ถ้าเราจะช่วยให้คนไทยแปร “ภัยคุกคาม” อันเกิดจากเทคโนโลยีเป็น “โอกาส” ก็ต้องมีการฝึกทักษะใหม่ให้แก่คนที่มีหน้าที่การงาน ที่อาจจะถูกทดแทนโดยวิทยาการสมัยใหม่
รัฐบาลไม่ควรแจกปลาให้ประชาชน แต่ควรจะสอนวิธีตกปลาเพื่อให้เขาหากินด้วยตนเองได้
นั่นคือการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อปรับตัวให้ทันกับอาการ “ป่วน” ที่ทั้งโลกกำลังเผชิญอยู่
รัฐบาลสิงคโปร์เพิ่งประกาศว่า คนสิงคโปร์ทุกคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะได้รับเครดิต SkillsFuture มูลค่า 4,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1 แสนบาท) ในเดือนพฤษภาคมนี้
เพื่อส่งเสริมให้คนทำงานระดับกลางได้ฟื้นฟูทักษะและความก้าวหน้าในอาชีพของตน...พูดง่ายๆ คือจะได้ไม่ตกงานในยามกลางคน
เงินอุดหนุนก้อนนี้ไม่แจกเป็นเงินสด แต่ชี้เฉพาะให้ไปเรียนหนังสือและแสวงหาทักษะฟรี
เป็น “เครดิต” ของรัฐบาลให้ทุกคนไปฝึกฝนเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ด้วยการไปศึกษาต่อในระดับอนุปริญญาเต็มเวลาอีกหลักสูตรหนึ่งที่โพลีเทคนิค สถาบันการศึกษาด้านเทคนิคและสถาบันศิลปะ ตั้งแต่ปีการศึกษาหน้าเป็นต้นไป
โครงการนี้ชื่อ SkillsFuture Level-Up
เป็นการขยายวงเงินและกรอบการเรียนรู้ในโครงการฝึกอบรมที่จะช่วยการจ้างงานที่ดีขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นระดับอนุปริญญานอกเวลาและเต็มเวลา ตลอดจนหลักสูตรต่อยอดจากอนุปริญญาและระดับปริญญาตรี
เงินอุดหนุนก้อนนี้ไม่มีวันหมดอายุ ใครมีอายุ 40 ปีขึ้นไปจะได้รับเบี้ยเลี้ยงการฝึกอบรมทุกเดือน เมื่อลงทะเบียนในหลักสูตรเต็มเวลาที่เลือกตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
เป็นการชดเชยการสูญเสียรายได้บางส่วนจากการลางาน
หลักสูตรที่มีสิทธิ์ ได้แก่ หลักสูตรเต็มเวลา SkillsFuture Career Transition Program
รวมถึงหลักสูตรเต็มเวลาที่ได้รับทุนสนับสนุนจากภาครัฐ ที่สถาบันการศึกษาระดับสูงและสถาบันศิลปะจนถึงระดับปริญญาตรี
ทุกคนสามารถรับเงินค่าฝึกอบรมได้สูงสุด 24 เดือนตลอดชีวิต
ใครว่างงานเกินหนึ่งปีจะไม่ได้รับเงินค่าฝึกอบรม
นายจ้างจะได้ประโยชน์ด้วย เพราะการฝึกอบรมและการยกระดับทักษะสามารถขยายโอกาสทางอาชีพและผลงานให้แก่พนักงานได้
มันคือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Life-long learning ซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับคนในยุคปัจจุบัน
รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง ลอเรนซ์ หว่อง (ว่าที่นายกฯ คนต่อไป) แจ้งว่ารัฐบาลจะทุ่มทุนในการสร้าง “ทุนมนุษย์”
เพราะในยุคสมัยนี้การเรียนรู้ไม่สามารถหยุดลงเมื่อการศึกษาในระบบสิ้นสุดลง
นั่นแปลว่าเรียนจบในระบบการศึกษาแล้วเป็นเพียงการเริ่มต้นเรียนรู้เท่านั้น
เพราะหลักสูตรในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยไม่อาจจะปรับตัวได้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
แม้ว่าคนสิงคโปร์จะเชื่อว่าตัวเองอยู่ในอันดับที่สูงในแง่ของทักษะและความสามารถทางเทคนิค แต่ความเชี่ยวชาญเดิมๆ ไม่อาจจะตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานใหม่ๆ ที่ปรับเปลี่ยนไปตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ไม่รอใคร
ความจริงสิงคโปร์เริ่มโครงการ SkillsFuture มาตั้งแต่เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว เพราะเขาเห็น “ภัยคุกคาม” จากเทคโนโลยีตั้งแต่ตอนนั้น
จากนั้นเป็นต้นมา งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในด้านการศึกษาและการฝึกอบรมต่อเนื่องก็เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเป็น 900 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 23,000 ล้านบาท) ในปีที่ผ่านมา
และจะยังมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกมาก เพราะ "การยกระดับทักษะอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตมีความสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา”
ภายใต้โครงการ SkillsFuture จะมีการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่คนงานที่ “ว่างงานโดยไม่สมัครใจ”
หมายถึงคนที่อยากทำงาน แต่ตลาดงานเปลี่ยนไปจนตัวเองไม่อาจจะตามได้ทัน
เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องช่วยเหลือคนเหล่านี้
แต่ต้องเป็นการวางเงื่อนไขที่เหมาะสม ไม่ “อุ้มเกินเหตุ” แต่ขณะเดียวกันก็มีความช่วยเหลือที่ตอบโจทย์ของสังคมให้ได้อย่างเหมาะควร
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ประเทศอื่นๆ ประสบเมื่อมีการเสนอสิทธิประโยชน์การว่างงานที่ถูกใช้ไปในทางที่เสียหายและเปลืองเปล่า
เพราะขณะที่ในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจ บริษัทต่างๆ จะต้องปล่อยพนักงานออกไป ในขณะที่ในภาคส่วนอื่นๆ จะมีการสร้างงานใหม่
โจทย์ใหญ่คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถฝึกคนเก่าให้มีทักษะใหม่เพื่อลดตัวเลขคนว่างงาน
นี่คือหนึ่งในตัวอย่างของการบริหาร “ทุนมนุษย์” ของประเทศที่มีประชากรน้อยและต้องพึ่งพาทั้งทุนและบุคลากรจากต่างประเทศอย่างสิงคโปร์
อาจจะเป็นเพราะเขามีความขาดแคลน จึงต้องดิ้นรนหาทางที่จะอยู่ในสภาพ “เตรียมพร้อมรับวิกฤต” ตลอดเวลา
ขณะที่เรายังคลำทางที่จะเกาะติดความเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างยุทธศาสตร์เรื่อง “ทุนมนุษย์” ให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังโหมกระหน่ำใส่เราอย่างหนักหน่วง
ใครได้ฟังคำอภิปรายของรัฐมนตรีและ สส.ในสภาของสิงคโปร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ จะเห็นว่าเขาติดตามข่าวสารระดับโลกอย่างทันท่วงที
และแปรเอาข้อมูลเหล่านั้นมาปรับเป็นนโยบายที่ต้องก้าวให้ทันกับคลื่นลูกใหม่ ที่จะมีผลต่ออนาคตของประเทศเขาตลอดเวลา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “วิสัยทัศน์” นั้น ถ้าไม่มี “แผนปฏิบัติการ” ที่เป็นรูปธรรมก็เป็นเพียง “ความฝัน” ลมๆ แล้งๆ เท่านั้น!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว
อองซาน ซูจี: เสียงกังวล จากลูกชายในวันเกิดที่ 79
วันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาคือวันเกิดที่ 79 ของอองซาน ซูจี...ในวันที่เธอยังถูกคุมขังเป็นปีที่ 4 หลังรัฐประหารโดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2021