“วันนี้เราเดินทางมาเพื่อ..
1.ให้กำลังใจที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขอให้ยึดประโยชน์และสุขภาพประชาชน
2.คัดค้านแนวคิดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่พยายามขยายเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฝาก รมว.สธ.เรียนนายกฯ ว่า มีคนจำนวนหนึ่งคัดค้านและไม่เห็นด้วย
อยากให้ฟังให้รอบด้าน ไม่อยากให้ซ้ำรอยกัญชา และ 3.อยากให้รัฐบาลไปศึกษาสิ่งที่ทำมาแล้วเรื่องการขยายเวลาเปิดผับตี 4 ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
และก่อนที่จะตัดสินใจเลือกกำหนดนโยบายเรื่องเพิ่มเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยสิ่งที่รัฐบาลและ สธ.ควรเร่งดำเนินการ
คือ มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่จะตามมาให้เป็นรูปธรรมก่อนที่จะพิจารณาเวลาขายน้ำเมา เช่น
แก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก เพิ่มโทษผู้ที่เมาแล้วขับ ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต เพื่อเปิดช่องว่างการรอลงอาญา ทำให้ติดคุกกันจริงๆ
หรือการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มีความเข้มข้น ไม่ให้อ่อนแอลงตามข้อเสนอของกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”
ทั้งหมด..เป็นเนื้อหาสาระที่เครือข่ายภาคีป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ เหยื่อเมาแล้วขับ
เครือข่ายแท็กซี่สามล้อ ไรเดอร์ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง สหภาพแรงงาน แรงงานนอกระบบ องค์กรด้านเด็ก สตรี ครอบครัว และภาคประชาชน รวม 25 เครือข่าย
ได้เดินทางไปยื่นต่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) เมื่อวันก่อนนู้น โดยคุณธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานฯ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า..
“ปัจจุบันประเทศไทยมีจุดขายเหล้า-เบียร์มากกว่า 5.8 แสนจุด และที่แอบขายอีกมหาศาล โดยขายได้ 2 ช่วง คือ 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น. รวม 10 ชั่วโมงต่อวัน
แต่ส่งผลให้มีคนบาดเจ็บและตายจากอุบัติเหตุที่มีสุราเข้าไปเกี่ยวข้องกว่า 5.3 หมื่นรายต่อปี เฉลี่ยวันละ 145 คน หรือ 6 คนต่อชั่วโมง
ดังนั้น หากขยายเวลาเพิ่ม ผลกระทบก็จะมากขึ้นเท่าตัว ประเทศรับความเสียหาย เสียงบประมาณดูแลรักษามหาศาล ไม่นับรวมค่าเสียโอกาสจากการทำงานและอื่นๆ
ซึ่งประมาณการความสูญเสียจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พบมากถึง 1.6 แสนล้านบาท จึงเป็นนโยบายที่ได้ไม่คุ้มเสีย”
ก็..เป็นความห่วงใยของภาคประชาชนที่มีข้อมูล-ข้อเท็จจริงมายืนยัน ส่วนรัฐบาลจะฟัง-ไม่ฟังนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ถ้าคิดเอาเรื่องผลประโยชน์เงินทองเป็นตัวตั้ง
แน่นอน..รัฐบาลก็ควรจะต้องเดินหน้า ขยายเวลาเพิ่ม จาก 5 จังหวัดนำร่อง เป็น 10-20 จังหวัด เพื่อเร่งกอบโกยรายได้จากนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องแยแส!
ผมนั้นก็เพิ่งได้ฟังกับหู จากเพื่อนที่ทำธุรกิจอยู่ใน จ.ภูเก็ต ว่าที่โน่น กำลังคึกคักกับนักท่องเที่ยวหลายชาติ-หลายภาษา
และจากนโยบายขยายเวลาปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 ทำให้เศรษฐกิจปากท้องของคนในพื้นที่มีชีวิตชีวา จนขนาดนายแบงก์ยังมองว่าเป็นเรื่องดี เงินสะพัดไปทั้งเกาะ!
ซึ่งผมได้ถาม แล้วชาวบ้าน-คนในพื้นที่จริงๆล่ะเขาคิดเห็นประการใด เพื่อนตอบ.. “ชาวบ้านเขาชอบ กลางคืนก็ปล่อยให้นักท่องเที่ยวได้ใช้จ่ายเงินกัน
ส่วนกลางวันชาวบ้านร้านตลาดก็ออกมาทำมาหากินกันไปตามอาชีพใครอาชีพมัน ยังมองไม่เห็นปัญหาอะไรกับการปิดสถานบันเทิงตี 4”
ถ้าเป็นแบบนี้รัฐบาลต้องใช้โมเดลภูเก็ตขยายสู่จังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ต่อไปเป็นแน่ ซึ่งผมไม่ได้จะขัดคอ-ขัดขวาง แต่หากทบทวน-ศึกษาเหตุผล-สาระของ 25 เครือข่ายเอาไว้หน่อยก็ดี
คือ..เข้าใจ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนัก..
ได้กับเสีย อะไรมันมาก-น้อยกว่ากัน!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อหังการ-ขี้โม้เป็นนิสัย
เกิดอะไรขึ้น? เพื่อนคนหนึ่งถามผมหลังเห็นข้อความที่ “เสก โลโซ” โพสต์.. “ประกาศจากพี่เสก โลโซ เรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่นักดนตรีประจำสามารถนำเพลงไปร้องได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์
เก็บเชือกไว้ใช้เองเถอะ
“เส้นกูใหญ่.. ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า... ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี
คิดถึงนักรบลุง
กองเชียร์ กองหนุน กองรักลุงตู่.. มีใครพอจะทราบไหมว่า ตั้งแต่ปีเก่าจนลุเข้าปี 2568 บุคคล 2 ท่าน คุณแรมโบ้ คุณอ้น ทิพานัน ที่เคยร่วมรบเคียงบ่า-เคียงไหล่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หายหน้า-หายตาไปไหน?
เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก
เห็นตัวเลขแล้วตาลาย.. งั้นสรุปเอาจากข่าวโปรย “ผู้จัดการออนไลน์” ก็แล้วกัน.. “ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายกฯ แพทองธาร’ พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน
นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร?
ก่อนจะสิ้นปี.. นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผู้นอบน้อมถ่อมตน (ยามอยู่ไกลบ้าน)..จะกลับมาเลี้ยงหลาน เลิกข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..
ประชาชนควรพึ่งประชาชน
วันนี้-1 มกราคม.. เริ่มต้นปฏิทินหน้าแรกของปีใหม่ พ.ศ.2568 ก็ขออนุญาตกล่าวคำอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความสมหวัง ไม่เจ็บ ไม่จนกันนะครับ!