ต้องกระตุ้นวัคซีนอย่างไร จึงจะสกัด Omicron ได้?

ผมกำลังมองไปที่ปีใหม่ว่าเราจะตั้งหลักสู้กับ Omicron อย่างไร เพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าสายพันธุ์นี้จะกลายเป็นตัวหลักของศัตรูของมนุษย์ในปี 2022

จะเรียกมันว่า “พระเอก” หรือ “ผู้ร้าย” ก็ไม่สำคัญ

สำคัญว่าเราเองจะจัดการบริหารกับความสามารถในการอาละวาดของมันมากน้อยเพียงใด

และอาวุธที่สำคัญที่สุดของการต่อกรกับศัตรูที่ไม่เห็นตัวนี้คือความรู้

ความรู้ย่อมจะมาจากข้อมูล

แต่เมื่อข้อมูลปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เพราะ Omicron เป็นสิ่งใหม่ที่นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ยังพยายามจะทำความเข้าใจอยู่ เราจึงต้องเกาะติดข้อมูลที่การศึกษาของแต่ละสำนักทั่วโลกกำลังติดตามอย่างขะมักเขม้น

เมื่อวานผมเล่าว่า นพ.มานพ พิทักษ์อาภร แห่งศิริราช ได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลกมาเขียนเป็นคำถาม-คำตอบได้อย่างน่าสนใจ

วันนี้ผมขอนำเนื้อหาชุดนั้นมาแบ่งปันกันต่อ เพราะผมเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจของคนไทยต่อ Omicron เป็นอย่างยิ่ง

Q7.บ้านเราส่วนใหญ่ได้วัคซีน 2 เข็มแรกไม่เหมือนประเทศอื่น ฉีด mRNA booster เข็ม 3 จะกัน Omicron ได้ไหม

A7.ข้อมูล UK พบว่าคนที่ได้ AZ x2 + mRNA booster ป้องกัน Omicron ได้ 70% ด้อยกว่า Pfizer x2 + mRNA booster ที่ได้ 76% ไม่มากนัก คิดว่าประสิทธิผลไม่ต่างนัก สำคัญที่ booster

Q8.วัคซีนอื่นใช้เป็น booster รับมือ Omicron ได้ไหม

A8.ไม่มีข้อมูล ที่ผ่านมาเห็นชัดว่า Omicron ดื้อมาก ต้องการระดับ antibody สูงมากในการรับมือ วัคซีนที่สามารถกระตุ้น antibody ได้สูงมากพอมีเพียง mRNA vaccine (Pfizer และ Moderna)

นอกจากข้อมูลแอฟริกาใต้ ดูเหมือนว่า early data จากประเทศอื่นๆ เช่น Denmark และ UK ชี้ไปทางเดียวกันว่าสัดส่วนของผู้ติดเชื้อ Omicron ป่วยหนักน้อยกว่า Delta ที่ผ่านมา มีข้อมูลอะไรบ้างมาดูกัน

รายงานระบาดวิทยาแรกของ Omicron จากแอฟริกาใต้ลง preprint แล้ว พบว่าผู้ติดเชื้อ Omicron เมื่อเทียบกับ Delta

1.มีโอกาสป่วยรุนแรงน้อยกว่า 70% (OR 0.3)

2.มีโอกาสนอน รพ.น้อยกว่า 80% (OR 0.2)

3.เมื่อเข้านอน รพ.แล้ว ป่วยหนักไม่ต่างกับ Delta

4.เชื้อเยอะกว่า

รายงานจาก Denmark พบว่าผู้ติดเชื้อ Omicron ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ. น้อยกว่าราว 62% (0.6% vs 1.6% OR 0.375) แม้ว่า Omicron จะติดเชื้อในกลุ่มที่ได้วัคซีนครบ & booster มากกว่า (89.7% vs 73%) สนับสนุนว่าวัคซีนช่วยลดโอกาสป่วยหนักได้มาก (แม้จะกันป่วยได้ไม่ดี)

Early data เพิ่มเติมจาก Imperial College สอดคล้องกับรายงานอื่นคือ พบว่าผู้ติดเชื้อ Omicron ป่วยเข้า รพ. น้อยกว่า Delta ราว 35% (HR 0.65) และเมื่อดูเฉพาะผู้ไม่ได้วัคซีน Omicron ก็เข้า รพ.น้อยกว่า 24% (HR 0.76)

 (ไม่มีข้อมูลว่ากลุ่มนี้เคยติดเชื้อมาก่อนหรือไม่)

Preprint จาก U of Edinburgh ข้อมูลชี้ไปในทางเดียวกันคือ

Omicron (S negative) มีโอกาสเข้า รพ.น้อยกว่าในทุกช่วงอายุ แต่สัดส่วน Omicron ติดในกลุ่มที่เคยติดเชื้อมาก่อนสูงถึง 10 เท่า (7.6 vs 0.7%) แสดงว่าภูมิเดิมช่วยลดความรุนแรงได้ และ booster ลดความเสี่ยง 57%

พอมีเวลากลับมาดูข้อมูลละเอียด และเทียบข้อมูลแอฟริกาใต้กับ UK ของ Imperial College แล้ว พอจะสรุปได้ชัดขึ้นว่า เหตุที่ภาพรวมผู้ติดเชื้อ Omicron รุนแรงน้อยกว่า Delta ปัจจัยหลักอยู่ที่ภูมิคุ้มกันที่มีอยู่เดิม (ไม่ว่าจากเคยติดเชื้อ หรือฉีดวัคซีน) มากกว่าจะเป็นเพราะเชื้อไม่รุนแรง (1)

โดยรวมจะเห็นว่าโอกาสที่คนเคยติดเชื้อมาก่อนจะติด Omicron ซ้ำสูงกว่า Delta ราว 10 เท่า ในขณะที่ Delta เกือบทั้งหมดติดเชื้อในคนไม่เคยมีภูมิมาก่อน ทำให้อัตราป่วยหนักสูง สัดส่วนของผู้ติดเชื้อ Omicron จำนวนไม่น้อยมีภูมิทำให้ไม่ป่วยหนัก ผลรวมจึงทำให้โอกาสป่วยหนักจาก Omicron น้อยกว่า (5)

ข้อมูลนี้สนับสนุนรายงานของ Imperial College ก่อนหน้านี้ที่ว่า Omicron น่าจะมีความรุนแรงพอกับ Delta และแสดงให้เห็นประโยชน์ของวัคซีนที่ป้องกันไม่ให้ป่วยหนักจาก Omicron ได้จริง นับเป็นโชคดีของโลกที่ Omicron ไม่ระบาดก่อน Delta ครับ (6)

Modeling จาก Imperial College พบว่า Omicron แพร่เร็วกว่า แต่รุนแรงเท่า Delta

1.ค่า R~3 doubling ทุก 2 วัน

2.ติดเชื้อซ้ำง่ายกว่า Delta 5.4 เท่า ภูมิเก่าป้องกันติดซ้ำได้แค่ 19%

3.ข้อมูลสัดส่วนผู้ป่วยเข้า รพ.ไม่ต่างกับ Delta อย่างน้อยก็ในช่วงต้นนี้

ถ้าเป็นไปตามข้อมูลชุดล่าสุดเช่นนี้ ข้อสรุป ณ วันนี้จึงน่าจะเป็นว่าเรายังต้องเกาะติดวิวัฒนาการแห่งข้อมูลที่ได้จากการศึกษาอย่างต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง

ก่อนที่เราจะแน่ใจว่าเรารู้จัก “Omicron ที่น่ารักน่าชัง” นี้เพียงพอ

โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยใจระทึก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ