ชื่นชมได้...แต่อย่าเข้าใจผิด

หลังจากที่ สส.พรรคก้าวไกลไม่สามารถอ่านตัวเลขหลัก 100 ล้านในการอภิปรายเรื่องงบประมาณ ก็มีเสียงเยาะเย้ยถากถางจากคนที่ไม่ชอบพรรคก้าวไกลเป็นจำนวนมาก ข้อความต่างๆ ที่โพสต์กันในรูปแบบต่างๆ ที่ text, infographic, banner และการ์ตูนการเมือง กลายเป็น viral เต็มพื้นที่ social media ต่างๆ เจ้าตัวออกมาขอโทษ และอธิบายว่าที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะนอนน้อย และมีอาการเป็นโรคซึมเศร้า แทนที่ จะได้รับความเห็นใจจากคนที่ไม่ชอบพรรคก้าวไกลเป็นทุนอยู่แล้ว ก็มีข้อความโพสต์ไล่เธออีกว่า ถ้าหากเป็นโรคซึมเศร้า ไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่ สส. ก็ลาออกไป บางคนกล่าวข้อความเสียดายที่เธอไม่เป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้น

ปู่ของเธอเป็นนายกรัฐมนตรีที่เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า แม้จะมีเรื่องของการทุจริตในคณะรัฐมนตรีที่เรียกขานกันว่า Buffet Cabinet ที่แปลว่าต่างคนต่างหากินกันเองเหมือนการไปกิน Buffet แต่ก็ต้องถือว่าปู่ของเธอมีผลงานด้านเศรษฐกิจที่เป็นคุณกับประเทศ ส่วนพ่อของเธอนั้นเป็นนักการเมืองคุณภาพคนหนึ่ง เป็นผู้ที่แสดงความคิดเห็นและชี้นำทิศทางการพัฒนาการเมืองของประเทศที่ดีๆ หลายเรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นย่าของเธอได้รับการอุปถัมภ์เลี้ยงดูและส่งเสียให้มีการศึกษาระดับสูงในต่างประเทศจากพระราชวงศ์ชั้นสูง ทำให้มีชีวิตที่เจริญก้าวหน้ามาโดยตลอดจนได้เป็นภรรยานายกรัฐมนตรี และได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ เป็นถึงท่านผู้หญิง แสดงให้เห็นว่าย่าของเธอได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระราชวงศ์เป็นล้นพ้น แต่เธอกลับเข้ามาทำงานการเมืองสังกัดพรรคที่เป็นปรปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในลักษณะเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

นอกจากการชี้แจงและการขอโทษของเจ้าตัวจะไม่ได้รับการยอมรับจากคนที่ไม่ชอบพรรคก้าวไกลแล้ว ชาวด้อมส้มยังออกมาแก้ตัวที่ทำให้เกิดวิวาทะกันระหว่างคนที่ไม่ชอบก้าวไกลกับด้อมส้ม สาระของวิวาทะที่ว่านี้ก็คือ ด้อมส้มออกมาแก้ตัวว่าที่เธอไม่สามารถอ่านตัวเลขหลัก 100 ล้านได้ถูกต้องก็เพราะเธอเป็นนักเรียนนอกมาตั้งแต่เด็กที่เป็นการปล่อยไก่อย่างแรง ทั้งนี้เพราะเจ้าตัวจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมหิดล เพียงแต่เป็นโปรแกรมนานาชาติเท่านั้น เธอไปเรียนเมืองนอกตอนเรียนปริญญาโท และการเรียนอ่านตัวเลขนั้นก็สอนกันตั้งแต่ระดับประถมศึกษา อ่านผิดครั้งแรกพอจะเป็นที่เข้าใจได้ แต่ผิดหลายครั้ง จนล่ามภาษามือแปลไม่ได้ และมีคนข้างๆ กระซิบบอก ก็บอกผิดอีก เป็นการช่วยกันปล่อยไก่จนจะหมดเล้า

อีกเรื่องหนึ่งที่ด้อมส้มพลาดในการสร้างวิวาทะครั้งนี้คือ การท้าคนที่เยาะเย้ยถากถาง สส.คนที่อ่านตัวเลขหลัก 100 ล้านไม่ได้ ก็คือ การท้าคนที่ด้อยค่า สส.คนนี้ว่าให้มาพูดภาษาอังกฤษแข่งกับ สส.คนที่ว่านี้ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาคิดว่าการพูดภาษาอังกฤษเก่งนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากอย่างยิ่งยวด มิน่าเล่าในช่วงที่ลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี พวกเขาจึงด้อยค่าลุงตู่ว่าไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาแสดงวิสัยทัศน์หรือแสดงปาฐกถาในเวทีโลกก็จะพูดเป็นภาษาไทย แล้วใช้ล่ามแปลเป็นภาษาต่างๆ ตามความต้องการของผู้เข้าร่วมประชุม (เหมือนกับผู้นำหลายชาติ) ที่ด้อมส้มพูดแบบนี้ ทำให้เรารู้ว่าที่เขายกย่อง Daddy นายกรัฐมนตรีว่าวของเขานั้น เพราะเขาเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี ใช้ศัพท์สูง ไวยากรณ์ถูกต้อง และพูดได้คล่อง

แต่อยากจะแนะนำด้อมส้มว่าเก็บไก่ไว้ในเล้าบ้างเถอะ อย่าเพิ่งปล่อยออกมาทั้งหมด เพราะการทำหน้าที่ สส.ของสมาชิกพรรคก้าวไกลยังมีเวลาอีกนาน อาจจะมีไก่ที่จะต้องปล่อยอีกในวันข้างหน้า อย่าหาว่าสอนเลยนะ แต่อยากให้ข้อคิดในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการเก่งภาษาอังกฤษกับความสามารถในการเป็นคนทำงานที่มีความสัมฤทธิ์ที่โดดเด่นและน่ายกย่อง ดังนั้นอย่าสรุปง่ายๆ ในการโยงความเก่งภาษาอังกฤษกับความเก่งการทำงาน เพราะมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เรื่องความเก่งภาษาอังกฤษ และการทำงานให้เกิดความสัมฤทธิ์ คือ เป็นคนทำงานเก่งนั้นมีทั้ง 4 ประเภท คือ 1) คนเก่งภาษาอังกฤษและทำงานเก่ง 2) คนเก่งภาษาอังกฤษ แต่ทำงานไม่เอาไหน 3) คนไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่ทำงานเก่ง มีความสัมฤทธิ์อย่างโดดเด่น และ 4) คนไม่เก่งภาษาอังกฤษ และทำงานก็ไม่เก่ง

คนที่ผู้คนมักจะยกย่องว่าเก่งภาษาอังกฤษก็คือ คนที่พูดด้วยสำเนียงที่เหมือน native speakers ทั้งนี้เพราะไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ประถมหรือมัธยม แต่ก็ยังมีคนเก่งภาษาอังกฤษอีกประเภทหนึ่ง ที่ไวยากรณ์ดี ศัพท์ดี อ่านคล่อง พูดคล่อง แต่สำเนียงไม่เหมือน native speakers ทั้งนี้เพราะไปเรียนต่างประเทศหลังจบปริญญาตรี หรือจบปริญญาตรีด้านภาษาอังกฤษจากคณะอักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ หรือมนุษยศาสตร์ แต่ไม่เคยไปต่างประเทศ คนพวกนี้ภาษาอังกฤษดี ทั้งไวยากรณ์ การใช้ศัพท์ การอ่านที่คล่อง เขียนบทความ เขียนรายงาน เขียนจดหมายได้สวยงาม (บางทีก็เหนือกว่าเจ้าของภาษาที่ไม่เก่งไวยากรณ์ด้วยซ้ำ) มีการพูดที่คล่อง ไม่ติดขัด แต่สำเนียงอาจจะไม่เหมือนเจ้าของภาษา แต่จะมีการออกเสียงการอ่านที่ถูกต้องว่าจะเน้นพยางค์หน้า พยางค์กลาง หรือพยางค์ท้าย เสียงสระถูกต้อง อ่านพยัญชนะผสม เช่น ch ออกเสียงเป็น k หรือรู้ว่าพยัญชนะบางตัวก็ไม่ออกเลียง เช่น t ท้ายคำหลายคำ และตัว h ที่เป็นพยัญชนะต้นในหลายๆ คำ

ลองคิดทบทวนดูดีๆ ว่าเราเคยเห็นคนไทยที่จบปริญญาเอก แต่ไม่ได้ไปเรียนต่างประเทศจนจบปริญญาตรีในประเทศไทย พูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนที่จบจากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน แม้ว่าจะขาด Intonation (การออกเสียงที่ต้องเน้นให้ถูกพยางค์) แต่ Vocabulary (ศัพท์ที่ใช้) Grammar, Structure (โครงสร้างประโยคตามหลักไวยากรณ์) บ่งบอกให้เห็นถึงความสามารถและทักษะทางด้านภาษา (language proficiency and skills) อยู่ในระดับสูง

คนที่เขาเข้าใจการเรียนภาษา และจิตวิทยาภาษาศาสตร์ เขาฟังคนที่อวยคนเก่งภาษาอังกฤษโดยไม่สนใจทัศนคติ อุดมคติ จุดยืนทางการเมือง และฝีมือในการทำงาน เขาอาจจะสมเพชคนที่อวยคนเก่งภาษา โดยไม่พิจารณาความเป็นตัวตนของเขาในด้านอื่นๆ ที่ผ่านมา Daddy ของด้อมส้มได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากที่พูดภาษาอังกฤษสำเนียงดี ศัพท์สูง และพูดจาคล่อง ไม่ติดขัด ให้สัมภาษณ์ก็ดูดี แถลงข่าวก็ดูดี แสดงปาฐกถาก็ดูดี แต่ถ้าจะพิจารณาเรื่องการทำงานแล้ว Daddy ที่ไม่เคยทำผลงานอะไรที่ประสบความสำเร็จ เรียนเก่งก็จริง แต่บริหารธุรกิจล้มเหลว แต่ก็ยังมีคนเชิญให้เป็นผู้บรรยายบ้าง แสดงปาฐกถาบ้าง หลายเรื่องเป็นเรื่องที่สวนทางกับชีวิตจริงของเขา เช่น การทำธุรกิจให้สำเร็จ หรือการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น คนที่ติดตามประวัติความเป็นมาของเขาก็อาจจะตั้งคำถามว่าทำไมจึงมีคนเชิญเขาไปพูดเรื่องต่างๆ เหล่านี้

ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนหน้าตาดี ดังนั้นเวลาที่เขาพูดอะไรก็จะดูเป็นการพูดจาหล่อๆ เท่ๆ ยิ่งถ้าเป็นการพูดภาษาอังกฤษด้วยแล้ว ความคล่องและสำเนียงของเขาก็ยิ่งจะทำให้ด้อมส้มปลื้มมาก จนเกิดค่านิยมว่าคนพูดภาษาอังกฤษดีคือคนเก่ง คิดแบบนี้เป็นการสรุปที่ง่ายเกินไป เป็นการโยงที่ไม่อาจจะถูกต้องเสมอไป พวกเขาไม่คิดเรื่องที่คำพูดของเขาหลายๆ เรื่องเป็นเรื่องโกหกบ้างเลยหรือ พวกเขาไม่รู้บ้างหรือว่าวาทกรรมที่ฟังดูดีทั้งหลาย ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยนั้น เขาลอกมาจากที่นั่นที่นี่ แต่ไม่มีการให้เครดิตแก่บุคคลต้นตอ มันน่าเป็นห่วงกับตรรกะเช่นนี้ของด้อมส้ม แค่คนที่พูดภาษาอังกฤษดีโดยไม่มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์ แต่มีคนนิยมจนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม