คุณป้า “เจเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ไปเมืองจีนค่อนข้างบ่อย จนมีคนนินทาว่าเธอมีความลำเอียงเข้าข้างจีนหรือเปล่า
แต่ถ้าดูจากบทสนทนาของเธอกับนายกฯ หลี่ เฉียง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เชื่อได้ว่าเธอเป็นนักเจรจาที่เข้มข้นไม่น้อย
เป็นนางสิงห์ที่สร้างรอยยิ้มเพื่อที่จะสามารถเข้าถ้ำเสือให้ได้มากกว่าจะเป็นแมวเชื่องๆ หรือเสือดุในการต่อรองกับฝ่ายจีน
เยลเลนบอกนายกฯ จีนว่า ทั้งสองฝ่ายต้องยอม “พูดเรื่องยากๆ” อย่างตรงไปตรงมา จึงจะสามารถฝ่าข้ามปัญหามากมายหลายเรื่องของสองมหาอำนาจ
เธอบอกว่ายิ่งพูดกันตรงๆ ยิ่งจะมีทางสร้างความมั่นคงในความสัมพันธ์
นายกฯ หลี่ก็ใช่ย่อย...เริ่มการเจรจาด้วยการตอกย้ำว่า ทั้งสองประเทศต้องเคารพซึ่งกันและกัน ควรเป็นหุ้นส่วน ไม่ใช่ศัตรู
และหยอดคำหวานเล็กๆ ว่า "ความก้าวหน้าอย่างสร้างสรรค์" ได้เกิดขึ้นแล้วจากการที่เธอได้เดินทางมาพบปะกับผู้นำจีนเป็นระยะๆ
เยลเลนบอกว่า วอชิงตันและปักกิ่งมี “หน้าที่” ในการจัดการความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนอย่างมีความรับผิดชอบ และเธอก็นำเสนอประเด็นสำคัญ...คือการควบคุมกำลังการผลิตส่วนเกินของจีน “แม้เรายังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก แต่ดิฉันเชื่อว่าในปีที่ผ่านมา เราได้ทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีของเรามั่นคงยิ่งขึ้น”
แต่เธอก็ย้ำว่า จะต้องยอมรับว่าทั้งสองประเทศยังมีความเห็นต่างกันอีกหลายเรื่อง “นี่ไม่ได้หมายถึงการเพิกเฉยต่อความแตกต่างของเรา หรือหลีกเลี่ยงการสนทนาที่ยากลำบาก แต่หมายถึงการเข้าใจว่า เราจะก้าวไปข้างหน้าได้ก็ต่อเมื่อเราสื่อสารกันโดยตรงและเปิดเผยต่อกัน”
เธอเปิดไพ่ใบสำคัญออกมาแกมตำหนิปักกิ่ง ว่าด้วยการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แผงโซลาร์เซลล์ และผลิตภัณฑ์พลังงานสะอาดอื่นๆ ส่วนเกินของจีนมีผลกระทบต่อผู้ผลิตในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ
คุณป้าเยลเลนย้ำให้นายกฯ จีนเห็นว่าเธอมีความผูกพันกับจีนไม่น้อย เพราะนี่คือการเยือนจีนครั้งที่สองในรอบเก้าเดือน
ครั้งก่อนเธอมาเยือนปักกิ่งในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
เป็นความพยายามอย่างไม่ลดละที่จะทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคีเป็นปกติเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากที่ระดับความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นมาเป็นเวลานาน อันเกิดจากความขัดแย้งประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไต้หวันไปจนถึงต้นกำเนิดของโควิด-19 และข้อพิพาททางการค้า
อีกหนึ่งสัญญาณบ่งชี้ความพยายามของทั้งสองฝ่าย ที่จะประคับประคองไม่ให้หลุดออกจากกรอบที่ควรจะเป็น
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน พยายามจัดการบริหารความตึงเครียดเหนือทะเลจีนใต้ด้วยการพูดคุยทางโทรศัพท์เกือบ 2 ชั่วโมงเมื่อสัปดาห์ก่อน ใกล้กับตอนที่คุณป้ามาเยือนปักกิ่ง
เป็นการพูดคุยโดยตรงครั้งแรกของสองผู้นำ ตั้งแต่การประชุมสุดยอดในเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ในเมืองกว่างโจว ซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งออกทางตอนใต้ของจีน เยลเลนและรองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง ของจีนตกลงที่จะเริ่มการเจรจาที่เน้นไปที่ "การเติบโตอย่างสมดุล"
เยลเลนย้ำว่า เธอตั้งใจที่จะใช้เวทีนี้สนับสนุนให้เกิด “การแข่งขันที่เท่าเทียม” กับจีน เพื่อปกป้องคนงานและธุรกิจของสหรัฐฯ
“ในฐานะที่เรามีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดสองแห่งของโลก เรามีหน้าที่ต่อประเทศของเราเองและต่อโลก ในการจัดการความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของเราอย่างมีความรับผิดชอบ และให้ความร่วมมือและแสดงความเป็นผู้นำในการจัดการกับความท้าทายเร่งด่วนระดับโลก” นั่นคือประโยคสำคัญที่เธอบอกนายกฯ หลี่ของจีน
หน่วยข่าวกรองเศรษฐศาสตร์คาดว่า กำลังการผลิตแบตเตอรี่ของจีนจะแซงหน้าความต้องการ 4 เท่าภายในปี 2570 เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การที่รัฐบาลจีนอุดหนุนการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ได้ช่วยให้ยักษ์ใหญ่จีนอย่าง BYD และ Geely คว้าส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยกระดับให้จีนกลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกด้วย
มีหรือที่มะกันจะไม่หวั่นไหว
เพราะอเมริกาตั้งข้อสังเกตว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วยังหมายความว่าจีนได้สร้างกำลังการผลิตรถ EV ส่วนเกิน ซึ่งอาจอยู่ระหว่าง 5 ถึง 10 ล้านคันต่อปี
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของรายงานของบริษัทที่ปรึกษา Automobility
สี จิ้นผิง ประกาศวลีโดดเด่นครั้งใหม่ที่เรียกว่า "พลังการผลิตใหม่" อันหมายถึงการลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัยในอุตสาหกรรมล้ำยุค เช่น รถยนต์ไฟฟ้า การบินอวกาศเชิงพาณิชย์ และวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต ซึ่งเดิมเป็นสาขาที่บริษัทสหรัฐฯ จำนวนมากเคยมีความได้เปรียบ
สื่อจีนออกมาโต้แย้ง “คุณป้า” ในประเด็นเรื่อง “การผลิตส่วนเกินของจีน” อย่างไม่เกรงอกเกรงใจเช่นกัน
สำนักข่าวซินหัวของรัฐแย้งว่า การพูดถึง "กำลังการผลิตล้นเกินของจีน" ในภาคพลังงานสะอาดเป็นข้ออ้างของสหรัฐฯ ในการออกนโยบายกีดกันทางการค้าเพื่อปกป้องบริษัทอเมริกัน
สื่อจีนบอกว่า การที่สหรัฐฯ พยายามสกัดกั้นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าของจีนจะไม่ช่วยให้สหรัฐฯ เติบโตได้แต่อย่างใด
น่าสังเกตว่า เยลเลนไม่ได้ขู่ที่จะขึ้นภาษีหรือกำหนดอุปสรรคทางการค้าอื่นๆ หากจีนล้มเหลวในการควบคุมการสนับสนุนจากรัฐที่ขยายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ และผลิตภัณฑ์พลังงานสะอาดอื่นๆ เกินกว่าความต้องการในประเทศ
และเธอก็โปรยคำหวานว่าเธอมี “ความมั่นใจมากขึ้น" เกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีนว่าจะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้ หลังจากเธอได้เห็นนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์และหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น
สำนักข่าวซินหัวของจีนระบุในแถลงการณ์ว่า การหารือระหว่างเหอกับเยลเลนนั้น "ตรงไปตรงมา มีเหตุผล และสร้างสรรค์" และยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเติบโตที่สมดุลและเสถียรภาพทางการเงิน
ในภาพรวมแล้วจีนมอง “คุณป้า” ในทางบวกมากกว่ารัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่ไบเดนส่งมาเจรจากับฝ่ายจีน
เมื่อจีนมีการทูตผสมผสานระหว่างความดุดันและนิ่มนวล (หมาป่ากับพิราบ) สหรัฐฯ ก็ใช้กลยุทธ์ “แรงสลับเบา” ได้เหมือนกัน
เพราะต่างฝ่ายรู้ว่าหากฟาดฟันกันไม่หยุด ก็เจ๊งทั้งคู่!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ