ไทยในสายตาต่างชาติ: สมัยรัชกาลที่เจ็ด (ตอนที่ 14: การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ในสายตาผู้ช่วยทูตทหารฝรั่งเศส)

 

(ต่อจากตอนที่แล้ว) ในรายงานลงวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 ของพันโท อองรี รูซ์ ผู้ช่วยทูตทหารบกและทหารเรือประจำสยาม ประจำสถานอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสยาม

“จนกระทั่งบัดนี้ (นับตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน จนถึง 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2475/ผู้เขียน) มีปฏิกิริยาโต้ตอบรัฐบาลชุดใหม่เพียงครั้งเดียว คือ บัญชีหางว่าวที่นายทหารและพลเรือนรวม 300 คนลงลายมือชื่อเรียกร้องให้ พลตรี พระยาศัลวิธานนิเทศ อดีตเจ้ากรมแผนที่ทหาร ซึ่งถูกปลดหลังจากเหตุการณ์ปฏิวัติได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยบรรดาผู้ลงชื่อให้เหตุผลว่า ท่านเป็นที่รักของผู้ใต้บังคับบัญชา และได้แสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่าเป็นผู้ปกครองที่มีความสามารถ บัญชีที่แนบท้ายด้วยแถลงการณ์ทางการฉบับนี้ได้รับความสนใจจากคณะรัฐบาลชุดใหม่อย่างมาก

พระยาศัลวิธานนิเทศ

หนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆในวันเดียวกันตีพิมพ์แถลงการณ์ของรัฐบาลที่เตือนให้ประชาชนระวังสมาคมบางแห่ง ซึ่งมีท่าทีเป็นฟาสซิสต์ ที่อาจอยู่ระหว่างก่อตั้ง และระบุถึงอันตรายของสมาคมเหล่านั้น ที่อาจคุกคามเสรีภาพของประชาชนได้   หนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆของวันรุ่งขึ้นในบทความชื่อ ‘ระบบฟาสซิสต์ไม่เป็นประชาธิปไตย’ นำเรื่องนี้มาพูดใหม่ โดยเน้นประเด็นเดียวกัน           

แถลงการณ์ราชการบางฉบับอาจะทำให้เชื่อว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สนใจการปฏิรูปที่สำคัญ แต่กลับหมกมุ่นกับสิ่งที่สำคัญรองลงมา เช่น เมื่อรัฐบาลประกาศให้ลดค่าเล่าเรียนลงจาก 80 บาทเป็น 60 บาทต่อปี และครูจะต้องประหยัดค่าไฟและค่าน้ำมันให้ได้มากที่สุด เป็นต้น 

บทสรุป

จนกระทั่งบัดนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาได้ด้วยดี และสถานการณ์ยังคงเงียบสงบเช่นเดิม ซึ่งแสดงถึงความว่านอนสอนง่ายและความไม่กระตือรือร้นของประชาชนชาวสยาม  ดังที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึงในรายงานฉบับก่อนๆ และยังคงดำเนินต่อไป เราจึงไม่ต้องแปลกใจในเรื่องนี้                   

ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งที่พำนักอยู่ในสยามบอกข้าพเจ้าว่า เมื่อครั้งที่กองเรือรบฝรั่งเศสเข้ามาใน ค.ศ. 1893 (เหตุการณ์ ร.ศ. 112/ผู้เขียน) หลังจากฝ่าแนวกั้นปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาโดยพลการ และทอดสมอที่หน้าสถานอัครราชทูตฝรั่งเศส  ในวันนั้น ประชาชนชาวสยามยังคงเพิกเฉยต่อสถานการณ์อย่างไม่น่าเชื่อ และดูเหมือนจะไม่สนใจที่เห็นเรือรบฝรั่งเศสเข้ามาจอด แต่อย่างไรก็ตาม บาดแผลแห่งศักดิ์ศรีที่สยามได้รับในครั้งนั้น ต้องใช้เวลานานในการเยียวยา   และยังบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่า ทุกวันนี้ บาดแผลนั้นสมานดีแล้วหรอืไม่ 

คนจีนที่อาศัยอยู่ในบางกอกยังไม่มีความเคลื่อนไหวในช่วงนี้ แต่ก็เป็นเรื่องจริงว่า พวกเขาส่งโทรเลขเรื่องการปฏิวัติไปยังพรรคก๊กมินตั๋งด้วยความกระตือรือร้นตั้งแต่วันแรก  เพื่อขอให้ส่งโทรเลขแสดงความยินดีต่อรัฐบาลชุดใหม่ในทันที  หลังจากนั้น จึงส่งผู้แทนของบุคคลสำคัญมาเสนอความช่วยเหลือให้รัฐบาลชุดใหม่ของสยาม  แต่ผู้แทนเหล่านี้ไม่ได้รับการต้อนรับ จึงรู้สึกไม่พอใจมาก ในระหว่างนี้ พวกเขายังเก็บตัว แต่ก็พร้อมจะแสดงศักยภาพในการก่อความไม่สงบ

ท่ามกลางความนิ่งนอนใจของชาวสยาม มีคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ยังไม่ถึงขั้นรุนแรงเริ่มก่อตัวขึ้น  เป็นคำวิจารณ์เกี่ยวกับความประพฤติมิชอบของผู้นำการปฏิวัติ ที่ให้ตำแหน่งสำคัญๆแก่ตัวเองหรือพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงความสามารถ ความเหมาะสม หรือสิทธิที่ได้มา เรื่องนี้เป็นเชื้อไฟที่จะปะทุใหญ่โตขึ้นได้ สรุปคือ ควรประเมินว่าสถานการณ์ในปัจจุบันยังขาดเสถียรภาพและควรเฝ้าติดตามพัฒนาการของความรู้สึกนึกคิดอย่างระมัดระวัง

อองรี รูซ์”

รายงานวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475)

“บัดนี้ รัฐบาลชุดใหม่ก่อตั้งมาได้ 1 เดือนแล้ว ในช่วงนี้ ยังไม่อาจพูดได้ว่า สถานะของรัฐบาลเข้มแข็งแล้ว  เกิดการต่อต้านขึ้น  ในตอนแรก การต่อต้านนี้ยังไม่รุนแรงนัก นั่นคือ การลงบัญชีหางว่าวของ ‘ประชาชน’ จำนวน 300 คน เรียกร้องให้อธิบดีกรมตำรวจกลับมาปฏิบัติราชการ และบัญชีหางว่าวของประชาชนอีก 500 คน เรียกร้องให้นายพลที่เป็นเจ้ากรมแผนที่ทหารกลับมาเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีอาจารย์และนักศึกษาอีก 122 คน ที่ต้องการให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยลาออก ในแต่ละครั้ง รัฐบาลชุดใหม่ตอบว่า จะพิจารณาข้อเสนอที่น่าสนใจเหล่านี้ด้วยความละเอียดถี่ถ้วนอย่างยิ่ง

อาศัยสิทธิเสรีภาพในฐานะสื่อ หนังสือพิมพ์ต่างๆยังคงต่อต้านเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์และวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลชุดใหม่ โดยที่รัฐบาลโต้ตอบผ่านองค์กรอื่นๆว่า ‘บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์มิได้เป็นศัตรูของพวกเรา’ ‘ระบอบฟาสซิสต์มิใช่ประชาธิปไตย’ ฯลฯ   เหล่านี้ คือ คำยืนยันจากผู้เป็นกระบอกเสียงของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ประธานคณะกรรมการราษฎร

หลายวันที่ผ่านมานี้ การข่มขู่คุกคามแรงมากขึ้น มีกลุ่มบุคคล 12 คนถูกสงสัยว่า วางแผนประทุษร้ายต่อชีวิตของสมาชิกคณะราษฎร นอกจากนั้น ยังมีการจับกุมเพิ่มอีก 2 คน ที่มีปากเสียงกันหลังดื่มสุรา เรื่องการลองสังหาร พันโท พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะปฏิวัติ โดยมีเงินรางวัล 800 บาท แต่ดูเหมือนว่า จนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีการตัดสินลงโทษแต่อย่างใด คนที่ถูกจับบอกว่า ‘เงิน 800 บาท เป็นจำนวนที่น่าสนใจทีเดียว’

ดูเหมือนว่า รัฐบาลชุดใหม่จะเข้าใจดีถึงสถานะที่ไม่มั่นคงของตน สองสามวันมาแล้วที่คณะกรรมการราษฎรขังตัวเองอยู่ในพระราชวังดุสิต เมื่อวานนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดการปฏิวัติ ที่มีรถหุ้มเกราะติดปืนกลออกมาวิ่งลาดตระเวนตามถนนในเมือง ทว่าผู้คนต่างเฉยเมยเป็นที่สุด รถถังขนาดเล็กมาจอดคุมสถานการณ์บริเวณสี่แยกแรกๆ บนถนนสายต่างๆ ที่มุ่งสู่พระราชวัง บริเวณใกล้เคียงทางเต็นท์เพื่อเก็บสิ่งของสัมภาระ แต่ไม่มีการกีดขวางหรือปิดกั้นถนนหนทางแต่อย่างใด  รถบรรทุก 2 คันของผู้ก่อการปฏิวัติ ซึ่งคันหนึ่งน่าจะมีภารกิจ ‘พุ่งชน’ สิ่งกีดขวางที่บอบบาง  น่าจะฝ่าแนวกั้นเข้าไปได้โดยง่ายและไม่เสี่ยงอันตรายแต่อย่างใด

ตลอดทั้งคืน ไฟส่องสว่างจำนวนมากถูกนำมาติดตั้งบริเวณชั้น 2 ของพระราชวัง เพื่อสาดส่องถนนสายใหญ่ๆพระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวดูเหมือนจะมิได้เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลชุดใหม่ ในทางตรงกันข้าม พระองค์ดูจะทรงสนับสนุนเสียด้วยซ้ำ  อาจพูดให้ชัดขึ้นได้ว่า ‘พระองค์ทรงเป็นผู้สนับสนุนเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น’  แต่ด้วยพระพลานามัยที่ไม่แข็งแรง จึงต้องบรรทมเกือบทั้งวัน และพระองค์เป็นบุคคลสำคัญที่สุดในสถานการณ์ โดยที่พระองค์เองอาจจะไม่ทรงตระหนักก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระสงฆ์ ซึ่งเป็นอำนาจเดียวที่เข้มแข็งที่สุด ก็อุทิศตนเพื่อพระมหากษัตริย์อย่างเต็มที่ แต่พระองค์ย่อมจะได้รับผลกระทบไม่น้อย หากมีการปฏิวัติครั้งใหม่ และจะต้องยอมจำนนในลักษณะเดียวกัน พระองค์จึงตั้งพระทัยจะถอยห่างออกมาทันทีที่สถานการณ์มั่นคง เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน รัฐบาลชุดใหม่ประกาศเรื่อยๆว่า จะมีการเลือกผู้มีสิทธิสืบราชสันตติวงศ์ แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลกลับไม่ได้เร่งรีบกระทำเท่าไรนัก”

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


(พันโท อองรี รูซ์มีความสามารถทางด้านภาษา สามารถพูดได้หลายภาษา ได้แก่ เยอรมัน สเปน ลาว เวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาไทย.   ข้อความทั้งหมดในส่วนของนายพันโท อองรี รูซ์ ข้างต้น มาจาก การปฏิวัติสยาม ๒๔๗๕ ในทัศนะของพันโท อองรี รูซ์, Henri Roux เขียน พิมพ์พลอย ปากเพรียว แปล, (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน: 2564) หน้า 97, 99, 107-110).

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทยก้าวใหม่ : ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง เดินหน้าขับเคลื่อนธนู4 ดอก กับโอกาสปักธง แจ้งเกิดเลือกตั้ง 69

“พรรคไทยก้าวใหม่”ที่มี ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตนักการศึกษาชื่อดัง-อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นหัวหน้าพรรคถือเป็นอีกหนึ่งพรรคการเมืองใหม่ที่เปิดตัวมาก่อนการยุบสภาฯ

จบเลือกตั้ง 8ก.พ.2569 อนุทิน นายกฯรอบสอง

รายการ ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด สัมภาษณ์พิเศษซินแสชื่อดังที่ทุกคนรู้จักกันดี ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตแห่งประเทศไทย-อดีตสมาชิกวุฒิสภา

‘เท้ง’กลัวไม่ได้ตั้งรัฐบาล

กกต.เผยรับสมัคร สส.ทั้ง 400 เขตเรียบร้อยดี เตรียมรับสมัคร สส.บัญชีรายชื่อวันอาทิตย์นี้ เตือนประชาชนโพสต์ข้อความผิด กม.เลือกตั้ง เจอคุก 10 ปี

‘อภิสิทธิ์’ ขอคะแนน กทม. ชี้ 2 เดือน กระแส ปชป. ดีขึ้น ย้ำการเมืองสุจริต

หัวหน้าประชาธิปัตย์ระบุ กระแสตอบรับช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นบวก ย้ำไม่มีใครเป็นเจ้าของประชาชน ตั้งคำถามเลือกตั้ง กทม. สองรอ

'อนุทิน' ห้อยเหรียญพระนเรศวรบุกกรุงเก่า ขึ้นสแตนด์เชียร์ลุ้นจับเบอร์ผู้สมัคร สส.อยุธยา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นางสาวธนนนท์ นิรามิษ ภริยา เดิน

เรื่องขี้ๆหน้าที่เรา ‘เรืองไกร’ นำ พปชร.ชิง 22 เขต กทม.

"เรืองไกร" นำ 22 ขุนพล กทม. สมัครชิงเก้าอี้ เลือกตั้ง 69 ชู สโลแกน “เรื่องขี้ๆ หน้าที่เรา” ลั่น กรุงเทพฯ ต้องดีกว่าเดิม พร้อมชนทุกปัญหา ด้าน"ปิติพงษ์"นำ ว่าที่ผู้สมัครหญิงหนึ่งเดียว"ศรัณย์รัชต์" ลงชิงพื้นที่กทม.