บางครั้งผู้นำจีนก็ไม่จำเป็นต้องออกแถลงการณ์ดุดันอะไร เพื่อระงับยับยั้งวาทะของฝ่ายตะวันตก
หนึ่งในวิธีการตอบโต้คือ การตั้งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ
เหมือนเป็นการชกหมัดตรงใส่หน้าอเมริกา
เหมือนที่รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ทำกับวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
หวัง อี้ บอกว่าขอฝาก 4 ข้อที่ “ตรงประเด็น” จากจีนสู่อเมริกาดังนี้:
1.หากสหรัฐฯ พูดอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่างหนึ่ง ความน่าเชื่อถือในฐานะประเทศยักษ์อยู่ที่ไหน?
2.ถ้าได้ยินคำว่า “จีน” แล้วหงุดหงิด ความมั่นใจในฐานะประเทศใหญ่อยู่ที่ไหน?
3.ถ้าต้องการเพียงให้ตัวเองเจริญรุ่งเรือง แต่ปฏิเสธการพัฒนาที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศอื่นๆ แล้วความยุติธรรมระหว่างประเทศจะอยู่ที่ไหน?
4.หากผูกขาดห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และยังคงให้จีนอยู่ในระดับต่ำ ความเป็นธรรมในการแข่งขันจะอยู่ที่ไหน?
หลังการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ของจีนปีนี้ นายกฯ หลี่ เฉียง ได้ฉีกประเพณีการเมืองด้วยการยกเลิกการแถลงข่าวที่ต้องตอบคำถามนักข่าวจากทั่วโลก
แต่หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกลับตั้งโต๊ะซัดสหรัฐฯ ตรงๆ
ที่หลี่ เฉียง ไม่แถลงข่าวอาจเพราะไม่ต้องการตอบคำถามเรื่องเศรษฐกิจที่ไม่สวยนัก
แต่หวัง อี้ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพราะต้องการจะส่งสัญญาณแรงๆ ไปยังวอชิงตัน
การเปิดศึกวาทกรรมกับสหรัฐฯ สำหรับจีนไม่มีอะไรต้องลังเล แม้จะไม่ต้องการลงลึกเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังมีปัญหาแฝงอยู่ไม่น้อยก็ตาม
หวัง อี้ ไม่เพียงแค่ฟาดฟันสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังถือโอกาสนี้ยกย่องความเป็นหุ้นส่วนระหว่างจีนกับรัสเซียที่ลึกซึ้งมากขึ้นทุกวันด้วย
ตอนหนึ่ง หวัง อี้ บอกว่าสงครามในฉนวนกาซาเป็น “ความอับอายสำหรับอารยธรรม”
หวังกล่าวโจมตีสิ่งที่เขาเรียกว่า ความพยายามของวอชิงตัน "ในการข่มเหงและสกัดจีน"
โดยย้ำกับผู้สื่อข่าวว่า "ความปรารถนาของสหรัฐฯ ที่จะโยนบาปทั้งหลายให้จีนเข้าขั้นที่เหลือเชื่อแล้ว"
หวัง อี้ ถือโอกาสการประชุมปีคู่ขนานของรัฐสภาจีนกับองค์กรที่ปรึกษาทางการเมือง เป็นเวทีสำหรับการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สำหรับปีใหม่นี้
การประชุมถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยโยงกับความเชื่อมั่นของผู้นำจีนต่อยุทธศาสตร์ทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อตะวันตก
ท่ามกลางความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันและสงครามของรัสเซียในยูเครนเข้าสู่ปีที่สาม
จีนตกเป็นเป้าของการแถลงการณ์ หลังการประชุมสุดยอดระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) กับออสเตรเลีย ที่เตือนว่าการกระทำของจีนในทะเลจีนใต้ "เป็นอันตรายต่อสันติภาพ" ในย่านนี้
เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่เรือยามชายฝั่งของจีนถูกกล่าวหาว่าโจมตีกองเรือของฟิลิปปินส์ในภารกิจเสริมกำลัง
ปักกิ่งกล่าวหาว่ามะนิลาเล่นบทเป็น “เบี้ย” ของวอชิงตัน
“เราต่อต้านการกระทำที่มีอำนาจเหนือกว่าและการกลั่นแกล้งทุกรูปแบบอย่างเด็ดเดี่ยว และจะสนับสนุนอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างเข้มแข็ง รวมถึงผลประโยชน์ด้านการพัฒนา” หวัง อี้ กล่าวย้ำ
รัฐมนตรีต่างประเทศจีนบอกว่าสหรัฐฯ ยังเดินหน้าสกัดกั้นจีนอย่างต่อเนื่อง
และย้ำว่าตะวันตกยังใช้วิธีการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวอย่างไม่หยุดยั้ง
และระบุเรื่องการที่สหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของจีนเรื่องไต้หวันอย่างโจ๋งครึ่ม
หวัง อี้ บอกว่าสหรัฐฯ จะต้องตระหนักว่าหากยังขืนทำเช่นนั้นก็จะถูก “ชำระล้างด้วยประวัติศาสตร์”
หวัง อี้ ยืนกรานว่าการกระทำของจีนในทะเลจีนใต้นั้นสมเหตุสมผล
ย้ำว่าปักกิ่ง “มีความยับยั้งชั่งใจในระดับสูงอยู่เสมอ”
มะนิลากล่าวหาจีนว่าคุกคามเรือของฟิลิปปินส์ ในน่านน้ำที่เป็นเขตที่มีการอ้างสิทธิที่ขัดแย้งกัน
ฟิลิปปินส์บอกว่าจีนใช้วิธีการคุกคามเรือของตนด้วยการฉีดน้ำใส่อย่างไร้เหตุผล
ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประกาศว่าการกระทำของจีนเป็น "สัญญาณเตือนภัยครั้งใหญ่"
ขณะที่ผู้บัญชาการทหารฟิลิปปินส์คนหนึ่งบอกว่า การเผชิญหน้าครั้งนี้ถือว่า "เลวร้ายที่สุด" ในรอบ 2 ปี
หวัง อี้ บอกนักข่าวว่า ปักกิ่ง "สนับสนุนจิตวิญญาณแห่งความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่จำเป็น ...แต่เราจะไม่ยอมให้มีการใช้ไมตรีจิตในทางที่ผิด"
“เราจะปกป้องสิทธิของเราอย่างถูกต้องตามกฎหมาย" เขากล่าว
พร้อมเรียกร้องให้ “บางประเทศนอกภูมิภาคอย่าก่อปัญหาหรือเลือกข้าง และอย่ากลายเป็นผู้ก่อกวนหรือสร้างปัญหาในทะเลจีนใต้”
และยังสำทับว่า “เมื่อเผชิญกับความวุ่นวายที่ซับซ้อนในสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศ จีนจะยังคงเป็นพลังเพื่อสันติภาพ พลังเพื่อเสถียรภาพ และพลังเพื่อความก้าวหน้าในโลก”
ว่าแล้วเมื่อถูกถามเรื่องสงครามฉนวนกาซา รัฐมนตรีต่างประเทศจีนก็แสดงจุดยืนของจีนที่อยู่คนละข้างกับสหรัฐฯ ชัดเจน
โดยย้ำถึงการสนับสนุนของจีนต่อชาวปาเลสไตน์
ปักกิ่งสนับสนุนการเป็นสมาชิกสหประชาชาติเต็มรูปแบบสำหรับรัฐปาเลสไตน์
“หายนะในฉนวนกาซาเตือนโลกอีกครั้งว่า ความจริงที่ว่าดินแดนปาเลสไตน์ถูกยึดครองมาเป็นเวลานานไม่สามารถละเลยได้อีกต่อไป” หวังกล่าว
เขายืนยันว่าความปรารถนาอันยาวนานของชาวปาเลสไตน์ คือการสถาปนาประเทศเอกราช
และโลกไม่อาจจะหลีกเลี่ยงความจริงนี้ได้อีกต่อไป
เพราะเขาบอกว่าความอยุติธรรมทางประวัติศาสตร์ ที่ชาวปาเลสไตน์ต้องทนทุกข์ทรมานไม่สามารถดำเนินต่อไปได้หลายชั่วอายุคนโดยไม่ได้รับการแก้ไข
มันคือ "โศกนาฏกรรมสำหรับมนุษยชาติและความอับอายสำหรับอารยธรรม"
ปักกิ่งเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันทีนับตั้งแต่เริ่มสงครามอิสราเอล-ฮามาสเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ คำยืนยันของหวัง อี้ ว่าความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างปักกิ่งกับมอสโกเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้
"จีนและรัสเซียได้กำหนดกระบวนทัศน์ใหม่สำหรับความสัมพันธ์ทางอำนาจที่สำคัญ แตกต่างไปจากยุคสงครามเย็นเก่าอย่างสิ้นเชิง"
เพราะเป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีบน "พื้นฐานของการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด การไม่เผชิญหน้า และการไม่กำหนดเป้าหมายของบุคคลที่สาม"
จีนกล่าวว่ามีจุดยืนเป็นกลางในสงครามยูเครน
แต่ก็ชัดเจนเช่นกันว่า ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับรัสเซียได้มีความสนิทแนบแน่นมากขึ้นนับตั้งแต่เริ่มสงคราม
หวัง อี้ กลายเป็น “หัวหน้าการทูตเชิงหมาป่า” ของจีนที่รุกไล่ตะวันตกอย่างไม่ลดละและไม่ยอมให้วอชิงตันข่มขู่รังแกได้อีก!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว
อองซาน ซูจี: เสียงกังวล จากลูกชายในวันเกิดที่ 79
วันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาคือวันเกิดที่ 79 ของอองซาน ซูจี...ในวันที่เธอยังถูกคุมขังเป็นปีที่ 4 หลังรัฐประหารโดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2021