หวังแดงจะแทงส้ม คงไม่สมหวังนะสลิ่ม

ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นวันเลือกตั้งที่ผ่านมา สลิ่มและด้อมแดงมีอาการตกใจไปตามๆ กัน เพราะไม่คาดคิดว่าพรรคส้มจะชนะการเลือกตั้งได้ถล่มทลายขนาดนั้น ใน กทม.ชนะเกือบทุกเขต เหลือไว้ให้พรรคแดงเพียงเขตเดียว ในต่างๆ จังหวัดก็เกิดปรากฏการณ์ส้มทั้งจังหวัดหลายเขต พรรคแดงเสียความเป็นแชมป์ในหลายจังหวัด แม้แต่จังหวัดที่เป็นเมืองหลวงของพรรคแดงยังเสียตำแหน่งไปถึง 7 เขตใน 10 เขต แม้แต่จังหวัดที่ลุงตู่ได้มีโครงการนำร่องในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปลง ก็ยังลงคะแนนเลือกพรรคส้มกันจนเกิดปรากฏการณ์ส้มทั้งจังหวัด

ตามธรรมเนียมปฏิบัติทางด้านการเมือง พรรคที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล บรรดาสลิ่มรู้จุดยืนเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ของพรรคส้ม ต่างก็พากันวิตกกังวลเรื่องความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะตัวตึงของพรรคแต่ละคนต่างก็แสดงทัศนะเป็นปรปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ในลักษณะที่เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ และเมื่อมีการทำ MOU 

ระหว่างพรรคต่างๆ ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลลุงตู่ สลิ่มก็ยิ่งใจหายว่าประเทศไทยจะมีรัฐบาลที่มีพรรคส้มเป็นแกนนำ และมีพรรคแดงเป็นพรรคร่วม และยังมีพรรคเล็กพรรคน้อยที่แสดงความคิดเห็นด้อยค่ารัฐบาลลุงตู่ด้วยข้อความอันเป็นเท็จร่วมลงนามใน MOU ดังกล่าวนั้นด้วย พอหลับตานึกว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไรภายใต้การบริหารของพรรคส้มผสมพรรคแดง เพิ่มแรงด้วยพรรคที่สร้างวาทกรรมด้อยค่าลุงตู่ สลิ่มก็ละเหี่ยใจ ตกใจ หวั่นไหวและกังวล

แต่เมื่อถึงวันที่รัฐสภาจะต้องลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภาต่างก็แสดงความคิดเห็นว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับจุดยืนของพรรคส้ม ว่าด้วยมาตรา 112 ที่พรรคส้มคิดจะแก้ไขหรือยกเลิก สมาชิกรัฐสภาหลายคนขอร้องให้พรรคส้มลดเพดานความพยายามที่จะยุ่งเกี่ยวกับมาตรา 112 ลง แต่พรรคส้มก็ยังคงยืนกรานที่จะเดินหน้าแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 จนทำให้ไม่ได้คะแนนเสียงถึงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา และหัวหน้าพรรคส้มก็ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะมีความพยายามต่อจากนั้นอีกระยะหนึ่ง สถานการณ์ก็ชี้ชัดว่าหัวหน้าพรรคส้มก็ไม่มีทางที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคแดงจึงล้ม MOU ที่ได้ลงนามกันไว้ แล้วหันมาจับขั้วกับพรรคที่เป็นพรรคร่วมในรัฐบาลลุงตู่ ที่พยายามทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นรัฐบาลสลายขั้ว เข้าสู่ความปรองดอง ขนานนามกันว่ารัฐบาล Choc Mint ที่มีการผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืน

ในการรวมกันจัดตั้งรัฐบาลสูตร Choc Mint ก็มีบางคนไม่พอใจ ด้อมแดงบอกว่าบอกให้มาไล่ลุงแล้วทำไมจึงมารวมกับลุง ฝ่ายสลิ่มก็บอกว่าออกมาชุมนุมมากกว่า 200 วัน เพื่อไล่พรรคแดงจนเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจจากแดงได้ แล้วไปรวมกับเขาให้เขาตั้งรัฐบาลได้อย่างไร ในขณะเดียวกัน สลิ่มที่กลัวพรรคส้มจะล้มเจ้าได้สำเร็จ ก็มองว่าพรรคที่พอจะต่อกรกับพรรคส้มได้ก็มีแต่พรรคแดงนี่แหละ เพราะจะหวังพึ่งพรรคอนุรักษ์ที่เคยร่วมรัฐบาลกับลุงตู่คงไม่ได้ เพราะพวกเขาไม่ยอมรวมกันเป็นพรรคเดียว คนที่ไม่ต้องการเลือกพรรคแดงกับพรรคส้มก็เสียงแตก

เมื่อตั้งความหวังให้พรรคแดงมาแทงพรรคส้ม สลิ่มตัวตึงบางคนที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิ ไปจนถึงด่าทอต่อว่าพรรคแดง ต่างก็พากันอดกลั้นไม่ทำลายภาพลักษณ์ของพรรคแดง เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ของพรรคแดงเสียหายจนไปต่อกรกับพรรคส้มไม่ได้ แต่แล้วสลิ่มจำนวนมากก็ผิดหวังกับรัฐบาล Choc Mint เพราะพรรคแดงที่หวังจะให้มาแทงพรรคส้มนั้น ทำงานมามากกว่าครึ่งปีแล้ว ยังไม่มีผลงานอะไรที่จะนำมาสร้างคะแนนเสียงเอาชนะพรรคส้มได้ การสำรวจหยั่งเสียงคะแนนนิยมทั้งตัวบุคคลและพรรค ก็ปรากฏว่าคนของพรรคส้มและตัวพรรคส้มเอง ก็ยังคงมีคะแนนนำลิ่วแบบที่พรรคแดงไม่อาจจะแซงได้ นอกจากพรรคแดงจะไม่มีผลงานมาสร้างคะแนนความนิยมให้เอาชนะพรรคส้มได้แล้ว พวกเขากลับมีการบริหารราชการแผ่นดินไปในทางที่ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ การตำหนิได้อย่างชัดเจน จนสลิ่มที่พยายามอดกลั้นไม่ด่าทอต่อว่าแดง ต่างก็รู้สึกผิดหวัง หมดเรี่ยวหมดแรงที่จะสู้ พรรคแดงไม่มีเรื่องให้ชม ให้เชียร์ มีแต่เรื่องเสียๆ ที่ทำให้เสียคะแนนนิยม

เรื่องแรกก็คือเรื่องการแจกเงิน Digital Wallet ที่มีผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลังจำนวนมากคัดค้าน แสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว แต่พรรคแดงก็ไม่ลดละความพยายามที่จะแจก เพราะสัญญากับประชาชนไว้ โดยตอนที่หาเสียงนั้นไม่คิดให้รอบคอบ คิดแต่จะเอาคะแนนให้ชนะพรรคส้ม จนป่านนี้ก็ยังไม่สามารถแจกได้ เลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนคนที่เลือกเพราะอยากได้เงินหมื่น เขาก็ระอาและหมดหวังที่จะได้แล้ว การแสดงท่าทีเกี่ยวกับความพยายามที่เป็นการดันทุรังท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้รู้เช่นนี้ แทนที่พรรคแดงจะได้คะแนนกลับเสียคะแนน

เรื่องที่สองก็คือ เรื่องการจัดการกับนักโทษเทวดาที่กลับเข้าประเทศเพื่อจะมารับโทษตามที่ศาลตัดสิน แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่การดำเนินการในการคุมขังนักโทษเด็ดขาดชายที่กลายเป็นนักโทษเทวดานั้น กลับกลายเป็นการย่ำยีกระบวนการยุติธรรมของไทยให้ย่อยยับป่นปี้ ด้วยความร่วมมือของรัฐบาลที่มีพรรคแดงเป็นแกนนำ ข้าราชการในกรมราชทัณฑ์ และแพทย์ในโรงพยาบาลตำรวจ การดำเนินการแต่ละช่วงเวลา แม้ว่าจะมีความพยายามอธิบายว่าทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย กฎระเบียบกติกาที่วางไว้ ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะมองเห็นการเลือกปฏิบัติและความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน และเมื่อนักโทษเทวดาได้รับการพักโทษอยู่นอกเรือนจำ ก็มีพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับคำแถลงของข้าราชการกรมราชทัณฑ์ที่ว่าเขาเป็นผู้ป่วยวิกฤตที่เสี่ยงกับการเสียชีวิตหากไม่ใกล้หมอ

เรื่องล่าสุดก็คือ เรื่องความพยายามจะฟอกขาวกรณีการรับจำนำข้าว มีการไปตรวจคุณภาพข้าว มีการดรามาว่าข้าวที่เก็บในโกดัง 10 ปียังคงคุณภาพดี กินได้ เหมือนพยายามจะพูดว่านายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลตัดสินลงโทษให้ติดคุก 5 ปีนั้น ไม่น่าจะมีความผิดอะไร ซึ่งเป็นการบิดเบือนประเด็น เขาไม่ได้ถูกตัดสินให้ติดคุกเพราะทำข้าวเน่าข้าวเสีย ที่จะมาฟอกขาวด้วยการบอกว่าข้าวที่เก็บมา 10 ปียังไม่เสีย ยังมีคุณภาพที่ดีอยู่ แต่เขาถูกตัดสินให้ติดคุกเพราะปล่อยให้มีการทุจริตในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่มีทั้งการสวมสิทธิ์ การมีข้าวไม่ครบตามจำนวนที่แจ้งจด การขายข้าวแบบ G2G ปลอมที่ทำให้มีการทุจริต การโกงเงินชาวนา การทุจริตเหล่านี้ แม้ว่าคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำ แต่การปล่อยให้มีการทุจริตโดยไม่ยับยั้งนั้น เป็นความผิดตามมาตรา 157

เมื่อพรรคแดงเป็นเสียเช่นนี้แล้ว เรื่องดีที่พอจะชมได้ก็ไม่มีให้เห็นเป็นประจักษ์ เรื่องไม่ดีที่ผู้คนกังขากลับมีมากมายหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ แล้วแบบนี้จะโกยคะแนนความนิยมมาเอาชนะส้มได้อย่างไร คราวนี้เห็นทีสลิ่มที่หวังจะให้แดงมาแทงส้มนั้นคงจะต้องผิดหวัง พรรคส้มคงจะโกยคะแนนนิยมไปได้อีกมากมาย แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีเรื่องอื้อฉาว ข่าวคาว (ไม่ใช่ข่าวคราวนะ) ออกมามากมายหลายเรื่อง และยังมีการทำผิดกฎหมายหลายเรื่อง รวมทั้งคดี 112 ส่วนบุคคลที่เขารักและหลงใหลนั้น มีเรื่องโกหกที่ถูกจับโป๊ะได้ตั้งมากมาย พวกเขาก็ยังไม่คลายความรัก เข้าข่าย “ถึงร้ายก็รัก” สลิ่มคงจะต้องมองหาหนทางใหม่ในการจะต่อสู้กับพรรคส้ม ที่สลิ่มเกรงว่าเขาเป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ลองไปอ้อนวอนพรรคอนุรักษ์ให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวหน่อยดีไหมคะ เผื่อจะพอสู้กับพรรคแดงและพรรคส้มได้ ไม่เช่นนั้น เราจะอยู่ในฉากทัศน์ของ “หนีเสือปะจระเข้” นะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม