จับชีพจร“ท่องเที่ยวไทย”เริ่มฟื้นตัว

 “ท่องเที่ยว” ถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมสำคัญในการขับเคลื่อนและกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ เรียกได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมหลักๆ ที่สร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศตลอดช่วงที่ผ่านมา ก่อนจะชะลอตัวลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เร่งกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง

โดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ระบุว่า ภาคการท่องเที่ยวถือเป็น 1 ใน 3 เรือธงที่สำคัญที่สุดของประเทศ การจัดเวิร์กช็อประดมสมองจากหลายๆ หน่วยงานถือเป็นเป้าหมายสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับภาคการท่องเที่ยวของไทยในปี 2568 ซึ่งจะให้เริ่มวางแนวทางโปรโมตตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป เพื่อคิกออฟท่องเที่ยวไทยในปี 2568 ซึ่งในปีดังกล่าวรัฐบาลจะผลักดันให้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย เป็นปีที่ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

จากนโยบายหลากหลายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เช่น การประกาศนโยบายยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) ที่ผ่านมา รวมถึงการเจรจาขอให้ยุโรปยกเว้นวีซ่าเชงเก้นให้คนไทย โดยจากการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้รับการสนับสนุนที่ดี

ขณะที่ “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ก็ระบุว่า การท่องเที่ยวไทยในปี 2566 สามารถสร้างรายได้สูงถึง 2.13 ล้านล้านบาท ขณะที่ในปีนี้รัฐบาลมีเป้าหมายในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท โดยที่นายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายที่ท้าทายอยู่ที่ 3.5 ล้านล้านบาท เชื่อมั่นว่าหากทุกภาคส่วนช่วยกันผลักดันก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายดังกล่าวได้ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพที่สูงขึ้นมาก

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ตามที่รัฐบาลได้หารือกันว่าอยากจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 ให้ได้ 40 ล้านคน ซึ่งเท่ากับช่วงปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ทุกสถิติสูงสุดก่อนเกิดโควิด-19 และตั้งเป้าหมายในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวที่ 3.5 ล้านล้านบาท ซึ่งจากเป้าหมายของรัฐบาลดังกล่าว ททท.จะต้องกลับไปจัดทำแผนเพื่อมาเสนอว่ามีแนวทางใดที่จะดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนให้จำนวนนักท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล เพื่อเสนอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุน

ขณะที่ข้อมูลล่าสุดจาก “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ซึ่งได้อัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-10 มี.ค.2567 พบว่า ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้ว 7.42 ล้านคน สร้างรายได้แล้ว 3.59 แสนล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน จำนวน 1.36 ล้านคน, มาเลเซีย จำนวน 9.86 แสนคน, รัสเซีย จำนวน 4.92 แสนคน, เกาหลีใต้ จำนวน 4.67 แสนคน และอินเดีย จำนวน 3.64 แสนคน

ด้าน “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินว่า ในปี 2567 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทย คาดแตะ 36 ล้านคน หลังจากที่ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยฟื้นตัวดีกว่าที่คาด โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยมากขึ้นในปี 2567 โดยสาเหตุหลักๆ มาจาก 4 ปัจจัย ดังนี้ 1.นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายประเทศฟื้นตัวดีกว่าที่คาด และกลับมาเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 พร้อมทั้งคาดว่าในไตรมาส 1/2567 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะอยู่ที่ประมาณ 9.32 ล้านคน เติบโต 42.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางที่เหลือของปีนี้

2.มาตรการฟรีวีซ่าชั่วคราวกับหลายตลาด และวีซ่าถาวรสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เริ่มวันที่ 1 มี.ค.2567 จะช่วยหนุนการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงที่เหลือของปีนี้ 3.ธุรกิจสายการบินเปิดเส้นทางการบินใหม่ระหว่างประเทศมาไทยและเพิ่มความถี่เที่ยวบิน และ 4.การจัดงานสัมมนาและประชุมระดับโลก จะช่วยหนุนการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีนี้

อย่างไรก็ดี “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ระบุว่า การท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวและปริมาณนักท่องเที่ยวมีจำนวนมากขึ้น แต่มองว่ายังเป็นการฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเน้นการเดินทางเมืองท่องเที่ยวหลัก ซึ่งกว่า 49% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต ซึ่งคงต้องอาศัยหน่วยงานท่องเที่ยวภาครัฐในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในเมืองรอง การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อเมืองท่องเที่ยวรองมากขึ้น เพื่อลดปัญหาความหนาแน่นของเมืองท่องเที่ยวและกระจายรายได้ท่องเที่ยวเป็นวงกว้างมากขึ้น.

 

 

ครองขวัญ รอดหมวน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บิ๊กอีเวนต์กระตุ้นท่องเที่ยว

ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในประเทศ

ความสำเร็จของแบรนด์กับการใช้Meta

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีประชากร 700 ล้านคน และมี GDP รวมประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เป็นตลาดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก

หวยเกษียณแก้ปัญหาแก่ก่อนรวย

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือหวยเกษียณ ของกองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งนี่ถือเป็นโครงการที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมการออมของประชาชนในประเทศ

เจ็บแล้วจบ

หลังการบริหารงานของรัฐบาลเศรษฐาได้เข้ามาเดินหน้ามาตรการประชานิยมลด แลก แจก แถม จัดเต็ม ตามที่สัญญากันไว้ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะนโยบายด้านพลังงาน ลดค่าไฟฟ้า

3แผนกรีนดันอุตฯไทยรักษ์โลก

เทรนด์รักษ์โลกยังมีมาอย่างต่อเนื่อง และตลอดปี 2567 ที่ผ่านมานี้หลายหน่วยงาน หลายบริษัทก็ยังไม่ทิ้งอุดมการณ์อันแรงกล้านี้ และยังแห่ประกาศแผนดำเนินงานเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมกันอย่างคึกคัก

ต้องเคร่งครัดและแก้ไขจริงจัง

สืบเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา รถไฟฟ้า “สายสีเหลือง-สายสีชมพู” ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าโมโนเรล 2 สายแรกของประเทศไทย ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการและสาธารณชน