ข้าวน่ะมียาง แต่คนล่ะ..?

ได้ยินว่ารายได้กำลังพุ่งทะยานสู่ 100 ล้าน..

ก็..ขอแสดงความยินดีและดีใจกับภาพยนตร์เรื่อง “หอแต๋วแตก แหกสัปะหยด” หนังปิดตำนานภาคสุดท้ายของผู้กำกับ “คุณพชร์ อานนท์” ด้วยนะ!

และไม่ต้องสงสัยหรอก “จริง-ไม่จริง” ..ยี่ห้อคุณพชร์ถ้าไม่จริงไม่กล้าคุย (โม้) ผมยืนยันและเพื่อเป็นการตอกย้ำความจริงนี้..

21 มีนา.-วันนี้ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ร่วมกับ โมโน ออริจินอล และสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ได้จัดแคมเปญ “เราเห็นคุณค่าความเป็นคนเหมือนกับเราทุกคน” เพื่อเฉลิมฉลอง

ด้วยการเชิญคนพิการทั้งชาย-หญิง และเพื่อนพี่น้องเหล่า LGBTQ+ ร่วมรับชมภาพยนตร์ “หอแต๋วแตก แหกสัปะหยด” ฟรี ที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน รอบ 14.00 น. 

ถ้าขี้เหนียว-ประหยัดเงิน แต่อยากดูหนังฟรี คงไม่ต้องแนะนำผู้ชายทั้งแท่งหรอกนะจะใช้วิธีไหน แค่ใจกล้าๆ เดินสะบัดก้นหน่อย ก็เดินเข้าโรงได้แล้ว..ลองดู!

ส่วนละครทีวี “บัลลังก์ลูกทุ่ง” ของผู้จัดและผู้กำกับ คุณอรรถพร ธีมากร แห่งบริษัท อันดา 99 จำกัด แค่ชื่อก็ชวนให้อยาก “ลองดู” แล้ว

นัยว่าเป็นละครแนวดรามาที่เข้มข้น โดยรวมเอาเพลงลูกทุ่งฮิตสุดคลาสสิกในอดีต และบทเพลงแต่งใหม่กว่า 30 บทเพลง ที่ขับร้องโดยหลากหลายศิลปินมาใส่ไว้ให้ได้ฟังจุใจ

อะไรไม่ว่า..นี่น่าจะเป็นการพบกันครั้งแรกบนจอแก้วของ 2 นักร้องลูกทุ่งสาว คุณใบเตย สุธีวัน และคุณเปาวลี พรพิมล ที่คงจะได้อวดโชว์ฝีไม้ลายมือทั้งด้านการแสดง ทั้งการร้องเพลง..

ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร ฝ่ายหลังจะเสียเปรียบหน่อยก็ตรงหน้าอก-หน้าใจ ที่ไม่ได้ “คับอก-ยกออก” เหมือนฝ่ายแรกนั่น!

เกือบลืม.. ละครจะออกอากาศทาง “ช่องเวิร์คพอยท์ 23” ทุกเสาร์-อาทิตย์ โดยเปิดจอตอนแรกในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคมนี้ เวลา 20.05 น. นอนดู-นอนฟังเพลงให้สุขใจเถิด!

และนั่นก็ดูจะสุขใจ-ภูมิใจนักหนา ก็คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไง หลังไปสำรวจโกดังเก็บข้าวมาก็ได้เกิดแนวคิด..

จะนำข้าว 2 โกดัง กว่า 150,000 กระสอบ ที่ค้างไว้กว่า 10 ปีออกประมูลขาย โดยเชื่อว่าน่าจะขายได้ทันทีประมาณ 300-500 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จะเป็นของรัฐ..”

โอ๊ยๆ..รุมโกงกันไปเป็นหมื่นเป็นแสนล้านจนทั้งติดคุก-ทั้งหนี แล้วเงิน 300-500 ล้านจะชดใช้อะไรได้หรือ ก็ควรแล้วที่หมอวรงค์ เดชวิกรม ได้โพสต์..

“ภูมิธรรม ยันข้าว 2 สต๊อกที่สุรินทร์ โครงการรับจำนำข้าว ไม่เน่า-กินได้-ขายได้ แม้เก็บมา 10 ปี..

ผมเห็นข่าวเรื่องเก็บข้าวหอมมะลินี้แล้ว ผมคิดว่านายภูมิธรรมน่าจะเลอะเทอะมากเกินไป ข้าวสารที่เก็บมานานเป็น 10 ปี ถ้ายังดีจริง ด้วยหลักการเขาต้องขายไปนานแล้ว

ที่สำคัญการเก็บข้าวสารนานเป็น 10 ปี มอดจะกินหมดแม้จะรมยา แสดงว่าข้าวต้องมีปัญหา จึงขายไม่ได้หรือข้าวถูกล้อมกองยัดไส้ ถ้าข้าวดีจริง ทำไมจะต้องเก็บไว้

ยิ่งมาบอกว่า "ข้าวดังกล่าวไปทดลองหุง ยังมีกลิ่นหอม ข้าวยังมียาง เป็นข้าวชั้นดี สามารถนำมารับประทานได้"

จะพูดอะไรให้คิดถึงความจริงบ้าง อย่าทำตัวเป็นขี้ข้านักโทษโกงคุก ไม่สนใจความจริงที่เกิดขึ้น โกหกหน้าด้านๆ หรือไม่ หรือถูกหลอกเล่นละครตบตา

ขอย้ำว่าถ้าข้าวดังกล่าวดีจริง เขาควรขายไปนานแล้ว ผมคิดว่านายภูมิธรรม อาจจะต้องการฟอกขาวโครงการรับจำนำข้าวให้นางสาวยิ่งลักษณ์

ผมเตือนไว้เลยนะครับว่า ยิ่งฟอกจะยิ่งแสบ ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ผิดเพราะการเก็บข้าวเน่า เป็นเรื่องฝ่ายปฏิบัติต้องรับผิดชอบ ตามคำพิพากษาของศาล

แต่ยิ่งลักษณ์ผิดเพราะ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ของการระบายข้าวแบบจีทูจี ฟอกอย่างไรก็ไม่ขาว”

ครับ..ขาว-ไม่ขาวไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เรา-ประชาชน กำลังจะได้กินข้าวค้างสต๊อกที่เหลือจากการโกงกันแล้วนะ..

ข้าวอาจจะยังพอมียาง แต่คน-นักการเมืองมียาง (อาย) ไหม..ไม่แน่ใจ!.

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เก็บเชือกไว้ใช้เองเถอะ

“เส้นกูใหญ่.. ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า... ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี

คิดถึงนักรบลุง

กองเชียร์ กองหนุน กองรักลุงตู่.. มีใครพอจะทราบไหมว่า ตั้งแต่ปีเก่าจนลุเข้าปี 2568 บุคคล 2 ท่าน คุณแรมโบ้ คุณอ้น ทิพานัน ที่เคยร่วมรบเคียงบ่า-เคียงไหล่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หายหน้า-หายตาไปไหน?

เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก

เห็นตัวเลขแล้วตาลาย.. งั้นสรุปเอาจากข่าวโปรย “ผู้จัดการออนไลน์” ก็แล้วกัน.. “ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายกฯ แพทองธาร’ พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน

นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร?

ก่อนจะสิ้นปี.. นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผู้นอบน้อมถ่อมตน (ยามอยู่ไกลบ้าน)..จะกลับมาเลี้ยงหลาน เลิกข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..

ประชาชนควรพึ่งประชาชน

วันนี้-1 มกราคม.. เริ่มต้นปฏิทินหน้าแรกของปีใหม่ พ.ศ.2568 ก็ขออนุญาตกล่าวคำอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความสมหวัง ไม่เจ็บ ไม่จนกันนะครับ!

ผลพวงจาก 'ฉายา'

หยิกแกมหยอก หรือเหน็บแนมทีเล่นทีจริงพอได้ยิ้มหัว นั่นคือ เจตนารมณ์ ความตั้งใจแรกในการมอบฉายาให้กับ “ดารา นักร้อง คนบันเทิง” ที่ผม (สันต์ สะตอแมน) ได้เสนอต่อนายกสมาคมนักข่าวบันเทิงในยุคนั้น