นายกฯอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซียกำลังพยายามจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากหลายปัจจัย ไม่ต่างกับที่อีกหลายประเทศรวมถึงไทยต้องเจออยู่
ค่าเงินริงกิตอ่อนลงถึงระดับต่ำสุดใน 26 ปี
วันก่อนอัตราแลกเปลี่ยนกับเงินบาทอยู่ที่ 1 ริงกิตต่อ 7.52 บาท
นายกฯอันวาร์บอกว่ารัฐบาลมาเลเซียไม่ได้เพิกเฉยหรือละเลยค่าเงินริงกิตที่อ่อนค่าลงอย่างมาก
“แต่อย่าได้มองว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนลงเท่ากับเศรษฐกิจแย่...ยังไม่ใช่อย่างนั้น” นายกฯมาเลเซียบอก
และย้ำว่าตัวเลขเงินลงทุนยังเป็นไปตามแผนเดิม
ธนาคารกลางได้รับมอบหมายให้ติดตามริงกิตอย่างใกล้ชิด
นายกฯบอกว่ากระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสภาการลงทุนของประเทศ “ประชุมทุกวัน” เพื่อแก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่
“ใช่ การที่เงินริงกิตอ่อนลงอย่างมากเป็นเรื่องน่ากังวล แต่ตัวเลขการลงทุนโดยรวมก็ยังสูงเป็นประวัติการณ์ อัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงต่อเนื่อง อัตราการว่างงานลดลง และการเติบโตก็ยังคงที่เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน”
เรามองเขา เขาก็มองเรา
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ค่าเงินมาเลเซียอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบทางการเมืองต่อนายอันวาร์
เมื่อมีคนวิเคราะห์ยกประเด็นว่าสถานการณ์จะคล้ายกับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 1998 หรือไม่ อันวาร์ย้อนว่า “มันคนละเรื่อง”
“ในปี 1998 ริงกิตลดลง การลงทุนลดลง และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น มันไม่เหมือนกัน” นายอันวาร์ย้ำ
แต่เขาก็ยอมรับว่ารัฐบาลต้องติดตามสถานการณ์วันต่อวัน
และต้องจับชีพจรความเคลื่อนไหวของค่าครองชีพและผลกระทบต่อปากท้องของผู้คน
ในการให้สัมภาษณ์ Financial Times อันวาร์ประณามกระแส “ความหวาดกลัวจีน” ที่พุ่งขึ้นในโลก
แต่ประเทศในกลุ่มอาเซียนต้องเผชิญกับความท้าทายอันเกิดจากการต้องถ่วงดุลผลประโยชน์ของตนท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง
อันวาร์ตั้งคำถามว่าทำไมมาเลเซียจึง “เลือกทะเลาะ” กับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด
เพราะมีคนตั้งคำถามว่าอเมริกากำลังมองว่ามาเลเซียขยับเข้าใกล้จีนมากเกินไปหรือเปล่า
“ทำไมเราต้องผูกติดอยู่กับผลประโยชน์อย่างเดียว? ผมไม่ยอมรับอคติอันแรงกล้าต่อจีน ไม่ยอมรับความหวาดกลัวจีน”
สิ่งที่อันวาร์พูดสะท้อนถึงปัญหาร่วมของประเทศในอาเซียน (รวมทั้งไทยเราด้วย) ที่รวมกันแล้วมีประชากร 700 ล้านคน
และมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อยู่ใกล้กับจีน
ขณะเดียวกันก็มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ เช่นกัน
ในความขัดแย้งนี้ก็มีโอกาส
อย่างน้อยมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และไทยได้พยายามใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการเมืองทั้งกับสหรัฐฯ และจีน
อยู่ที่แต่ละประเทศจะดำเนินนโยบาย “สร้างดุลถ่วงอันเหมาะควร” ระหว่างสองมหาอำนาจนี้อย่างไร
อันวาร์บอกว่ามาเลเซียยึดมั่นในจุดยืน “ความเป็นกลาง” ด้วยการ พยายามรักษา “ความสัมพันธ์อันดีที่มั่นคงกับสหรัฐฯ [ขณะเดียวกัน] มองจีนเป็นพันธมิตรที่สำคัญ”
อันวาร์เสริมว่าข้อกล่าวหาใด ๆ ที่ว่ามาเลเซียภายใต้การนำของเขาโน้มเอียงไปทางปักกิ่งอย่างที่รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ ได้พูดไว้ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนในกรุงจาการ์ตาเมื่อเดือนกันยายนนั้นเป็นเรื่อง “ไม่ถูกต้องและไม่ยุติธรรมอย่างร้ายแรง”
อันวาร์เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของมาเลเซียในรอบ 5 ปี
เข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายนปี 2022 หลังใช้ชีวิตการเมืองอย่างโชกโชนมายาวนาน
อันวาร์ในฐานะรองนายกฯและรัฐมนตรีคลังมีส่วนช่วยนำพามาเลเซียผ่านวิกฤตการเงินในเอเชียในปี 1997
แต่จาก “ทายาททางการเมือง” ของนายกฯมหาธีร์ โมฮัมหมัดกลายเป็นศัตรูทางการเมืองตัวฉกาจ
อันวาร์ถูกดำเนินคดีจนติดคุกอยู่หลายปี
ด้วยข้อหาคอร์รัปชันและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
อันวาร์ได้รับอิสรภาพอีกครั้งในปี 2018 หลังจากได้รับพระราชทานอภัยโทษ
พอได้เป็นนายกรัฐมนตรี อันวาร์มีภารกิจหลักคือการพิสูจน์ว่าสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจหลังโควิด-19
ปีที่ผ่านมา GDP ของมาเลเซียโตที่ 3.7% ลดลงอย่างมากจากอัตราโตก่อนโควิดที่ 8.7% เมื่อปี 2022
มาเลเซียเจอปัญหาคล้ายกับไทยเรื่องการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
อันวาร์ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมภาคการผลิต พลังงาน และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย
มีการรับปากจากต่างประเทศว่าจะมีการลงทุนจากข้างนอกสูงเป็นประวัติการณ์
ผู้นำจีนสี จิ้นผิง รับปากจะลงทุนประมาณ 170.1 พันล้านริงกิต (ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท) ในมาเลเซีย หลังจากที่อันวาร์เดินทางไปปักกิ่งและการประชุมโป๋อ๋าวในไห่หนานเมื่อปีที่แล้ว
สัปดาห์ต่อมา อันวาร์ได้ปรับแผนเครือข่าย 5G ของมาเลเซียอย่างมีนัยสำคัญ
ปูทางให้ Huawei ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีนมีบทบาทเข้ามาร่วมในการสร้างระบบใหม่มากขึ้นกว่าเดิม
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของมาเลเซียใช้ประโยชน์จากบริษัทต่างๆ ที่เปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เรียกว่า "จีนบวกหนึ่ง"
มาเลเซียได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจที่มุ่งเน้นการยกระดับห่วงโซ่คุณค่าเซมิคอนดักเตอร์
อันวาร์เน้นว่ารัฐบาลจะ "มุ่งเน้นอย่างจริงจัง" ในอันที่จะเสริมสร้างกำลังการผลิตแผ่นเวเฟอร์ส่วนหน้าอีกด้านหนึ่ง
กิจกรรมที่ว่านี้ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ปีนัง (ฐานการเมืองสำคัญของอันวาร์) ให้เป็นศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมชิป
Micron Technology ผู้ผลิตชิปของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อเดือนตุลาคมว่าจะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 36,000 ล้านบาท) เพื่อขยายกิจกรรมบนเกาะปีนัง
ขณะที่ Intel กำลังสร้างโรงงานในต่างประเทศแห่งแรกสำหรับบรรจุภัณฑ์ชิป 3D ระดับสูงที่เกาะแห่งนี้เช่นกัน
กลุ่มชิปของจีนได้มาปรากฏตนในปีนังเช่นกัน
เป็นไปในลักษณะร่วมทุนที่ช่วยหลบหลีกภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และรักษาความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ชาวตะวันตก
xFusionซึ่งเคยมีความโยงใยกับHuawei กำลังจับมือกับผู้ให้บริการท้องถิ่น NationGateเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์หน่วยประมวลผลกราฟิกในปีนัง
ในขณะที่บริษัททดสอบและบรรจุภัณฑ์ชิป TongFu Microelectronics ได้ขยายโรงงานในรัฐนี้โดยร่วมมือกับกลุ่ม AMD ของสหรัฐอเมริกา
อันวาร์บอกว่าเขาได้บอกกับรองประธานาธิบดีสหรัฐฯกมลา แฮร์ริสว่า
“เราเป็นประเทศเล็กๆ ที่กำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในโลกที่ซับซ้อน”
และหวังว่าทั้งสหรัฐฯและจีนจะเข้าใจถึงจุดยืนของอาเซียนที่เรียกร้องให้ทั้งสองยักษ์ใหญ่รับรู้ว่า
เราไม่ต้องการถูกบังคับให้เลือกข้าง
แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็อยู่ที่ความสามารถของแต่ละประเทศที่จะดำเนินนโยบายที่ชาญฉลาดและคล่องแคล่วพอที่จะให้ทั้งวอชิงตันและปักกิ่งเคารพใน “ความเป็นตัวของตัวเอง” ของเราด้วย!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว
อองซาน ซูจี: เสียงกังวล จากลูกชายในวันเกิดที่ 79
วันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาคือวันเกิดที่ 79 ของอองซาน ซูจี...ในวันที่เธอยังถูกคุมขังเป็นปีที่ 4 หลังรัฐประหารโดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2021