มองไปมองมา ทั้งด้านซ้ายด้านขวา ข้างบนข้างล่าง ไปจนถึงหลืบมุมต่างๆ ในสังคมไทยเวลานี้ ไม่พ้นเรื่องของการ "จับผิด" นักโทษที่ได้ชื่อว่าเป็น "เทวดาชั้น 14"
เห็นเป็นเรื่องขำๆ มันก็น่าขำจริงๆ ที่แต่ละคนสามารถหยิบไอ้โน่นไอ้นี่มาตีแผ่แบหรากันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ไม่มีเกรงใจ "อดีตนายกรัฐมนตรี" หรือครอบครัวของนาง ตลอดจนเจ้าพนักงานของรัฐ ไล่ตั้งแต่หมอในโรงพยาบาลตำรวจ และกรมราชทัณฑ์กันเลยนะ
ถ้าให้ชั่้งน้ำหนัก ต้องบอกว่าถูกหมดโดนเต็มๆ
อย่างไรก็ตาม เรื่องระดับสะเทือนกระบวนการยุติธรรมไทย จะให้เห็นเป็นเรื่องขำแล้วคิดว่าธุระไม่ใช่ มันก็ทำให้สังคมไทยอยู่ยากขึ้นได้นะจ๊ะ มนุษย์ป้าจึงต้องตั้งคำถามว่า "ทำไมคนเราต้องพูดโกหก?!?" จนเป็นเหตุให้ถูกจับผิดกันเอาจริงเอาจังคึกคักในวันนี้ล่ะ
ด้วยความสงสัย ก็ไปเจอเอาว่า เรื่องของการโกหกนั้น ถึงขั้นมีงานวิจัย และการเรียนการสอนในภาควิชาด้านจิตวิทยากันเลยทีเดียว ไม่ใช่เรื่องขี้ไก่ ที่เราจะใช้ความรู้สึกมโนหรือตัดสินกัน
ที่น่าสนใจคือ งานวิจัยระบุว่า ..เหตุผลของการโกหกมีตั้งแต่เพื่อผลประโยชน์ เพื่อความสะดวกสบายของตัวเอง หรืออาจปกปิดการกระทำที่ผิดศีลธรรม จริยธรรม เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษ บ่อยครั้งการโกหกก็มีเป้าหมายเพื่อปกป้องจิตใจตนเองและผู้อื่นจากความเจ็บปวด ความขัดแย้ง ไม่ลงรอยกัน เช่น บางคนอาจเล่าเรื่องโกหกที่ทำให้ตนเองดูดีในสายตาคนอื่น เพื่อให้ดูโก้หรู ดูเก่งกว่าความจริงที่ตนเองเป็น ซึ่งอาจทำให้รู้สึกดีกับตัวเองได้ชั่วคราว หรือบางครั้งก็ต้องพูดโกหกเพื่อถนอมน้ำใจ รักษาหน้า รักษาความรู้สึกของคู่สนทนา
สรุปได้ว่า การโกหกเป็นพฤติกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในคนที่ทำความผิดร้ายแรง ซึ่งโกหกเพื่อเอาตัวรอดจากการสืบสวนสอบสวน ชนิดที่ต้องทดสอบกันด้วยเครื่องจับเท็จเท่านั้น การโกหกเกิดขึ้นรอบตัวเรา ในชีวิตประจำวันของเรา จากปากคนรอบข้างที่เราสนทนาด้วย และแน่นอน จากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอำนาจในสังคม ผู้มีสถานะ มีหัวโขน เป็นที่เคารพนับถือ ก็ไม่ยกเว้นนะจ๊ะ
ใครที่โกหกไว้เยอะ ก็คงจะนอนหลับยาก เพราะมีคนคอยจับผิดยิ่งกว่าตาสับปะรด เท่านั้นยังไม่พอ ดูเหมือนว่ามีคนแช่งชักหักกระดูก ขอให้ "ป่วยจริงๆ" ตามที่สร้างภาพดรามาไว้ด้วย 555 อารมณ์อันหลังนี้เยอะเลยนะจะบอกให้.
'ป้าเอง'
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คอนเทนต์...คนวัยตกกระ
เมื่อใกล้จะหมดเวลาไปอีกปี ถือเป็นวัฒนธรรมตามปกติกับช่วงเวลานี้ที่เพื่อนสนิทมิตรสหายจะนัดกันไปกินข้าวกันสักมื้อเป็นการส่งท้ายปี หรือไม่ก็เพื่อฉลองต้อนรับปีใหม่
ไชน่าทาวน์..แห่งใหม่
กลายเป็นถนนทำเลทองสมชื่อแล้วในยามนี้ สำหรับถนนบรรทัดทอง ในเขตปทุมวัน ที่ขนานกับถนนสวนหลวงและสามย่าน
เตรียมตัวให้พร้อม..ช่วงเทศกาล
ไม่ได้มาชวนคุยเรื่องสุขภาพร่างกาย ที่จำเป็นต้องพร้อมถ้าจะออกเที่ยว เพราะอายุปูนนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องใส่ใจดูแลตัวเองก่อน จึงจะตัดสินใจว่า จะก้าวเท้าออกจากบ้านเพื่อท่องเที่ยว มิเช่นนั้นไปเจ็บป่วยกลางทาง นอกจากทำให้ตัวเองเซ็งเป็ดแล้ว ยังส่งผลกระทบทำให้ก๊วนแก๊งเพื่อนๆ พลอยเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย
เงิน..ก้อนสุดท้าย!!
สะท้อนสะเทือนใจจริงๆ นะคะ กับเรื่องราวข่าวสารว่าด้วย ..เงิน-เงิน-เงิน..ของคนวัยเกษียณที่มลายหายไป เพราะถูกเบี้ยวถูกโกง จากนักธุรกิจประเภทเล่นแร่แปรธาตุ รวมไปถึงบรรดาสแกมเมอร์ อีกทั้งคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพทั้งหลาย
คิดถึงพ่อ ทำความดี ด้วยการบริจาคโลหิต
ทุกวันที่ 5 ธันวาคม นอกจากเป็นวันพ่อแห่งชาติแล้ว พวกเราพสกนิกรชาวไทยระลึกอยู่เสมอว่าเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ทำตัวเป็นแสงสว่าง
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบค่ะ ..จึงอยากให้ทุกคนได้อ่านบ้าง.. มีตรอกอยู่ตรอกหนึ่ง ที่ทั้งมืดและทั้งแคบ คืนหนึ่ง มีพระรูปหนึ่งเดินผ่านเข้ามายังตรอกดังกล่าว เพื่อมุ่งหน้าไปยังอาราม