ถึงเวลา สู้สินค้าจีน

จากประเด็นดรามาเรื่อง กางเกงช้าง ที่รัฐบาลต้องการผลักดันให้เป็นสินค้าซอฟต์พาวเวอร์ของไทย แต่ปรากฏเพิ่งถึงบางอ้อว่า สินค้าดังกล่าวที่วางจำหน่ายกันกลาดเกลื่อนเมืองไทย ที่แท้กว่า 70% ที่ขายนั้นเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศจีน

ต้องยอมรับจริงๆ ว่า การแข่งขันทางการค้าในปัจจุบัน ผู้ประกอบการไทยนั้นไม่สามารถต่อกรกับคู่แข่งที่มาจากประเทศจีนได้ ด้วยเงื่อนไขหลากหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องของต้นทุนการผลิตที่ทำได้ถูกกว่าผู้ประกอบการของไทยมาก

ยังไม่นับรวมข้อได้เปรียบในเรื่องการทำ FTA ที่ไม่มีกำแพงภาษีสินค้านำเข้า รวมถึงการเปิดเขตปลอดอากร (Free Zone) ที่ได้รับยกเว้นการจัดเก็บอากร ทำให้มีผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าจากจีนเข้ามาเก็บไว้ที่นี่เพื่อรอเวลาปล่อยออกมาขาย ทำให้ได้เปรียบผู้ประกอบการชาวไทยมาก

และเมื่อมาดูเรื่องดุลการค้าระหว่างกัน พบว่า ในปัจจุบันไทยเสียเปรียบดุลการค้าจีนอย่างมหาศาล และเพิ่มขึ้นทุกปี จนล่าสุดตัวเลขมาอยู่ที่ขาดดุล 40,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 1.4 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

ตัวเลขนี้ไทยเรามีแต่เสียกับเสีย เพราะยิ่งแข่งยิ่งแพ้ และไม่แน่ในอนาคตผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยจะตายเรียบ

โดยล่าสุด ผลการศึกษาของศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ยอดขายปลีกปี 2567 จะมีมูลค่าประมาณ 4.1 ล้านล้านบาท โดยยังคงมีแรงหนุนมาจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และราคาสินค้าบางรายการที่น่าจะยังปรับเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ ผู้ผลิตสินค้าไทยต้องแข่งขันรุนแรงกับสินค้านำเข้า โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งในปี 2566 ไทยนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนมูลค่า 469,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% หรือมีสัดส่วนราวร้อยละ 41 ของการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมด

สำหรับสินค้าจีนที่ทะลักเข้าหลักๆ มีด้วยกัน 5 กลุ่ม คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า มีสัดส่วนมูลค่าประมาณ 43.3% ของมูลค่านำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดจากจีน รองลงมาได้แก่ ผักผลไม้สดและปรุงแต่ง 10.0% เสื้อผ้าและรองเท้า 9.3% และเครื่องใช้ในบ้านและของตกแต่ง 9.1%

จะเห็นได้ว่า แม้ตลาดค้าปลีกในภาพรวมจะยังเติบโต แต่การแข่งขันสูงจากสินค้านำเข้า ทำให้ผู้ผลิตสินค้าไทยจะยังอยู่ในสถานการณ์การดำเนินธุรกิจที่ยากลำบากเช่นเดิม และถึงเวลาแล้วที่ ภาครัฐ ในฐานะคนที่ถือกุญแจเปิดให้สินค้าจีนทะลักเข้ามา จะต้องเป็นผู้แก้ไข ก่อนที่จะสายจนเอสเอ็มอีของเราล่มสลายตายไปหมด

ล่าสุด สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยหารือพาณิชย์ ชง 6 ด้านแก้ปัญหาสินค้าจีนทะลัก ซึ่งประกอบไปด้วย 1.ภายใต้กรอบข้อตกลงทางการค้าไทย-จีน และการส่งเสริมการลงทุน (FTA & BOI) ควรทบทวนอัตราภาษีนำเข้ารายกลุ่มสินค้าที่ไทยเสียเปรียบ ซึ่งต้องไม่ให้จนเกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการไทย ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี

2.การบังคับใช้กฎหมายการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจการค้ากับนักธุรกิจจีนหรือนอมินีให้ทำการค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

3.การส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจและเกษตรกรไทยลดการนำเข้าจากจีน เน้นเศรษฐกิจพึ่งพาตนเอง

4.ส่งเสริมสินค้าไทยสร้างนวัตกรรมและแบรนด์เจาะตลาดออนไลน์จีน เพื่อขยายการเติบโตการค้าออนไลน์กับจีน

5.การบังคับใช้มาตรฐานสินค้าและการกำกับตรวจจับดำเนินคดีให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเท่าเทียมกัน

6.จัดตั้งองค์กร Public Private Partnership ขับเคลื่อนความร่วมมือรัฐ รวมซื้อรวมขายสินค้าเกษตร OTOP SME เป็นต้น เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองสินค้านำเข้า

นี่คือแนวทางที่เอกชนอยากให้รัฐบาลช่วยดำเนินการ และถึงเวลาแล้วที่จะต้องเร่งแก้ปัญหา ก่อนที่ธุรกิจไทยจะเละเป็นซากไปมากกว่านี้.

 

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผ่าแผนรับมือรถติดสร้างสายสีส้ม

จากการที่รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เตรียมจัดการจราจรเพื่อดำเนินงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม

เปิดขุมทรัพย์จากพฤติกรรมสุดขี้เกียจ

เชื่อหรือไม่ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่กดสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันเดลิเวอรี ทั้งที่ร้านอยู่ใกล้แค่ใต้คอนโดฯ สั่งซื้อของจากร้านสะดวกซื้อทั้งที่ร้านอยู่แค่ฝั่งตรงข้าม หรือยอมจ่ายเงินจ้างคนไปต่อคิวเพื่อซื้อของ ทำธุระ

สงครามการค้าเวอร์ชัน 2.0

อย่างที่ทราบกันดีว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐล่าสุด ผู้ชนะก็คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งคว้าชัยแบบทิ้งห่างคู่แข่งอย่างนางกมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต

แห่ส่งเสริมนวัตกรรมพลิกโลก

เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ออฟ ติงส์ หรือ IoT(ไอโอที) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญในยุคสมัยนี้ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นนวัตกรรมที่ทำให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไร้รอยต่อยิ่งขึ้น

OCAแก้วิกฤตพลังงานไทย

ปัจจุบันปริมาณสำรองก๊าซของไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจนเข้าขั้นวิกฤต ส่งผลให้ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ในราคาที่ผันผวนเพิ่มมากขึ้น มีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นของประชาชนและรายได้งบประมาณของรัฐลดลง

แอ่วเหนือ...คนละครึ่งบูมเศรษฐกิจ

จากสถานการณ์อุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ทั้งในแง่ของการคมนาคม เดินทางเข้าสู่พื้นที่และความเสียหายต่อแหล่งท่องเที่ยว