ประเทศเดียวในโลก

อุมาก..วัยรุ่นว่า!

ก็..ที่เจ้าของร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม ได้โพสต์ภาพลูกค้ากลุ่มหนึ่งมากัน 4 คน สั่งน้ำเพียง 2 แก้ว แต่กลับเอาปลั๊กสามตามาเสียบ

มีกองเอกสาร คอมพิวเตอร์ แถมยังสีปรินเตอร์ พร้อมข้อความ.. "เปิดมาจะครบ 1 ปีแล้ว ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ค่ะ

ช่วงยุ่งๆ ไม่ทันเห็น หันมาอีกทีคุณพี่ก็เสียบปลั๊กสามตาแล้ว มา 4 สั่ง 2 แก้ว พี่ๆ มีความเห็นยังไงคะ เฉพาะค่าแอร์เดือนนี้ไม่อยากคิดสภาพ จากคาเฟ่เป็นสำนักงานเฉยเลย"

ครับ..ก็ขอให้ระลึกนึกอยู่เสมอ ร้านคาเฟ่เขาเปิดไว้บริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ และเขาก็ยินดี-เต็มใจบริการเน็ต นั่งคุย นั่งพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย จะกี่นาที-กี่ชั่วโมงก็ไม่ว่าไร..

แต่ด้วย “มารยาท” เรา-ลูกค้า ก็อย่าได้ถึงกับหอบเอกสาร หิ้วคอมพิวเตอร์ ยกเครื่องปรินต์ไปนั่งแช่กันอย่างนั้นเลย..มันดูอุจริงๆ แหละ!

และนั่นก็อุเสียยิ่งกว่าอุ..นั่งโต๊ะร่วมกันอยู่เห็นๆ ถามคนหนึ่ง.. มีเรื่องใดที่ได้ปรึกษาอดีตนายกฯ เป็นพิเศษหรือไม่?

คำตอบ.. “เป็นเรื่องเศรษฐกิจ เพราะอดีตนายกฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ก็มีการพูดคุยถึงการบริหารงานด้านเศรษฐกิจสมัยอดีตนายกฯ ทักษิณว่าเป็นอย่างไร”

ส่วนอีกคน ตอบคำถามเดียวกัน.. “ไม่มีการขอคำปรึกษา เพราะนายเศรษฐามีเวลาน้อย”!

นี่..โกหกจนติดเป็นนิสัย และเขาคงมองสื่อเป็นเด็กประถมที่สามารถจะโกหกจะตอแหลอย่างไรก็ได้รู้ไหม?

ก็ไม่รู้จะแห่แหนยกทัพกันไปทำข่าวทำไมให้เสียเงิน-เสียเวลาถึงเชียงใหม่ ถ้าจะตามไปดูนักโทษที่ได้รับการพักโทษกินอะไร ขี้เยี่ยวตรงไหน นอนอยู่สำนักงานดีกว่ามั้ง?

ต้องนี่..คุณเทพไท เสนพงศ์ คงทนกับความอุในอุไม่ไหวจึงได้พูดตรงไป-ตรงมาว่า “เห็นภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

มีการต้อนรับจากข้าราชการหลายระดับ หลายคน นับตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมชลประทาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ให้การต้อนรับเหมือนกับผู้นำประเทศ หรือวีรบุรุษสงคราม หรือนักชกเหรียญทองโอลิมปิก หรือผู้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ หรือแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญ ฯลฯ

ตนไม่แปลกใจหากจะมีคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดอย่างนายสมชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตนักการเมือง และอดีตข้าราชการ รวมถึงมวลชนคนเสื้อแดง

 ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่มีความเคารพนับถือ คนรักใคร่ชอบพอกัน แต่กรณีที่รัฐมนตรี ข้าราชการที่ตำแหน่งในกระทรวงทบวงกรม ใช้เวลาราชการไปต้อนรับ

และกล่าวบรรยายสรุป เรื่องภารกิจของหน่วยงาน เรื่องแหล่งน้ำ และมีการตัดริบบิ้นปล่อยปลา ปลูกต้นไม้ ฯลฯ จึงทำให้สงสัยว่า ทำไมต้องดูแลต้อนรับนายทักษิณเป็นพิเศษเช่นนี้

อย่าลืมว่าตอนนี้คุณทักษิณ อยู่ในฐานะนักโทษคนหนึ่ง ที่ได้รับการพักโทษ ยังไม่พ้นโทษจะใช้ฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้

ถ้าคุณทักษิณพ้นโทษไปแล้ว กลับไปเป็นประชาชนคนธรรมดา การจะให้เกียรติอดีตนายกรัฐมนตรี ก็สามารถทำได้ จะไม่ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ หรือตำหนิของสังคม

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กลับกล่าวให้ท้ายบรรดารัฐมนตรีและข้าราชการที่ใช้เวลาราชการไปต้อนรับนักโทษอย่างนายทักษิณ

 ว่า ไม่ได้คิดอะไรมาก และไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย

จึงทำให้แปลกใจว่า นายเศรษฐาในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศนี้ กลับไม่รักษากฎระเบียบวินัยของข้าราชการ

และกำชับให้ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องตามระเบียบวินัยของข้าราชการประจำ

ประเทศไทยคงเป็นประเทศเดียวในโลก ที่นักโทษชายเดินทางเหมือนกับการตรวจราชการ โดยมีระดับรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงมาคอยต้อนรับ..”

เฮ้ออ..เบิ้ดคำสิเว้า!.

 

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เก็บเชือกไว้ใช้เองเถอะ

“เส้นกูใหญ่.. ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า... ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี

คิดถึงนักรบลุง

กองเชียร์ กองหนุน กองรักลุงตู่.. มีใครพอจะทราบไหมว่า ตั้งแต่ปีเก่าจนลุเข้าปี 2568 บุคคล 2 ท่าน คุณแรมโบ้ คุณอ้น ทิพานัน ที่เคยร่วมรบเคียงบ่า-เคียงไหล่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หายหน้า-หายตาไปไหน?

เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก

เห็นตัวเลขแล้วตาลาย.. งั้นสรุปเอาจากข่าวโปรย “ผู้จัดการออนไลน์” ก็แล้วกัน.. “ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายกฯ แพทองธาร’ พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน

นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร?

ก่อนจะสิ้นปี.. นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผู้นอบน้อมถ่อมตน (ยามอยู่ไกลบ้าน)..จะกลับมาเลี้ยงหลาน เลิกข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..

ประชาชนควรพึ่งประชาชน

วันนี้-1 มกราคม.. เริ่มต้นปฏิทินหน้าแรกของปีใหม่ พ.ศ.2568 ก็ขออนุญาตกล่าวคำอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความสมหวัง ไม่เจ็บ ไม่จนกันนะครับ!

ผลพวงจาก 'ฉายา'

หยิกแกมหยอก หรือเหน็บแนมทีเล่นทีจริงพอได้ยิ้มหัว นั่นคือ เจตนารมณ์ ความตั้งใจแรกในการมอบฉายาให้กับ “ดารา นักร้อง คนบันเทิง” ที่ผม (สันต์ สะตอแมน) ได้เสนอต่อนายกสมาคมนักข่าวบันเทิงในยุคนั้น