ด้านหนึ่ง จีนมี “การทูตสไตล์ดุดันอย่างหมาป่า” กับวอชิงตันในเรื่องการเมืองและความมั่นคง
อีกด้านหนึ่ง จีนก็กำลังสร้าง “การทูตโปรยเสน่ห์” สำหรับนักธุรกิจและนักวิชาการสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ สี จิ้นผิง ของจีนมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้นำ “เสือยิ้มยาก”
เป็นภาพของผู้นำเด็ดขาด ไม่ยอมให้มีความเห็นต่าง กวาดล้างเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต และโจมตีสิ่งที่ปักกิ่งมองว่าเป็นอำนาจนำของสหรัฐฯ
แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งโลกเห็นสี จิ้นผิง ในฟอร์มของ “ผู้นำที่แสนน่ารัก”
ชักชวนให้ซีอีโอและนักวิชาการชื่อดังของสหรัฐฯ ให้มาลงทุนในจีน
พร้อมประกาศว่า “นโยบายเปิดประเทศของจีนจะไม่มีวันปิดอีก...”
อีกทั้งยังนำเสนอแนวทาง “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” อย่างประนีประนอม
ภาพที่เห็นคือ สี จิ้นผิง ต้อนรับขับสู้คณะผู้บริหารธุรกิจอเมริกัน 18 คนจากธุรกิจยักษ์มากมายหลายแห่ง
เช่น Evan Greenberg จาก Chubb, Stephen Schwarzman จาก Blackstone และ Cristiano Amon จาก Qualcomm
สถานที่ต้อนรับคือหอประชุมประชาชนใหญ่ หรือ Great Hall of the People ในลักษณะ “จัดเต็ม”
มีการถ่ายรูปร่วมกันทั้งแบบแยกกลุ่มและรูปหมู่ ซึ่งได้รับการเผยแพร่ในสื่อจีนอย่างกว้างขวางและตื่นตาตื่นใจ
มีการสนทนาตอบคำถามกันยาวนานเกือบสองชั่วโมง
เป็นฉากของสี จิ้นผิง ต้อนรับขับสู้อาคันตุกะอย่างเป็นกันเองในบรรยากาศที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เพราะก่อนหน้านี้ วิถีปฏิบัติคือการดำเนินการตามพิธีรีตองอย่างเข้มงวดและเป็นทางการ
“คุณรู้ไหมว่า สี จิ้นผิง พยายามอย่างยิ่งที่จะชนะใจผู้นำธุรกิจอเมริกันกลุ่มนี้” สตีฟ ออร์ลินส์ ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน และหนึ่งในผู้เข้าร่วมและผู้จัดงานเยือนครั้งนี้บอกสื่อสหรัฐฯ หลังงานใหญ่วันนั้น
สี จิ้นผิง ตอกย้ำตลอดการสนทนาว่าเศรษฐกิจของจีนยังจะดีต่อไป และปัญหาต่างๆ ที่เผชิญอยู่ขณะนี้จะได้รับการแก้ไขแน่นอน
เป็นการเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น, มุ่งมั่น และเอาอกเอาใจอย่างที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน
เพราะการพบปะครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจของจีนกำลังดิ้นรนเพื่อฟื้นตัว
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จีนยังอยู่ในภาวะตกต่ำอย่างหนัก ซึ่งบั่นทอนอุปสงค์ในประเทศ
และคู่ค้าของจีนต่างก็บ่นว่าจีนเล่นตัดราคาสินค้าส่งออกไปประเทศต่างๆ จนมีผลกระทบต่อประเทศต่างๆ เหล่านั้นอย่างมาก
แต่ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว จีนพยายามประคองความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ โดยสีได้พบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ซานฟรานซิสโกในเดือนพฤศจิกายน
ตอนนั้น สียังได้ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับผู้นำธุรกิจของสหรัฐฯ และรับปากว่าจะติดตามผลในจีนในปีนี้
จังหวะเดียวกันนั้นผู้นำธุรกิจในยุโรปก็มาปรากฏตัวที่ปักกิ่งเช่นกัน
เป็นการเข้าร่วมการประชุมนักลงทุนประจำปีที่สำคัญอย่าง China Development Forum
วลีทองของสี จิ้นผิง วันนี้เกี่ยวกับการฟื้นเศรษฐกิจจีน
คือ "การเติบโตคุณภาพสูง"
สีบอกกับผู้บริหารมะกันว่าแม้วงการอสังหาริมทรัพย์อาจยังคงเป็นปัญหาอยู่ แต่รัฐบาลจะจัดหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุเพื่อไม่ให้กระทบคนระดับกลางและล่าง
คนที่เข้าร่วมประชุมกับสีบอกว่าผู้นำจีนได้เน้นถึงความสำคัญของภาคเอกชน การปฏิรูป และความกังวลเกี่ยวกับ “ความสัมพันธ์ที่ยังมีปัญหาบางประการ” กับสหรัฐฯ
สีย้ำว่าจีนไม่ได้พยายามที่จะแทนที่บทบาทของสหรัฐฯ ในโลก และพูดอย่าง “กระตือรือร้น” เกี่ยวกับความพยายามของจีนในการจำกัดสารตั้งต้นของเฟนทานิล
อันเป็นข้อเรียกร้องสำคัญของสหรัฐฯ
เพราะประเด็นเรื่องยาเสพติดตัวนี้ทำให้ย้อนไปถึงประวัติศาสตร์ว่าด้วยปัญหายาเสพติดของจีนในอดีต
ภาพสงครามฝิ่นระหว่างอังกฤษและจีนในศตวรรษที่ 19 ก็กลับมาหลอกหลอนได้อีก
อีกด้านหนึ่ง ผู้บริหารตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นของจีนก็เปิดโรดโชว์ในสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์ที่ผ่านมาเหมือนกัน
ด้วยสโลแกนว่า “จีนกำลังรักษาเสถียรภาพการเติบโตและฟื้นฟูความเชื่อมั่น”
เจ้าหน้าที่อาวุโสของจีนบอกกับนักลงทุนในระหว่างการประชุมนักลงทุนที่นิวยอร์กว่า เศรษฐกิจมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ 3 ประการ
ซึ่งรวมถึง “การสร้างความเป็นเลิศใหม่ในการผลิต การบริโภคที่เพิ่มขึ้น และการขยายตลาดส่งออก”
แต่ต้องจับตาปฏิกิริยาตอบโต้จากกลุ่มเหยี่ยวในรัฐสภาสหรัฐฯ และพันธมิตรในปักกิ่ง
นักวิจารณ์ในสหรัฐฯ บางค่ายบอกว่าปักกิ่งกำลังพยายามเอาใจผู้นำธุรกิจของอเมริกาเพื่อสร้างความแตกแยกในวอชิงตัน
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในกรุงปักกิ่งก็กังวลว่าสหรัฐฯ ต้องการจำกัดการผงาดขึ้นของจีน
หนึ่งวันหลังจากการพบปะกับผู้บริหารระดับสูง จ้าว เล่อจี หนึ่งในมือขวาของสี จิ้นผิง กล่าวย้ำในการประชุมระหว่างประเทศทางตอนใต้ของจีนว่า สหรัฐฯ ต้องการเริ่มสงครามเย็นครั้งใหม่
ในวันเดียวกันนั้น หน่วยงานสายลับของจีน กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ ได้หยิบยกข้อกล่าวหาใหม่ว่าที่ปรึกษาระหว่างประเทศบางรายถูกใช้โดยหน่วยข่าวกรองต่างประเทศที่ไม่เป็นมิตร
เห็นได้ชัดว่าสองยักษ์ใหญ่ยังเล่นเกมต่อรองระหว่างกันอย่างร้อนแรง
จีนต้องการจะแยกเรื่องค้าขายและลงทุนออกจากเรื่องการเมืองและความมั่นคง
เพราะสี จิ้นผิง รู้ว่านักธุรกิจมะกันต้องการจะได้ประโยชน์จากตลาดของจีน
ขณะที่โจ ไบเดน ก็รู้ว่าจีนไม่อาจจะทำลายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ ได้เพราะอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ของจีนเช่นกัน
เราจึงเห็น “ละครการเมือง” ระหว่างสองค่ายมหาอำนาจที่กำลังเล่นกันคนละเวที คนละเวลา และผู้แสดงที่แยกบทเล่นกันอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ