อสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีห่วงโซ่ยาว ตั้งแต่ภาคการผลิตต่างๆ เช่น เหล็ก ซีเมนต์ การท่องเที่ยว ตลอดจนการเงิน หากภาพรวมอสังหาฯ ดีย่อมส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมใกล้เคียง แต่หากลบก็กระทบธุรกิจอื่นๆ ได้เช่นกัน แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกที่ผลักดันให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น แต่ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และภาวะหนี้ครัวเรือนที่บั่นทอนกำลังซื้อในประเทศ ส่งผลกับภาคอสังหาฯ อย่างเห็นได้ชัด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2567 หดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยการเปิดโครงการ 2 เดือนแรกของปี 2567 ลดลงกว่า 48.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักๆ มาจากปัจจุบันพบความต้องการและความสามารถของผู้ซื้อที่ยังเปราะบาง
สะท้อนจากการจองซื้อที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ยังไม่ดีขึ้น โดยผู้บริโภคยังชะลอการซื้อ จากข้อมูลของ Agency for Real Estate Affairs (AREA) ระบุว่า ช่วง 2 เดือนแรกปี 2567 ยอดจองซื้อที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลหดตัว 48.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีจำนวนเพียง 6,769 หน่วย
เช่นเดียวกับยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยหดตัวต่อเนื่อง แต่ที่อยู่อาศัยมือสองได้รับการตอบรับดีกว่าที่อยู่อาศัยใหม่ เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยมือสองที่ถูกกว่า เมื่อเปรียบเทียบทำเลและขนาดพื้นที่ใช้สอย และที่ผ่านมาที่อยู่อาศัยมือสองมีการประกาศขายในตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีทางเลือกมากขึ้น นอกจากนี้ราคาที่อยู่อาศัยที่มีการซื้อขายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.6 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นกว่า 24%
ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปี 2567 ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ได้แต่หวังรอภาครัฐออกมาตรการมาช่วยเหลือ โดยเฉพาะมาตรการทางการเงินและภาษีสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยที่จะเข้ามาช่วยประคองสถานการณ์ตลาด
ซึ่งล่าสุด กฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง ได้ออกมาระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 9 เม.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอแพ็กเกจมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ให้ที่ประชุมพิจารณา อาทิ การผ่อนปรนมาตรการลดค่าโอนอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 2% เหลือ 1% และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% ซึ่งจะครอบคลุมสำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่มีราคาเกิน 3 ล้านบาทด้วย ซึ่งปัจจุบันมาตรการนี้จะให้สิทธิเฉพาะที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่คลังจะพิจารณาผ่อนปรนให้ที่อยู่อาศัยที่ซื้อขายเกิน 3 ล้านบาท มีสิทธิได้รับส่วนลดค่าโอนและจดจำนอง ในส่วนของ 3 ล้านบาทแรกได้ ส่วนเกินที่นอกเหนือจากนั้น ให้จ่ายค่าโอนและจดจำนองตามอัตราปกติ
และยังจะปรับสินเชื่อของ ธอส.ที่มีอยู่ เช่น การปลดล็อกให้โครงการบ้านล้านหลัง เฟส 3 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้สามารถปล่อยกู้บ้านที่เกินราคา 1.5 ล้านบาทได้ จากปัจจุบันที่กำหนดให้กู้เฉพาะที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท เช่น บ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองมากขึ้น และยังสอดคล้องกับราคาที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่ราคาเกิน 1.5 ล้านไปแล้ว และมาตรการอื่นๆ อีกมากมาย
คงต้องมารอลุ้นกันว่า มาตรการนี้จะผ่านความเห็นชอบจาก ครม.หรือไม่ โดยเฉพาะขยายราคาบ้านเป็นไม่เกิน 7 ล้านบาท มาตรการนี้เพื่อใคร.
บุญช่วย ค้ายาดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
OCAแก้วิกฤตพลังงานไทย
ปัจจุบันปริมาณสำรองก๊าซของไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจนเข้าขั้นวิกฤต ส่งผลให้ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ในราคาที่ผันผวนเพิ่มมากขึ้น มีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นของประชาชนและรายได้งบประมาณของรัฐลดลง
ซึมยาวถึงกลางปีหน้า
ข้อมูลจากสถาบันยานยนต์จะพบว่า ในปี 2566 ตลาดยานยนต์ในไทยมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 18% ของ GDP ประเทศ และจากการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ของภาครัฐที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับ 10 ของโลก อันดับ 5 ของเอเชีย และอันดับ 1 ของอาเซียน
เปิด5เคล็ดลับผ่อนบ้านหมดไว!!
การมีบ้านหรือคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง อาจเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของมนุษย์เงินเดือนหลายๆ คน ด้วยหลากหลายเหตุผล เช่น เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ขยับขยายที่อยู่เพื่อเริ่มสร้างครอบครัว หรือมีความคุ้มค่าในระยะยาว แทนการเช่าอยู่อาศัย
เสียงแตกแจกหมื่นช่วยกระตุ้นศก.?!?
รัฐบาลได้ประมาณการว่า การโอนเงิน 10,000 บาทผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการกว่า 14.55 ล้านราย วงเงินกว่า 1.45 แสนล้านบาทนั้น
ตั้งความหวังมาตรการฯ รัฐช่วย
แม้ความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อแผนการซื้อบ้าน/คอนโดฯ ของคนรุ่นใหม่ แต่ความต้องการซื้อนั้นยังคงมีอยู่ โดยกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) และ Gen Z จากผลการสำรวจของ
'ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน'ยังสดใส!!
“ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน” เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เพราะเกี่ยวเนื่องกับการดูแลสุขภาพและการรักษาชีวิตผู้คน อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูง ซึ่งนอกจากจะสะท้อนจากตัวเลขรายได้ของธุรกิจที่มีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทแล้ว