กลับมาแน่ครับพี่น้อง!

 “ผมไม่ใช่คนดี 100% หรอกครับ..

มีขาว มีดำ มีเทา เหมือนกับทุกคนบนโลกใบนี้ แต่ดรามาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ผมเรียนรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ผมสมควรทำ อะไรที่ดีกับประเทศชาติบ้านเมือง

ผมอยากส่องกระจกแล้วภาคภูมิใจในตัวเอง อยากให้ลูกภูมิใจในตัวผม พวกคุณไม่ชอบผมไม่เป็นไร แต่ขอให้ติดตามดูความเปลี่ยนแปลงกันต่อไปนะครับ”

นี่..คือข้อความที่ “ทนายตั้ม” คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์ และไม่รู้ด้วยเหตุใด อ่านแล้วทำให้นึกเห็นใบหน้าคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ลอยอยู่ตรงหน้า พลางนึกถึงข้อความ..

“ผมนั้นเป็นคนสีเทา และไม่เคยเปลี่ยน หรืออันที่จริงแก่เกินไปที่จะเปลี่ยน ผมไม่ใช่คนดี หรือเป็นสุจริตชนแต่อย่างใด..

หากจะเรียกผมว่า “โจร” คงผิด ต้องเรียกผมว่า “มหาโจร” เป็นโจร ย่อมรู้ใจโจร ชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมต้องทันโจร บางเรื่องผมก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ เรื่องคงตายไปกับผม

เพราะผมก็มี “จรรยาโจร” ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่โจรอย่างผม แต่อยู่ที่คนแกล้งทำตัวขาว แสร้งทำดี ดูเหมือนคนดี แต่แท้จริงแล้วมันคนเลวหลบใน”

ครับ..ทนายตั้มไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็น “โจร” แค่ยอมรับ “มีขาว มีดำ มีเทา” และเมื่อเปิดใจพูดออกมาอย่างนี้..

ผมก็ขอเป็นกำลังใจ และจะติดตามดูความเปลี่ยนแปลงที่จะมีขึ้น..เดินให้ไกล ไปให้ถึงก็แล้วกัน!

เออ..แล้วนั่นก็ต้องติดตามดูเหมือนกัน ก็ที่คุณก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตแกนนำ นปช. บอกว่า.. “เป็นความโชคดีที่ประเทศไทยมีนายกฯ ที่มาจากภาคธุรกิจ ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน”

พร้อมกับแกว่งปากต่อว่า.. “ส่วนนักวิพากษ์วิจารณ์การเมืองที่ชอบมโน ว่านายเศรษฐาจะถูกเปลี่ยนตัว ถูกปลด ซึ่งล้วนเป็นการปล่อยข่าวให้ตกใจ

สร้างความไม่เชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศนั้น ตนขอให้หยุดมโน ถ้าว่างมาก กรุณาไปหางานทำ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมจะดีกว่า”

แม้ไม่เอ่ยนาม คนอ่านก็คงพอจะเดาได้หมายถึงใคร เพราะคนที่ปูดประเด็นคุณเศรษฐาถูกปลด-ถูกเปลี่ยนตัวอยู่บ่อยครั้ง หรือจะเรียกว่าย้ำบอกอยู่แทบทุกวัน

มีคนเดียวเท่านั้น คือ.. “คุณจตุพร พรหมพันธุ์” ก็ลองดูแล้วกัน..แกว่งปากหาเสี้ยนหรือไม่?

อ้อ..ส่วนผมไม่ได้จะ “แกว่งปาก” หาอะไรทั้งนั้น พอดีได้ไปร่วมบุญ-ทำกุศลในงานคอนเสิร์ต “มันส์หรอย2” ที่ “โกเด๊ะ” หรือคุณพรัญชัย อดิเทพวรพันธุ์ จัดฉลองวันคล้ายวันเกิด

และเปิดขายโต๊ะ-รับบริจาค เพื่อนำเงินรายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้กับ รพ.ทุ่งสง (จ.นครศรีธรรมราช) ได้ทั้งสิ้น 4,300,000 บาท เมื่อวันก่อนนู้น

ซึ่งคอนเสิร์ต นอกจากมีศิลปิน “บ่าววี”-“หนุ่มกะลา” แล้ว ก็มี “คาราบาว” ที่ประกาศจะปิดวง-แยกย้ายตัวใครตัวมันในวันที่ 4 เมษา.นี้อีกวง!

ผมนั่นแม้จะดูคาราบาวมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยเบื่อกับดนตรีและบทเพลงของพวกเขาเลย ดูทีไรก็เกิดความปีติ อิ่มเอิบเพลินๆ ใจไปเสียทุกครั้ง!

ก็..ให้รู้สึกใจหายที่ได้ยินว่าพวกเขาจะ “ยุบวง” แต่ดูจากการแสดงคืนนั้นแล้ว ไม่รู้สิ..เซนส์ผมมันบอก..

วงคาราบาว โดยแอ๊ด เล็ก เทียรี่ อ๊อด จะยังคงรับงานแสดงคอนเสิร์ตอยู่ต่อไป..ชัวร์!

และเพื่อให้ชัวร์ในชัวร์ ผมลองกระซิบถาม “พี่ไก่” ผู้จัดการวงคาราบาว คำตอบคือ..สมาชิกทุกคนเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ควรจะหยุดการแสดง

ด้วยแฟนเพลงยังให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นอยู่ในทุกที่-ทุกแห่ง แต่หลังวันที่ 4 เมษา.ที่เคยประกาศเป็นการแสดงครั้งสุดท้าย..

จะพักการแสดงคอนเสิร์ตไปสักระยะจนถึงสิ้นเดือน จากนั้นวันที่ 1 พฤษภา.ก็เริ่มเปิดวง เดินสายกันใหม่!

ผมไม่ได้จะปากโป้ง แค่เล่าสู่กันฟัง ฉะนั้น ไม่ต้องใจหาย ไม่ต้องว้าวุ่น หรือลงแดง (ที่ไม่ได้ตีกันหน้าเวที) ตั้งแต่ต้นเดือนหน้า..

คาราบาว (ครบทีม) กลับมาแน่ครับพี่น้อง!.

 

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก

เห็นตัวเลขแล้วตาลาย.. งั้นสรุปเอาจากข่าวโปรย “ผู้จัดการออนไลน์” ก็แล้วกัน.. “ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายกฯ แพทองธาร’ พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน

นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร?

ก่อนจะสิ้นปี.. นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผู้นอบน้อมถ่อมตน (ยามอยู่ไกลบ้าน)..จะกลับมาเลี้ยงหลาน เลิกข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..

ประชาชนควรพึ่งประชาชน

วันนี้-1 มกราคม.. เริ่มต้นปฏิทินหน้าแรกของปีใหม่ พ.ศ.2568 ก็ขออนุญาตกล่าวคำอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความสมหวัง ไม่เจ็บ ไม่จนกันนะครับ!

ผลพวงจาก 'ฉายา'

หยิกแกมหยอก หรือเหน็บแนมทีเล่นทีจริงพอได้ยิ้มหัว นั่นคือ เจตนารมณ์ ความตั้งใจแรกในการมอบฉายาให้กับ “ดารา นักร้อง คนบันเทิง” ที่ผม (สันต์ สะตอแมน) ได้เสนอต่อนายกสมาคมนักข่าวบันเทิงในยุคนั้น

เอาที่สบายใจ

อย่าเพิ่งยุบสภานะ! ผมขอร้องทั้งนายกฯ แพทองธาร ทั้งนายทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ เพราะไม่รู้ใครมีอำนาจ (ตัดสินใจ) เหนือใครใน “รัฐบาล ‘พ่อ’ เลี้ยง” นี้?

หอยสังข์พันล้าน

จะมองว่า เป็นข่าวตลกก็มองได้.. แต่สำหรับเรื่องของกฎหมายแล้ว ผิดก็คือผิด เปรียบเหมือนขับรถฝ่าไฟแดง จะอ้างว่าฝ่าแค่ชั่วไม่กี่วินาทีไม่น่าผิดความผิดไม่ได้ฉันใด..