ทูตปักกิ่งเข้าพบอดีตผู้นำทหารพม่า ขณะทหารจีนซ้อมรบชายแดน

เมื่อทูตจีนไปขอพบอดีตผู้นำทหารพม่าอย่างน้อย 2 คน ในจังหวะที่กองทัพพม่ากำลังเพลี้ยงพล้ำในสนามรบให้กับฝ่ายต่อต้าน ก็มีการคาดการณ์กันว่าปักกิ่งกำลังรณรงค์หาทางออกให้วิกฤตของพม่าอย่างไรหรือไม่

ภาพชุดนี้จะเห็นเอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมา Chen Hai ไปพบนายพลตาน ส่วย และอดีตนายทหารรองจากตาน ส่วย คือหม่อง เอ และอดีตประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ที่เมืองหลวงเนปยีดอ

ถือเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกและอาจจะมีความหมายทางการเมืองในจังหวะที่จีนมีความกังวลต่อสถานการณ์ในพม่าค่อนข้างสูง

สื่อทางการไม่ได้บอกว่าการพบปะกับอดีตผู้นำพม่าของทูตจีนมีขึ้นวันไหน แต่เข้าใจว่าเป็นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะในคำบรรยายภาพระบุว่า เนื่องในโอกาส “ปีใหม่” ซึ่งก็ตรงกับสงกรานต์ของไทยเรานี่เอง

รายงานข่าวชิ้นนี้บอกว่า ทูตจีนให้คำมั่นกับอดีตผู้นำพม่าว่าปักกิ่งจะยังเดินหน้าสนับสนุนสันติภาพ, เสถียรภาพและความสมานฉันท์ รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนพม่าต่อไป

แม้ว่านายพลตาน ส่วย จะเกษียณตั้งแต่ต้นปี 2011 แต่นักการทูตจีนก็มักจะไปเยี่ยมเยือนเสมอ

ปีที่แล้ว เห็นชัดว่าทางการจีนให้ความสำคัญกับอดีตนายทหารที่ยังทรงอิทธิพลคนนี้ต่อเนื่อง...โดยเฉพาะในภาวะที่ฝ่ายต่อต้านเพิ่มกิจกรรมการสู้รบต่อรัฐบาลทหารของมิน อ่อง หล่าย อย่างมีนัยสำคัญ

ที่น่าจะเกี่ยวโยงกับกิจกรรมทางการทูตของจีนในพม่าก็คือข่าวจากกองทัพจีนเองที่ได้ยกระดับการเตรียมพร้อมตรงบริเวณชายแดนจีนติดกับพม่า ที่มีการสู้รบระหว่างกองกำลังโกก้างกับกองทัพพม่า

ข่าวสัปดาห์ที่ผ่านมาอ้างกองทัพปลดแอกประชาชนที่ประกาศว่าจะยังคงเฝ้าระวังระดับสูง และ “เสริมสร้างความเข้มแข็งยิ่งขึ้น” ในการลาดตระเวนและการควบคุมตามแนวชายแดนจีนติดกับเมียนมา

หลังจากการฝึกซ้อมด้วยกระสุนจริงในพื้นที่ดังกล่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมา    

บทความที่ตีพิมพ์โดยทางการของ PLA Daily ระบุว่า ความตึงเครียดได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ทางตอนเหนือของเมียนมา อันเป็นบริเวณที่กลุ่มต่อต้านกำลังรุกไล่ฝ่ายกองทัพรัฐบาลอยู่

คำแถลงของกองทัพจีนบอกว่า แม้ว่าทั้งสองประเทศจะเป็นเพื่อนบ้านที่ “เป็นมิตร” มานานหลายทศวรรษ แต่สงครามทางตอนเหนือของเมียนมาได้กลายเป็น “ภัยคุกคามอย่างรุนแรง” ต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน

และ “ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัยบริเวณชายแดนทั้งสองฝ่าย”

ภาษาของบทความที่ฝ่ายจีนใช้ขึงขังจริงจังไม่น้อย

อีกตอนหนึ่งบอกว่า “กองทัพจีนมีการตื่นตัวอยู่เสมอ และจะยกระดับการลาดตระเวนและมาตรการควบคุมชายแดน ตลอดจนการคุ้มครองความมั่นคงระหว่างจีนและเมียนมา”

โดยเน้นว่า PLA จะใช้ “มาตรการที่จำเป็นทั้งหมด” เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและความปลอดภัยของประชาชน

เป็นที่รู้กันว่าพม่าได้ตกอยู่ในภาวะ “สงครามกลางเมือง” อย่างยืดเยื้อต่อเนื่องหลังจากการรัฐประหารโดยมิน อ่อง หล่าย เมื่อกว่า 3 ปีก่อน

แรกเริ่มนั้น ฝ่ายทหารคงเชื่อว่าแม้จะมีการต่อต้านในระยะแรก แต่หากมีการปราบปรามอย่างจริงจังก็ยังจะสามารถระงับยับยั้งฝ่ายต่อต้านได้

แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่

เพราะกลุ่มต่อต้านในเมือง เมื่อถูกไล่ล่าโดยกองทัพก็หนีเข้าป่า ตั้งเป็นกองกำลังสู้รบ

และต่อมาก็ได้จับมือกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้ปักหลักสู้กับรัฐบาลกลางมาหลายสิบปีแล้ว

กลายเป็นการรวมตัวของกลุ่มที่ยืนอยู่คนละข้างกับกองทัพมาช้านานอย่างแข็งขัน

และตั้งแต่ “ยุทธการ 1027” ซึ่งเป็นการรวมตัวของ 3 กลุ่มติดอาวุธที่สำคัญคือ โกก้าง, อาระกันและตะอาง เป็น “พันธมิตรฝ่ายเหนือ” ก็เห็นการถอยร่นของฝ่ายกองทัพตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้

จีนได้แสดงความไม่สบายใจซ้ำแล้วซ้ำอีกเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของพื้นที่ชายแดนในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยดำเนินการฝึกซ้อมด้วยกระสุนจริงครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐประหารในเดือนพฤศจิกายน ตามมาด้วยการซ้อมรบในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ตามข้อมูลของ PLA การฝึกซ้อมครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมร่วมที่เป็นการผสมผสานของกองกำลังทางบกและทางอากาศ มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงขีดความสามารถของจีนในการ “จัดการกับเหตุฉุกเฉินต่างๆ” ที่ชายแดน

บทความนี้ย้ำข้อเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทางตอนเหนือของเมียนมา

โดยขอให้ “ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องใช้ความยับยั้งชั่งใจสูงสุดและดำเนินการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา”

ปักกิ่งได้เล่นบทเป็นตัวกลางการเจรจาระหว่างรัฐบาลทหารของเมียนมาและกลุ่มพันธมิตรสามภราดรภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ก่อเหตุโจมตีครั้งใหญ่ในรัฐฉานทางตอนเหนือเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

จนถึงขณะนี้มีการหารือกันมาแล้ว 4 รอบ

โดยรอบที่สามนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว แต่ก็มีรายงานว่ามีการละเมิดโดยรัฐบาลทหารในวันต่อมา

นอกจากเรื่องความมั่นคงแล้ว จีนยังกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักทางการค้าที่เกิดจากความไม่มั่นคงในภาคเหนือของเมียนมา

การเจรจาสันติภาพรอบที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วในเมืองคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ซึ่งมีพรมแดนร่วมกับรัฐฉาน       

เป็นการเจรจาที่มุ่งเน้นไปที่การให้มีการฟื้นกิจกรรมการค้าชายแดนอีกครั้ง

แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจน

สำนักข่าวอิรวดีรายงานการเยือนเมียนมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์โดยผู้ว่าราชการยูนนาน หวัง หยูโป

รายงานข่าวแจ้งว่า นายหวังเข้าพบกับมิน อ่อง หล่าย เพื่อหารือเกี่ยวกับการฟื้นฟูการค้าและการเคลื่อนไหวของสินค้าระหว่างเมียนมาและยูนนาน

สถานการณ์วุ่นวายในพม่าทำให้เพื่อนบ้านทั้งหลายเกิดปัญหากันโดยทั่วหน้าไม่ว่าจะเป็นจีน, อินเดีย, บังกลาเทศ และ สปป.ลาว ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียนปีนี้ด้วย

สำหรับไทย เรื่องพม่าต้องเป็น “วาระแห่งชาติ” อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องได้รับความสนใจระดับต้นๆ ของรัฐบาล

ที่ยังต้องสร้างกลไกการประสานงานของฝ่ายความมั่นคง, ต่างประเทศ, เศรษฐกิจ, สังคมและด้านการปกครองที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ให้จงได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ

แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ

เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง

พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์

ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด

เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!

อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว