![cafaeDam](https://storage-wp.thaipost.net/2024/03/cafaeDam.jpg)
ข่าวกรองว่าด้วยการขยับมาใกล้ชิดระหว่างเกาหลีเหนือกับพม่าโดยเฉพาะด้านการพัฒนานิวเคลียร์ทำให้สหรัฐฯอ้างว่าต้องเข้ามาเกาะติดเรื่องนี้
ปี 2009 วอชิงตันเริ่มแสดงความกังวลออกมาอย่างเป็นทางการ
ปี 2011 รัฐมนตรีต่างประเทศฮิลลารี คลินตันในขณะนั้นได้ย้ำประเด็นนี้ในคำแถลงในที่สาธารณะว่าด้วยความพยายามของเมียนมาในการจัดหาเทคโนโลยีทางทหารจากเกาหลีเหนือระหว่างการเยือนของเธอในปี
แต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเน้นย้ำว่าวอชิงตันกังวลเรื่องการขายขีปนาวุธเป็นหลัก
โฆษกกล่าวว่า "เราไม่เห็นสัญญาณของความพยายามทางนิวเคลียร์จำนวนมากในขณะนี้"
แต่ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐฯกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ เริ่มจะเจาะลึกในประเด็นนิวเคลียร์ใกล้ชิดมากขึ้น
ข้อกล่าวหาประปรายเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ในเมียนมาเกิดขึ้นโดยกลุ่มผู้ติดตามเรื่องนี้บางกลุ่มและองค์กรพัฒนาเอกชนตลอดช่วงทศวรรษ 2010
สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดคือ สื่อ “เสียงประชาธิปไตยแห่งพม่า” ในปี 2010 อ้างถึงเอกสารและภาพถ่ายจากไซเต็ง วิน ผู้แปรพักตร์กองทัพพม่า
มาพร้อมกับข้อกล่าวหาว่ามีการฝึกอบรมที่โยงกับรัสเซีย และการสร้างโรงงานนิวเคลียร์ใกล้มัณฑะเลย์และมาเกว
แต่เมื่อมีการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมอิสระจากสถาบันวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศ (ISIS) ก็ได้การตีความอีกทางหนึ่งว่า
มันอาจจะเป็นโรงงานปูนซีเมนต์
เรื่องนี้ก็กลายเป็นดราม่าขึ้น ๆ ลง ๆ มาตลอด
และท่ามกลางความสงสัยอย่างต่อเนื่องนี่แหละที่เกิดการเยือนเมียนมาของประธานาธิบดีบารัค โอบามาในปี 2012
ในจังหวะนั้น เมียนมาปฏิเสธข่าวเรื่องความร่วมมือทางทหารใดๆ กับเกาหลีเหนือ
สำทับด้วยคำประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ยกเลิกแผนการวิจัยนิวเคลียร์ของตนแล้ว
ต่อมาเมียนมาได้ลงนามในเงื่อนไขเพิ่มเติมของ IAEA แห่งสหประชาชาติในปีต่อมา
แต่ข่าวกรองอีกหลายกระแสก็ยังยืนยันว่า SPDC หรือสภาบริหารของกองทัพพม่าที่มีอำนาจบริหารประเทศอย่างเบ็ดเสร็จยังคงพยายามสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์โดยได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซียในปี 2014 และอีกครั้งในปี 2015
เป็นที่ยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมากับเกาหลีเหนือยังคงดำเนินต่อไป
รวมถึงข้อตกลงอาวุธกับเกาหลีเหนือในปี 2013 เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำพม่า คิม ซก ชอล ถูกย้ายกลับในปี 2016 หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศเอาชื่อนักการทูตเกาหลีเหนือคนนี้ขึ้นบัญชีดำคว่ำบาตร
ด้วยข้อกล่าวหาการค้าอาวุธกับเมียนมาผ่านบริษัท Korea Mining Development Trading Corporation (โคมิด)
ทำให้มีการตอกย้ำว่าการค้าอาวุธของเมียนมากับเกาหลีเหนือก็ยังเกิดขึ้นอย่างน้อยจนถึงปี 2016
ปีเดียวกันนนั้น เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพม่า
รัฐบาลเผด็จการในเมียนมายอมให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยยอมให้มีการหวนคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยบางส่วน
ส่งผลให้อองซานซูจีและสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาลขึ้น
ภายใต้พรรค NLD โครงการนิวเคลียร์ของเมียนมา และความกังวลระหว่างประเทศเกี่ยวกับความทะเยอทะยานดังกล่าวได้จางหายไป
เมียนมาลงนามในอนุสัญญาและพิธีสารระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมแทน
ตั้งแต่ปี 2017 เมียนมาได้มีส่วนร่วมในความพยายามคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของสหประชาชาติ
แต่รายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญแห่งสหประชาชาติประจำปี 2018 ระบุว่าการค้าอาวุธระหว่างเมียนมาและเกาหลีเหนือยังคงมีอยู่ผ่าน KOMID แม้หลังจากปี 2017 ก็ตาม
หลังจากการรัฐประหารภายใต้การนำของมิน อ่องหล่ายในปี 2021 เกาหลีเหนือและรัฐบาลทหารเมียนมากลับมามีความสัมพันธ์อย่างเปิดเผยอีกครั้ง
ในเดือนกันยายน ปีที่แล้วนี่เอง Tin Maung Swe ได้รับมอบหมายให้เป็นเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำเกาหลีเหนือ
รายงานการใช้อาวุธเกาหลีเหนือโดยรัฐบาลทหารได้รับการยืนยันโดยสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วนี่เอง
นับตั้งแต่รัฐประหารครั้งล่าสุด จุดยืนของเมียนมาต่อการไม่แพร่ขยายการสร้างอาวุธร้ายแรงกลับถูกตั้งคำถามอีกครั้ง
เฉพาะในปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียว รัฐบาลทหารได้ดำเนินการเชิงรุกในความพยายามที่จะรักษาขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์โดยการติดต่อกับจีนและรัสเซีย
รัฐบาลทหารของเมียนมายืนกรานเหมือนเช่นเคยว่า พม่ากำลังแสวงหาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อการใช้อย่างสันติเท่านั้น
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลทหารพม่าได้สามารถสร้างศักยภาพในการแปรรูปซ้ำสำหรับการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมหรือไม่
รายงานส่วนใหญ่เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเมียนมายังคงไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ
ด้วยเหตุนี้ การฟ้องร้องเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับผู้ค้าอาวุธโดยครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ในเมียนมาทำให้เกิดคำถามเพิ่มเติม
ที่น่าสังเกตก็คือ ชาวญี่ปุ่นรายนี้ถูกกล่าวหาว่าไม่ได้ทำงานให้กับรัฐบาลทหาร แต่ทำงานให้กับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ไม่เปิดเผยชื่อ
รัฐฉานของเมียนมาเคยถูกเพ่งเล็งว่าเป็นแหล่งขุดแร่ยูเรเนียมในอดีต แต่กลุ่มกบฏในรัฐฉานปฏิเสธความเชื่อมโยงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและความเปราะบางของรัฐในเมียนมา ความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพในการใช้วัสดุนิวเคลียร์เป็นเรื่องน่ากังวลยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลทหารพม่าหรือฝ่ายชาติพันธุ์ติดอาวุธ
โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทยที่ตั้งอยู่ประชิดติดกัน
ไม่ว่าจะเกิดภัยคุกคามด้านใดเกี่ยวกับเพื่อนบ้านเราก็ย่อมจะมีผลกระทบโดยตรงต่อไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว
อองซาน ซูจี: เสียงกังวล จากลูกชายในวันเกิดที่ 79
วันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาคือวันเกิดที่ 79 ของอองซาน ซูจี...ในวันที่เธอยังถูกคุมขังเป็นปีที่ 4 หลังรัฐประหารโดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2021