บันทึกหน้า 4

ต้องเรียกว่าแม่นยิ่งกว่าจับวาง เมื่อ “กรรวี สิทธิชีวภาค” อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 7 (66/2567) มีผลกระทบจนถึงวันที่ 20 มีนาคม 2567 เมื่อช่วงเวลา 05.00 น. แล้วต่อมาไม่นานฝนก็ถล่มประเทศไทย จนทำให้ตลอดทั้งวันพุธอยู่ในภาวะครึ้มแดดครึ้มฝน และหลายพื้นที่ก็เรียกว่า “พุธโลกาวินาศ” ก็ว่าได้ ...๐

โดยเฉพาะในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะ คู่กัดเจ้าเดิมตั้งแต่ก่อนชิงตำแหน่ง “พิทักษ์ 1” จนมาถึงปัจจุบัน อย่าง “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. และ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร. ยังคงกินเกาเหลามาอย่างต่อเนื่อง แม้ล่าสุด “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเรียกทั้งคู่ไปเป่ากระหม่อมแล้วให้ทั้งคู่มาแถลงข่าวโชว์ความหวานเจี๊ยบแล้วก็ตาม ...๐

แต่หลัง “ยี่เกหวานปะแล่ม” โชว์ไม่ถึงชั่วโมงดี “เสี่ยนิด” กลับออกคำสั่งฟ้าผ่าให้ทั้ง “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” เข้ามานั่งช่วยงานในสำนักนายกรัฐมนตรีซะอย่างนั้น ทำให้ปาหี่ที่อุตส่าห์ตั้งโต๊ะแถลงเลยหมดความหมายกันเลยทีเดียว ที่สำคัญส้มก็ไปหล่นอยู่ที่ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร” รอง ผบ.ตร. ทำหน้าที่รักษาการแทนก่อน งานนี้ “บิ๊กต่าย” เลยได้แต่ยิ้มรับถ่ายเดียว ที่สำคัญ “บิ๊กต่าย” ยังจะได้ทำหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร.อย่างรวดเร็วด้วย เพราะ ในวันพฤหัสบดีนี้ “เศรษฐา” จะมาประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย ...๐

ต้องถือเป็นครั้งแรกของกรมปทุมวันก็ว่าได้ ที่มีคำสั่งเด้งให้ “ผบ.ตร.” และ “รอง ผบ.ตร.” มานั่งตบยุงที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนอกจากปัจจัย “เกาเหลา” ของทั้งคู่แล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ การที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย นำกำลังฝ่ายปกครองปฏิบัติการโค่นเซียนโคตรบ่อนย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อช่วงค่ำวันอังคารที่ผ่านมา เพราะต้องถือว่าเป็น “บ่อน” ที่เรียกว่าใหญ่ระดับต้นๆ ของประเทศ มีวงเงินหมุนเวียนกว่า 320 ล้านบาท แต่ “หมาต๋า” ในสังกัดของ “บิ๊กต่อ” และ “บิ๊กโจ๊ก” กลับเหมือนไม่รู้ไม่เห็น ต้องให้ฝ่ายปกครองมาจัดการเอง ก็ถือว่าเสียหน้าอย่างมาก ...๐

อากาศที่ขมุกขมัวไม่ใช่มีแค่ สตช.เท่านั้น ที่ “สัปปายะสภาสถาน” ก็ร้อนฉ่าไม่แพ้กัน เมื่อมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ในวาระ 2 และ 3 เป็นวันแรก เพราะถือเป็นการซ้อมมือก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติของพรรคฝ่ายค้านก็ว่าได้ ที่สำคัญยังสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติด้วย เห็นได้ชัดว่าหนักกว่ายุคลุงตู่เสียอีก เพราะอย่างน้อยในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังมีรัฐมนตรีไปนั่งประชุมไปนั่งฟังกันบ้าง แต่ยุคนี้เริ่มตั้งแต่ระดับหัวอย่าง “เศรษฐา” ที่ควบทั้งนายกฯ และหัวโขนอีกใบคือ “ขุนคลัง” ที่ต้องบอกว่าเกี่ยวข้องกับงบประมาณแบบเต็มๆ กลับเลือกที่จะไป เป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของไทย “STYLE Bangkok 2024” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ซะอย่างนั้น ...๐

แล้วก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียด้วย เพราะการประชุมสภาก็ร้อนแรงมาตั้งแต่นักร้องอย่าง “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ในฐานะ กมธ. ที่แฉว่าในการประชุมมี กมธ.คุยในห้องว่า “เศรษฐา” ขอให้ตัดงบประมาณ 1 พันล้านบาทให้ไปอยู่ในงบกลาง โดย เรืองไกรยังขู่ว่าหากยังยืนยันไม่แก้ไขเรื่องดังกล่าวอาจไปถึง ป.ป.ช.ได้ ซึ่งงานนี้ก็คงต้องจับตา เพราะดูแล้วน่าจะเป็นหนังยาว ...๐

ที่ตลกไม่ออกเข้าไปอีกคือ การอภิปรายของผู้สงวนคำแปรญัตติตัดงบประมาณต่างๆ ซึ่งก็ยกเหตุผลให้น่าคิดน่าสนใจ แต่ผู้ตอบซึ่งเป็น กมธ.เสียงส่วนใหญ่ หรือ กมธ.ซีกรัฐบาล โดยเฉพาะ รมช.การคลัง และ รมช.คมนาคม ที่มานั่งตอบก็เข้าสูตร “ถามช้างตอบม้า” เสียอย่างนั้น โดยเฉพาะ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” นั้น ไปไกลถึงขนาดไปเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตที่บอกว่ารัฐบาลจะเดินหน้า ทั้งที่ไม่เคยถาม แล้วที่บอกว่าเดินหน้า สังคมเขาก็สงสัยว่าตั้งกรรมการยื้อมา 30 วัน นี่ก็เลยกำหนดมาแล้วทำไมไม่สะเด็ดน้ำเสียที ที่บอกว่าเดินหน้านั้นคืออะไรมิทราบจอร์จ ...๐

แต่ที่ต้องยกนิ้วให้มากที่สุดในการอภิปรายงบประมาณคงไม่เกินพรรคก้าวไกล เพราะเห็นชัดว่าทำการบ้านมาอย่างดี ไล่ตั้งแต่ “ชยพล สท้อนดี” สส.กทม.พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายงบในส่วน “กอ.รมน.” ซึ่งเมื่อฟังแล้วก็ทำให้สังคมอาจต้องฉุกคิดขึ้นมาบ้าง ในขณะที่ “ปรีติ เจริญศิลป์” สส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล ซึ่งอภิปรายงบประมาณรายจ่ายของสำนักนายกรัฐมนตรีก็เรียกว่ามีข้อมูลแน่น โดยเฉพาะการฉีกหน้ากากของ “นายกฯ แคตวอล์กผู้ใจบุญ” ของเศรษฐาอย่างไม่มีชิ้นดี รวมทั้งยังทำให้เห็นความย้อนแย้งในคำกล่าวอ้างเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณอย่างประหยัดและคุ้มค่าภาษีของคนทั้งประเทศ ว่าการโม้และการกระทำสวนทางยิ่งกว่าฟ้ากับเหวเสียอีก ...๐

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ดูเหมือนช่วงนี้ “พรรคเพื่อไทย” ของตระกูลชินวัตรจะเกิดอาการ “ราหูอม” อย่างไรอย่างนั้น เพราะ ตั้งแต่ “โทนี่ วู้ดซัม” หรือ “ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางกลับไทยแบบเท่ โดยเป็นวีวีไอพีประเทศที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวแล้ว

บันทึกหน้า 4

ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ส่อวุ่นอีก แม้ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ชนะการเลือกตั้ง แต่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อถุงยังชีพเมื่อปี 2555 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้แล้ว

บันทึกหน้า 4

“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” ผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อย่างไม่เป็นทางการ) ปรากฏว่า นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายก อบจ. หมายเลข 1 ได้คะแนนทั้งสิ้น 203,010 คะแนน

บันทึกหน้า 4

บันทึกกันในวันแรกของครึ่งปีหลัง ท่ามกลางความคาดหวังว่า บรรยากาศบ้านเมืองว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจจะเขยิบดีขึ้น โดยเฉพาะดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ที่โงนเงนง่อกแง่กซะเงาะซะแงะมาตั้งแต่ต้นปี จะโงหัวขึ้นอย่างสม่ำเสมอ

บันทึกหน้า 4

ฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางกบาล "นายใหญ่" อุตส่าห์ภูมิใจนำเสนอน้องเขยวางตัวประมุขสภาสูง นึกว่าเป็นเทวดาเสกได้สารพัดอย่างเหมือนคราวดันก้น "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" นั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ต้องน้ำตาตกร่วงตกเก้าอี้ชนิดล็อกถล่ม ได้แค่ 10 คะแนน

บันทึกหน้า 4

เรียกว่าสายตาทางการเมืองใน วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 ต่างจับจ้องไปที่เวที “อิมแพ็ค ฟอรัม เมืองทองธานี” เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ โดยมีผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว.ระดับจังหวัด จากทั้ง 77 จังหวัดใน 20 กลุ่มอาชีพ รวม 2,995 คน