สงคราม TikTok ระหว่างสหรัฐฯกับจีนเดือดขึ้นมาอย่างรุนแรงเมื่อสภาผู้แทนราษฎรที่วอชิงตันลงมติด้วยคะแนนท่วมท้นที่จะแบน apps อันโด่งดังระดับโลก
คะแนน 362-65 ของ สส. สหรัฐฯครั้งนี้มีความหมายมากเพราะนาน ๆ ทีจะเห็นทั้งฝั่งเดโมแครตและรีพับบลิกันรวมหัวกันยกมือให้กับร่างกฎหมายฉบับเดียวกัน
ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้ว สองพรรคนี้จะแยกขั้วกันอย่างชัดเจนในเกือบจะทุก ๆ ประเด็น
กฎหมายฉบับนี้ยังต้องผ่านความเห็นชอบในวุฒิสภาของสหรัฐฯ
ซึ่งอาจจะไม่ง่ายเหมือนในสภาผู้แทนราษฎร เพราะมีความเห็นของ สว. ที่แตกต่างกันพอสมควร
ร่างกฎหมายนี้กำหนดให้ apps TikTok ต้องแยกตัวจากบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ภายใน 6 เดือนนี้
กฎหมายฉบับนี้มีชื่อทางการว่า Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act หรือเป็นการปกป้องคนอเมริกันจาก apps ที่ควบคุมโดยต่างชาติที่ไม่เป็นมิตร
หากภายใน 6 เดือน บริษัทแม่ไม่ขายหุ้นออกไป apps ยอดนิยมที่มีลูกค้าในอเมริกากว่า 170 ล้านรายนี้จะหายไปจากตลาดอเมริกาทันที
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนบอกว่าพร้อมจะลงนามประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ทันทีที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา
แต่โดนัลด์ ทรัมป์แห่งพรรครีพับบลิกันบอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะแบน TikTok เพราะหากทำเช่นนั้น ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับ Facebook ของอเมริกามากขึ้นกว่าเดิม
คนที่คัดค้านเรื่องนี้ออกมารวมตัวกันประท้วง ถือว่าการผ่านกฎหมายฉบับนี้เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
เหตุผลที่นักการเมืองสหรัฐฯต้องการจะขจัด TikTok เพราะอ้างความกังวลเรื่องความมั่นคงแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับจีน
อ้างว่า TikTok อยู่ใต้การกำกับดูแลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่พยายามจะสอดแนมกิจกรรมว่าด้วยความมั่นคงของปักกิ่ง
เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของสหรัฐฯในการคุมเข้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไปจนถึงชิปปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงของอเมริกา
จีนออกมาประท้วงทันที กล่าวหาว่าวอชิงตันใช้วิธีที่ไม่เป็นธรรม และเป็น “ตรรกะของโจร” ในการเตรียมห้าม TikTok
ทางที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาว เจค ซัลลิแวนอ้างว่าเป้าหมายของร่างกฎหมายต้องการจะไม่ให้จีนเป็นเจ้าของเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะแบนติ๊กตอกแต่อย่างใด
เจ้าของ TikTok คือบริษัทไบท์แดนซ์ (ByteDance) โดยจีนอ้างว่าเป็นของเอกชน แต่ทางการอเมริกาเชื่อว่ารัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์จีนคือเจ้าของตัวจริง
เอกสารทางการชี้ว่าบริษัทนี้ก่อตั้งเมื่อปี 2012 จดทะเบียนที่หมู่เกาะเคย์แมน มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงปักกิ่ง
ต่อมาก็ตั้งสำนักงานหลายแห่งทั่วยุโรปและในสหรัฐฯ ด้วย
ในประเทศจีน apps นี้ใช้ชื่อ “โต่วยิน” (Douyin) ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นกัน
นักการเมืองอเมริกันอ้างว่า TikTok เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ซึ่งก็ไม่ได้ต่างไปจาก social media อื่น ๆ ในสหรัฐฯและชาติตะวันตก
แต่กลับถูกระแวงและจับผิดมากกว่าเจ้าอื่นเพราะมีความหวาดกลัวว่า TikTok อาจเป็นเครื่องมือ “สอดแนม” ตะวันตกของรัฐบาลจีน
เป็นประเด็นที่ TikTok ปฏิเสธอย่างแข็งขันมาโดยตลอดว่าไม่อาจจะเป็นไปได้เพราะมีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าอย่างเคร่งครัด
แต่ก็มีข้อกล่าวหาเป็นระยะ ๆ จากผู้ใช้ตะวันตก
เช่นกรณีเมื่อปลายปี 2022 นักข่าวหญิงชาวอังกฤษคนหนึ่งอ้างว่า เธอถูกติดตามสืบข้อมูลส่วนตัวผ่าน TikTok ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับแมวของเธอ
ปีที่แล้ว สถาบันในต่างประเทศหลายแห่ง เช่นรัฐบาลและรัฐสภาของอังกฤษ, สหภาพยุโรป, รวมทั้งทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งห้ามเจ้าหน้าที่ของตนใช้งานแอปพลิเคชันติ๊กตอกกับมือถือเครื่องที่ใช้ในการทำงาน
TikTok พยายามแก้เกมด้วยการแสดงตนว่าแยกตัวห่างจากบริษัทแม่ที่เป็นจีนให้มากที่สุด
เช่นริเริ่มโครงการ Project Clover ซึ่งจะเก็บข้อมูลของยุโรปเอาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ภายในภูมิภาคของตน
แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามจะสกัดกั้น apps นี้ด้วยการอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง
เพราะเมื่อปี 2020 อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยพยายามสั่งแบน TikTok มาแล้วตอนยังนั่งอยู่ในทำเนียบขาว
แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
มาครั้งนี้ ทรัมป์ซึ่งเตรียมเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน เพื่อลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปีนี้ กลับลำมาวิพากษ์วิจารณ์คัดค้านร่างกฎหมายที่อาจสั่งแบน TikTok
โดยอ้างว่าจะเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่บริษัทคู่แข่งเช่น Facebook อย่างไม่เป็นธรรม
เกมนี้ยาวแน่ และไม่มีใครรู้ว่าหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ สถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯจะแปรเปลี่ยนไปในเรื่องนี้อย่างไร
หากไบเดนกลับมา เขาจะเดินหน้ากดดันจีนในด้านการค้าและการเมืองรวมถึงเรื่อง TikTok อย่างไร
หรือหากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง เขาจะปรับเปลี่ยนจุดยืนอีกหรือไม่
ฝ่ายจีนก็จะไม่ลดละที่จะล็อบบี้ให้สหรัฐฯผ่อนคลายเรื่องนี้ เพราะจุดยืนของรัฐบาลจีนที่ประกาศออกนั้นยืนยันว่าจะ “ปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของธุรกิจจีนในต่างประเทศอย่างสุดความสามารถ”
การงัดข้อระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งยังมีเรื่องร้อน ๆ ประเด็นอื่นที่ต้องคอยจับตาอย่างใกล้ชิดกันต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ