อนาคตสงครามโลกครั้งที่ 3 กับ'การวิเทโศบายของไทย'

อย่างที่เคยว่าไว้แล้วนั่นแหละว่า...อ่านหนังสือซะจนหมดบ้าน ระหว่างนี้เลยต้องไปคว้าหนังสือเก่าๆ ประเภทที่เคยอ่านไปแล้ว 4 เที่ยว 5 เที่ยว กลับมาอ่านใหม่อีกรอบ และที่อดไม่ได้ต้องหยิบมาพูดถึง เอ่ยถึง หรืออาจถือเป็นการ แนะนำ เอาไว้ ณ ที่นี้ ก็คือหนังสือเรื่อง การวิเทโศบายของไทย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาได้จัดพิมพ์เผยแพร่ในช่วง ครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ราวๆ พ.ศ. 2527 โน่นเลย...

คือที่ต้องถือเป็นการ แนะนำ ให้ใครต่อใครรีบกลับไปคว้ามาอ่าน แม้เคยอ่านมาแล้ว 4 เที่ยว 5 เที่ยว หรือกี่เที่ยวก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าควรอ่าน...หรือ ต้องอ่าน ยิ่งซักสิบๆ เที่ยวขึ้นไป...ก็ยิ่งดี!!! ด้วยเหตุเพราะเนื้อหา สาระ ฉากสถานการณ์ ที่ผู้เขียนอย่างศาสตราจารย์ กนต์ธีร์ ศุภมงคล อดีตอธิบดีกรมสหประชาชาติ

เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บิดาบังเกิดเกล้าอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศยุครัฐบาลทักษิณ คุณ กนต์ธีร์ ศุภมงคล ที่เคยโหยหวน ครวญคราง บทเพลง Streets of London ไว้อย่างน่าซาบซึ้ง ตรึงใจ ท่านหยิบมาร่ายเรียงไว้ในลักษณะไม่ต่างไปจาก บันทึกความทรงจำ ของท่าน เป็นฉากสถานการณ์ที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ความเป็นไปของโลก รวมทั้งความเป็นไปในบ้านเรา ณ ช่วงระหว่างนี้เอามากๆ...

หรือเป็นช่วงที่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ต้องเจอกับผลกระทบอันหนักหน่วง รุนแรง จาก ปัจจัยภายนอก ระดับ อภิมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่เหตุการณ์บ้านเมือง หรือ ปัจจัยภายใน ก็เต็มไปด้วยความขัดแย้ง แก่งแย่ง ทางการเมือง ชนิดน่าห่วง น่าวิตกกังวล ไม่น้อยไปกว่าช่วงนี้ หรือช่วงเท่าที่ผ่านมา สิ่งที่ศาสตราจารย์ กนต์ธีร์ ศุภมงคล ท่านนำมาถ่ายทอด เรียบเรียง ตามประสบการณ์ความเป็นจริง ไม่ว่าในฐานะข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ หรือในฐานะผู้มีส่วนร่วมใน ขบวนการเสรีไทย รวมทั้งตามข้อมูล เอกสาร ที่ท่านได้ค้นคว้าในภายหลัง อาจต้องเรียกว่า...ถือเป็น บทเรียนทางประวัติศาสตร์ ที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากจะเป็นอย่างที่นักคิด นักปราชญ์ เช่นนาย George Santayana เคยว่าไว้ว่า “Those who cannot remember the past are condemned to repeat it.” หรือ “ผู้ที่ไม่จดจำอดีต...ผู้นั้นมีกรรมจำต้องย้อนรอยอดีต”...นั่นแล...

เห่อเหิม ทะเยอทะยาน ทางการเมือง มีความพึงพอใจต่อการเป็นข้าราชการตัวเล็กๆ ยึดมั่นต่อ ผลประโยชน์ส่วนรวม มากกว่า ผลประโยชน์ส่วนตัว ใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าศาสตราจารย์ กนต์ธีร์ ท่านจะมีความใกล้ชิด สนิทสนมกับอาจารย์ ปรีดี พนมยงค์ อย่างลึกซึ้งเอามากๆ แต่ท่านก็เคยรับใช้ ใกล้ชิด เป็นผู้ทูลฯ ถวายรายงานกิจการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้กับในหลวงรัชกาลที่ 8 รัชกาลที่ 9 ขณะเสด็จนิวัตพระนคร ได้ร่วมโต๊ะเสวยในบางโอกาส บรรดาความคิด-ความเห็นที่ท่านได้สอดแทรกเอาไว้ในหนังสือเล่มนี้ จึงเป็นอะไรที่บริสุทธิ์ ใส-สะอาด จริงจังและจริงใจ จนทำให้ บทเรียน ในแต่ละบท ยิ่งมีคุณค่า ราคายิ่งขึ้นไปอีก ไม่ใช่แค่ตำรับ ตำรา หรือเรื่องที่เอาไว้คุยโม้ โอ้อวดแบบการเขียนประวัติส่วนตัวของผู้ที่ยังจมอยู่กับอดีต...

ดังนั้น...เมื่อความเป็นไปได้ของ สงครามโลกครั้งที่ 3 ชักเห็นได้ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที อีกทั้งสีสัน บรรยากาศของการเมืองภายใน ก็น่าหนักใจ น่าระทดระท้อใจ ไม่ต่างไปจากการเอาแพ้-เอาชนะ ระหว่างพลพรรคของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม กับท่านอาจารย์ ปรีดี พนมยงค์ โดยมีนาย ควง อภัยวงศ์ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวสอดแทรก ฉวยโอกาส ไปเป็นระยะๆ ข้อมูล ข้อเท็จจริง อันบริสุทธิ์ ใส-สะอาด ที่ถูกกลั่นออกมาจากความรู้สึก นึกคิด ของศาสตราจารย์ กนต์ธีร์ ในหนังสือเล่มนี้ จึงอาจถือเป็น แนวทาง หรือ แนวนโยบาย ที่ควรนำมาปรับใช้ ประยุกต์ใช้ ให้เป็นประโยชน์ สำหรับปัจจุบันและอนาคต ไม่ว่าในแง่ของประเทศชาติโดยส่วนรวม หรือโดยอุดมคติ อุดมการณ์ ในทางส่วนตัวก็ตามที...

โดยเฉพาะท่านรัฐมนตรีต่างประเทศคนปัจจุบัน คุณ ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่เคยมีโอกาสรู้จักแค่เพียงผิวเผิน ด้วยเหตุเพราะคุณน้อง ปอง อัญชลี ท่านไปลากมาพูดคุย สนทนาด้วย เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ยิ่งอยากแนะนำให้รีบไปคว้ามาอ่าน หรือถ้าเคยอ่านแล้วก็น่าจะอ่านซ้ำอีกซัก 4 เที่ยว 5 เที่ยวเป็นอย่างน้อย เพราะไม่ว่าในแง่ ส่วนรวม ที่ท่านต้องรับบทเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศให้กับพรรค เผาไทย หรือในแง่ ส่วนตัว ที่โดยอุปนิสัยใจคอ ท่านออกจะน่ารัก น่าประทับใจเอามากๆ หนังสือเรื่อง การวิเทโศบายของไทย โดยศาสตราจารย์ กนต์ธีร์ ศุภมงคล เล่มนี้นี่แหละ ที่สมควรเก็บเอาไว้หนุนหัว หรือซุกไว้ใต้หมอน เพราะถ้าเกิดอึดอัด ขัดข้องใจ ขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่ว่าด้วยเรื่องส่วนตัว หรือส่วนรวมก็แล้วแต่ โอกาสที่จะใช้หนังสือเล่มนี้ เป็น กุญแจ ไขข้อข้องใจในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่มาก-ก็น้อย...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เกรงว่าคำอวยพรปีใหม่จะไม่จริง

เวลาที่เรากล่าวคำอวยพรให้ใครๆ เราก็จะพูดแต่เรื่องดีๆ และหวังว่าพรของเราจะเป็นจริง ถ้าหากเราจะเอาเรื่องอายุ วรรณะ สุขะ พละ มาอวยพร โดยเขียนเป็นโคลงกระทู้ได้ดังนี้

แด่...ไพบูลย์ วงษ์เทศ

ถึงแม้จะช้าไปบ้าง...แต่ยังไงๆ ก็คงต้องเขียนถึง สำหรับการลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้ของคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ นักเขียน นักกลอนและนักหนังสือพิมพ์อาวุโส

กร่าง...เกรี้ยวกราด...ฤากลัว

ใครบางคนตำแหน่งก็ไม่มี สมาชิกก็ไม่ใช่ แต่แสดงบทบาทยิ่งใหญ่กว่าใครๆ เหมือนจงใจจะสร้างตำแหน่งใหม่ที่คนไทยต้องยอมรับ และดูเหมือนเขาจะประสบความสำเร็จเอาเสียด้วย

คำอวยพรปีใหม่ 2568

ใกล้ถึงช่วงปีหน้า-ฟ้าใหม่ยิ่งเข้าไปทุกที...การตระเตรียมคำอำนวย-อวยพรให้กับใครต่อใครไว้ในช่วงวาระโอกาสเช่นนี้ อาจถือเป็น หน้าที่ อย่างหนึ่ง

ก้าวสู่ปีใหม่ 2568

สัปดาห์สุดท้ายปลายเดือนธันวาคม 2567 อีกไม่กี่วันก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2568 "สวัสดีปีใหม่" ปีมะเส็ง งูเล็ก