การที่มิน อ่องหล่ายต้องประกาศเกณฑ์ทหารจนสร้างความแตกตื่นไปทั่วประเทศมีสาเหตุมาจากความเพลี่ยงพล้ำในสนามรบที่ฝ่ายต่อต้านเริ่มจะรุกคืบอย่างหนักหน่วงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
การตัดสินใจของผู้นำกองทัพพม่าที่สะท้อนว่ากำลังอยู่ในภาวะตั้งรับมากกว่าเชิงรุกมีเหตุผลหลายข้อ
ประการแรก กองทัพเมียนมาประสบปัญหาในการจัดหาทหารมาเสริมทัพโดยตลอด ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สังเกตเห็นมานานหลายทศวรรษแล้ว
กองทัพพม่ายังเผชิญกับปัญหาภารกิจที่หนักและกว้างขวางมากขึ้น นับตั้งแต่รัฐประหารเพราะไม่มีหน่วยสำรองที่สามารถเรียกมาประจำการได้ทันที
ที่เห็นได้ชัดคือยุทธการ 1027 ของ “พันธมิตรฝ่ายเหนือ” 3 กลุ่มที่ผนึกกำลังกันเปิดศึกโจมตีครั้งใหญ่ตั้งแต่ 27 ตุลาคมปีที่แล้ว
ผลงานของ “3 พี่น้อง” (โกกั้ง, อาระกัน, และตะอางอันเกิดจากการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพสร้างความประหลาดใจให้กับฝ่ายกองทัพเป็นอย่างยิ่ง
ผลที่ตามมาคือกองทัพสูญเสียดินแดนไปมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายต่อต้านมีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยยิ่งขึ้น เช่น โดรน ซึ่งกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อกองทัพ
เป้าหมายเฉพาะหน้าของรัฐบาลทหารพม่าคือการเสริมกำลังให้สามารถผลักดันฝ่ายต่อต้านให้กลับไปจากหลายจุดที่สามารถยึดได้จากกองทัพ
รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติฝ่ายค้าน (NUG) ออกข่าวเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วว่าได้จัดส่งโดรนอย่างน้อย 400 ลำให้กับกองกำลังกบฏทั่วประเทศเพื่อใช้ในการโจมตีและทิ้งระเบิดใส่กองทัพ
NUG ประณามคำสั่งเกณฑ์ทหารว่า “ผิดกฎหมาย” และบอกกับประชาชนว่า “ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม”
ในแถลงการณ์ NUG ซึ่งตอกย้ำว่ารัฐประหารเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและรัฐบาลทหารไม่มีอำนาจทางกฎหมายยืนยันว่ากองทัพกำลัง “ประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่และน่าอับอายทั่วประเทศ”
จึงต้องบังคับให้พลเรือนต่อสู้และทำหน้าที่เป็น "โล่มนุษย์" ในสนามรบ
นักวิเคราะห์ด้านการทหารเห็นตรงกันว่าพอมีการปัดฝุ่นเอากฎหมายเกณฑ์ทหารมาใช้ในจังหวะนี้ก็หมายความว่ากองทัพยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว
หรืออีกนัยหนึ่งคือการให้คนพม่าสู้รบกันเอง
สะท้อนว่ามิน อ่องหล่ายจะทำทุกอย่างเพื่ออยู่ในอำนาจให้ยาวนานที่สุด
ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใดเพื่อให้ได้ชัยชนะมาก็ตาม
พอมีการประกาศเกณฑ์ทหารก็มองออกทันทีว่าจะนำไปสู่การคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่
เพราะเจ้าหน้าที่ทหารถือโอกาสเรียกรับสินบนจากครอบครัวที่ร่ำรวยที่พยายามซื้อทางออกให้ลูกๆ
เป็นที่รู้กันว่าครอบครัวชนชั้นกลางพร้อมขายทรัพย์สินเพื่อส่งลูกหลานไปต่างประเทศและหลบเลี่ยงกฎหมายการเกณฑ์ทหาร
นั่นแปลว่าจะมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนและทรัพย์สินจำนวนมากข้ามพรมแดนไปเพื่อนบ้าน
ผลที่ตามมาที่ร้ายแรงและคาดเดาได้ประการหนึ่งคือความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น
การเกณฑ์ทหารรอบนี้หมายความว่าจะต้องมีการสู้รบหนักขึ้น
กองทัพพม่าจะเริ่มการตอบโต้อย่างหนัก และระดับความรุนแรงจะสูงกว่าช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
คำถามใหญ่สำหรับไทยเราคืออาเซียนจะทำอะไร?
กองทัพพม่าจะอ้างว่าการเกณฑ์ทหารเป็นกิจการภายในประเทศ
อาเซียนจะกดดันรัฐบาลทหารพม่าในประเด็นนี้โดยตรงคงไม่ง่าย
เพราะหลายประเทศก็มีกฎหมายเกณฑ์ทหารเช่นกัน
แต่ไทยและอาเซียนอื่นก็อาจจะยกประเด็นว่าหากการสู้รบรุนแรงขึ้นจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของภูมิภาคอย่างใหญ่หลวง
ไทยเรามีสิทธิจะส่งเสียงดังที่สุดเพราะเราได้รับผลกระทบหนักที่สุด
เช่น อาจมีผู้ลี้ภัยไหลเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มมากขึ้น
และมีประเด็นเรื่องความไร้เสถียรภาพของชายแดนและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
และการสังหารพลเรือนมากขึ้นซึ่งเป็นข้อกังวลระหว่างประเทศ
แต่อาเซียนก็ต้องยึดฉันทามติ 5 ข้อเป็นหลัก
เพราะนั่นคือแผนสันติภาพที่ตกลงกันในเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 โดยผู้นำของรัฐสมาชิก 9 ประเทศและผู้นำรัฐบาลทหาร มิน ออง หล่าย
เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลทหารของเมียนมากำลังกลายเป็นภัยคุกคามต่อพลเรือนมากยิ่งขึ้น
ทอม แอนดรูว์ เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติตอกย้ำว่านนี่เป็นเป็นสัญญาณเพิ่มเติมของ “ความอ่อนแอและความสิ้นหวัง” ของรัฐบาลทหารพม่า
จึงเรียกร้องให้มีการดำเนินการระหว่างประเทศที่เข้มข้นขึ้นนเพื่อปกป้องประชากรกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ
“ในขณะที่รัฐบาลทหารบังคับชายหนุ่มและหญิงสาวเข้าประจำการในกองทัพ รัฐบาลทหารก็เพิ่มการโจมตีพลเรือนโดยใช้อาวุธทรงพลังที่สะสมไว้เป็นสองเท่า” นายแอนดรูว์ กล่าว
เขาเสริมว่าในขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติยังไม่ดำเนินการใด ๆ ประเทศต่างๆ จะต้องเสริมสร้างและประสานงานมาตรการเพื่อลดการเข้าถึงอาวุธของรัฐบาลเผด็จการทหาร
ตัวเลขล่าสุดของสหประชาชาติแสดงให้เห็นว่าผู้คนเกือบ 2.7 ล้านคนยังคงเป็นผู้พลัดถิ่นในประเทศ
ซึ่งรวมถึงเกือบ 2.4 ล้านคนที่ถูกถอนรากถอนโคนหลังการยึดครองของทหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564
ความขัดแย้งยังคงโหมกระหน่ำในพื้นที่ต่างๆ ของพม่า
จุดที่มีสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงล่าสุดคือรัฐยะไข่ ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตก
เป็นรายงานของสำนักงานกิจการด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ OCHA เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน
รัฐยะไข่เป็นสมรภูมิการต่อสู้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างกองทัพและกองทัพอาระกัน ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์
ทำให้เกิดปัญหาการจำกัดการเข้าถึงด้านมนุษยธรรม แม้จะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นก็ตาม
ขณะเดียวกัน การหยุดยิงยังคงดำเนินต่อไปในรัฐฉานทางตอนเหนือ โดยปล่อยให้คนส่วนใหญ่ที่พลัดถิ่นเมื่อปลายปี 2566 สามารถกลับบ้านได้
พลเรือนเกือบ 23,000 คนที่หนีจากความขัดแย้งที่ลุกลามในภูมิภาคเมื่อปีที่แล้ว ยังคงต้องพลัดถิ่นในพื้นที่ 141 แห่งใน 15 เมือง
OCHA เสริมว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในภาคตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ของเมียนมายังคงดำเนินต่อไป
เป็นสงครามที่มีการปะทะด้วยอาวุธ การโจมตีทางอากาศ และกระสุนปืนครกคุกคามความปลอดภัยของพลเรือนและการพลัดถิ่นของผู้ขับขี่
มีรายงานว่าชายหนุ่มถูกลักพาตัวจากถนนในเมืองต่างๆ ของเมียนมาหรือถูกบังคับให้เข้าร่วมกองทัพ ขณะที่มีรายงานว่าชาวบ้านถูกใช้เป็นลูกหาบและเป็นโล่มนุษย์
เป็นภาวะที่น่าเศร้าและสิ้นหวังอย่างยิ่งสำหรับคนพม่าเอง...และตราบที่เพื่อนบ้านเรายังไม่สงบ คนไทยก็ไม่อาจจะคาดหวังว่าจะสามารถเห็นสันติภาพในภูมิภาคนี้ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ