3 คนจะได้หรือไม่ ถ้าหากตามเงื่อนไขที่กำหนด พวกเขาก็คงจะต้องได้ (หรือมีมาตรการอื่นเพิ่มเติมที่ยังไม่ได้บอก) ดูตัวเลขรายได้ของผัวเมียรวมกัน และเงินฝากของผัวเมียแล้ว ผัวไม่ได้ เมียและลูกได้ เราควรนำเอาภาษีของประชาชนไปแจกให้ครอบครัวนี้กระนั้นหรือ

บางคนบอกว่าไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องรับ หรือไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะได้ก็ไม่ต้องพูด การตอบโต้คนที่คัดค้านแบบนี้มันคือตรรกะวิบัติ ก็เงินที่เอาไปแจกนั้น มันคือเงินภาษีที่พวกเราเป็นคนจ่าย และถ้าหากมีหนี้สินเกิดขึ้นจากโครงการนี้ ต้องตั้งงบประมาณไปใช้หนี้ เงินมาจากไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่เงินภาษีที่ทุกคนต้องจ่ายเมื่อมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่จะต้องจ่าย ในกรณีเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่เสียภาษีสามารถตะโกนว่า “ภาษีกู” ได้ทุกคน ดังนั้นเราจึงมีสิทธิ์จะท้วงได้ แต่การที่พวกเขาไม่ใส่ใจกระแสคัดค้าน บอกว่าใครจะสร้างกระแสอะไรก็สร้างไป ถ้าอะไรเขาพอใจจะชี้แจง เขาก็จะทำ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อคำชี้แจงก็ตามใจ อะไรที่ชี้แจงไม่ได้ ก็ตีเนียนเงียบไป ไม่มีคำชี้แจงใดๆ จะให้ประชาชนต้องทนกับสภาพแบบนี้ไปอีกนานเท่าใด

เรื่องการจัดการกับนักโทษเทวดาก็สร้างความกังขาให้ประชาชนมากมาย แถมยังโพสต์ภาพที่ทำให้คนเชื่อว่ามีการทำลายบดขยี้กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นขบวนการ และการโพสต์ภาพกิจกรรมของนักโทษเทวดานั้น เหมือนจงใจจะเย้ยหยันว่าในประเทศไทยเขาใหญ่ที่สุด ไม่มีใครใหญ่กว่าเขา ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไร ผิดถูกอย่างไร เขาทำได้ทั้งนั้น เพราะคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องยินดีทำตามความต้องการของเขา เพราะความโลภ ความกลัว ความเกรงใจ ความอยากได้ใคร่มีในสิ่งที่ไม่ควรได้ บ้านเมืองเราจึงเป็นเช่นนี้ เราจะปล่อยให้บ้านเมืองเราเป็นเช่นนี้ตลอดไปจริงๆ เหรอคะ... เศร้าค่ะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม