มาตรฐานคุมเหตุระทึกขวัญ!

ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านโทรศัพท์มือถือจะมีการพัฒนาไปได้ไกลอย่างก้าวกระโดดแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่มักพ่วงมาด้วยเสมอกับการใช้งานโทรศัพท์ก็คือแบตเตอรี่ ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจสำคัญในการใช้งานสมาร์ทโฟน ที่ต้องมีการรับเข้า ส่งออกข้อมูลและสัญญาณอยู่ตลอดทั้งวัน แม้ว่าในยุคนี้ผู้ผลิตจะมีการคำนึงถึงเรื่องดังกล่าว และพัฒนาระบบให้สามารถมีอายุที่ยาวนานขึ้นตลอดทั้งวัน แต่รูปแบบการใช้งานของกลุ่มผู้บริโภคก็แตกต่างกันไป และอาจจะส่งผลให้แม้ว่าจะมีแบตเตอรี่ความจุมากเพียงใด ก็ไม่สามารถเพียงพอต่อการใช้งานได้ อุปกรณ์เสริมที่เข้ามามีบทบาทในช่วงก่อนหน้านี้จนถึงปัจจุบันก็คือแบตเตอรี่สำรอง หรือที่เรารู้จักกันในนามเพาเวอร์แบงก์

เป็นอุปกรณ์เสริมที่เข้ามาทำให้การใช้งานสมาร์ทโฟนในปัจจุบันไม่ติดขัด และสามารถอยู่ได้ตลอดทั้งวัน แต่ด้วยตัวเพาเวอร์แบงก์เองก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถสร้างผลกระทบให้กับผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมได้ จึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานเข้ามากำกับเช่นเดียวกับหม้อ กระทะ กาต้มน้ำ หรืออุปกรณ์ระบบไฟฟ้าทั้งหลาย และเมื่อเร็วๆ นี้ก็เกิดเหตุที่น่าตกใจกับระดับผู้บริหารกระทรวงที่นั่งดูแลโดยตรงกับหน่วยงานที่ต้องออกมาตรฐานกำกับเพาเวอร์แบงก์อย่าง น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม

ที่ล่าสุดเกิดเหตุเพาเวอร์แบงก์ของผู้โดยสารระเบิดบนเครื่องบินโดยสาร ขณะที่กำลังบินจากสนามบินดอนเมือง มุ่งหน้านครศรีธรรมราช ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3188 ออกเดินทางจากดอนเมือง เวลา 07.20 น. ของวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีผู้โดยสารเต็มลำ 186 ชีวิต และรัฐมนตรีพิมพ์ภัทราที่กำลังเดินทางไป จ.นครศรีธรรมราช เพื่อลงพื้นที่ทำงาน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้โดยสารอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองส่งผลสะท้อนมายังการเลือกใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่ต้องได้มาตรฐาน

โดยหลังจากนั้น น.ส.พิมพ์ภัทรา จึงสั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้มงวดในการตรวจควบคุมเพาเวอร์แบงก์ทุกขนาด ทุกยี่ห้อที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดและทางออนไลน์ต้องได้มาตรฐาน เนื่องจากเพาเวอร์แบงก์เป็นหนึ่งในสินค้าในจำนวน 144 รายการ ที่เป็นสินค้าควบคุมของ สมอ. โดยเฉพาะเพาเวอร์แบงก์ที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ให้เพิ่มความถี่ในการตรวจควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สินค้าอย่างปลอดภัย และขอฝากถึงประชาชนให้เลือกใช้เพาเวอร์แบงก์ที่มีเครื่องหมาย มอก. และ QR Code ที่ปรากฏอยู่บนสินค้าเท่านั้น

โดยสามารถสแกนเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของผู้ผลิตและผู้จำหน่าย รวมถึงคุณภาพของสินค้าว่าเป็นไปตามที่ระบุหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามที่ระบุสามารถร้องเรียนกลับมาที่ สมอ.ได้ทันที

ด้านนายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สมอ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อกรณีดังกล่าว สมอ.มิได้นิ่งนอนใจ หลังจากได้รับข้อสั่งการจากท่านรัฐมนตรีพิมพ์ภัทรา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ประสานเพื่อตรวจสอบขยายผลอย่างเร่งด่วนถึงแหล่งที่มา รายละเอียดสินค้า และการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้อง สมอ.จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ประกอบการรายนี้อย่างถึงที่สุด เนื่องจากเพาเวอร์แบงก์เป็นสินค้าควบคุมของ สมอ. การทำและนำเข้าจะต้องได้รับอนุญาตจาก สมอ.ก่อน

รวมถึงผู้จำหน่ายจะต้องขายเฉพาะสินค้าที่ได้มาตรฐานเท่านั้น มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย ปัจจุบันมีผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตแล้วจำนวน 97 ใบอนุญาต แบ่งเป็นผู้ผลิตในประเทศจำนวน 8 ใบอนุญาต และผู้นำเข้าจำนวน 89 ใบอนุญาต สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้รับใบอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ สมอ. www.tisi.go.th โดยเพาเวอร์แบงก์ที่ได้มาตรฐานจะผ่านการตรวจสอบจากห้องแล็บอย่างเข้มข้นประมาณ 20 รายการ เช่น สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 70 องศาเซลเซียส หากลืมวางไว้ในรถยนต์ที่จอดตากแดด หรือที่ที่มีอุณหภูมิสูง ก็ยังอยู่ในสภาพปกติ ไม่บวมพอง หรือโก่งงอ ทนต่อการตกกระแทก ไม่แตกหักเสียหายง่าย ทนต่อความดันอากาศต่ำ

และ สมอ.ได้ฝากมายังผู้ประกอบการ หากท่านทำหรือนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐานจะถูกดำเนินคดี มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.

 

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เคาต์ดาวน์ปลอดภัยส่งท้ายปี

เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นวาระแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวัง โดยในปีนี้สถานที่จัดงาน Countdown ทั่วประเทศไทยหลายหน่วยงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและสัมผัสความงดงาม

แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน

การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ

ของขวัญรัฐบาล

อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว

ยกระดับธุรกิจไทยแข่งขันเวทีโลก

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ

ปี68ธุรกิจบริการอาหารยังโตต่อเนื่อง!

“ธุรกิจบริการอาหาร” ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตาในปี 2568 จากอานิสงส์ท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้การบริโภคอาหารน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันภาครัฐยังมีการอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ดันSMEอีอีซีบุกตลาดตปท.

ที่ผ่านมารัฐบาลอาจจะยังไม่ได้พูดถึงโครงการพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี มากนัก เนื่องจากคงจะยุ่งกับการบริหารงานในแนวทางอื่นๆ อยู่ แต่กับหน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก