ขอออกตัวก่อนครับ แต่เดิมผมตั้งใจเขียนเรื่องอื่น แต่ผมเจอคำถามที่เป็นคำถามน่าสนใจครับ
หลายคนคงสงสัยว่า ช่วงนี้ผมทำงานอะไร หลักๆ ผมทำ Government Relations Consultancy ซึ่งคือการให้คำปรึกษา/คำแนะนำกับบริษัทข้ามชาติ (Multi-National Companies หรือ MNCs) เวลาเขาอยากทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐ หรือมีปัญหาอะไรให้การบริการหรือสินค้าของเขาติดขัดอะไรขึ้นมา (จริงๆ มันมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่นี่คือคร่าวๆ ครับ)
นอกจากให้คำปรึกษา หน้าที่หลักๆ ของผมคือให้ข้อมูลกับลูกค้าเวลามีอะไรเกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งหลายเรื่องจะหมุนเวียนอยู่รอบๆ เรื่องการเมือง เช่น การเลือกตั้ง การตั้งรัฐบาล เหตุการณ์บนท้องถนน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นข่าว หรือถ้าพูดตรงๆ อะไรก็แล้วแต่ที่ลูกค้าคิดว่าจะมีผลต่อธุรกิจของเขา
ผมออกตัวเลยว่า เวลาผมให้ข้อมูลเขา ผมจะให้ข้อมูลหลายๆ ด้าน เพราะต้องเข้าใจว่าเขารู้เท่าที่เขารู้ เขาเห็นเท่าที่เขาเห็น ซึ่งจะเจอบางคนทีชอบมองไทยผ่านสายตาฝรั่ง นั่นหมายความว่า ทำไมไทยไม่เหมือนบ้านเขา เจอคนแบบนี้ผมชอบ เพราะได้ชี้แจง และบางครั้งโต้กันด้วยซ้ำ
อีกกลุ่มหนึ่งคือ ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับไทย และอยากรู้จริงๆ แต่คงไม่อยากรู้ลึกซึ้งขนาดจะมีผลกระทบกับสังคมไทยอย่างไร แค่อยากรู้ว่ากระทบกับบริษัทและสินค้าของเขาอย่างไร อันนี้ถือว่าแฟร์ครับ อีกกลุ่มคือ รู้ดี รู้ดีคือ ทั้งมองไทยผ่านสายตาฝรั่ง และสั่งสอน แค่นั้นไม่พอครับ บางคนยกระดับแถมความเป็น Judgmental อีกต่างหาก
คำนี้หาความหมายภาษาไทยยากครับ ถ้าแปลตรงตัว Judgmental แปลว่า “ตัดสิน” ก็ได้ “วิพากษ์วิจารณ์” ก็ได้ แต่ความรู้สึกของผม มันยังไม่โดนครับ ความเป็น Judgmental ในสายตาผม มีการแทรกการ “สั่งสอน” กับ “รู้ดี” บวกกับ “ตัดสิน” และ “วิพากษ์วิจารณ์” ปนกันไป ยกตัวอย่าง ทุกครั้งเวลาสถานทูตซีกตะวันตก (ในยุคหนึ่ง) พูดถึงเหตุการณ์ในไทย เป็นการแถลงหรือการให้สัมภาษณ์ที่ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัด หรือถ้าว่ากันตามตรง รู้สึกรำคาญ เพราะจะมีแทรกเรื่องใครผิดใครถูก เหมือนสั่งสอนในเรื่องที่เขาไม่มีหน้าที่อะไรสั่งสอน (พอเห็นภาพไหมครับ?)
เวลาผมเจอกลุ่มเหล่านี้ ผมสนุกมากครับ ไม่ใช่เพราะผมถือว่าเขาไม่มีสิทธิ์คิดเช่นนั้น เพราะเขาไม่ได้อยู่เมืองไทยนานพอ อันนั้นไม่เกี่ยว ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ไทยนานแค่ไหนก็ตาม แต่เวลาผมเจอลูกค้าแบบนี้ เป็นการพูดคุยที่สนุก (สนุกผม) เพราะเป็นการวัดดูว่าเขารู้จริงหรือรู้ดี ถ้ารู้จริงถือว่าต่างคนต่างแลกเปลี่ยนคนละหมัดกัน และต่างคนยอมรับซึ่งกันและกัน แต่ถ้ารู้ดี..ผมสนุก
วันก่อน (วันที่รถติดในกรุงเทพฯ มหาศาล) ผมมี Call กับลูกค้ารายที่รู้เรื่องรู้ลึกและรู้จริงเกี่ยวกับประเทศไทย ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดและให้ข้อมูลตรงไปตรงมา บวกกับการวิเคราะห์ที่เขาอาจไม่ลึกซึ้ง ในฐานะเป็นชาวต่างชาติมองไทย และทำงานในไทย (ทำงานใหญ่มากด้วยครับ) เขามี 2 ประเด็นที่อยากรู้และอยากเข้าใจเกี่ยวกับอนาคตพรรคก้าวไกลต่อจากนี้ไป และเรื่องคุณทักษิณ ชินวัตร
เขาตั้งคำถาม (เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล) “How does the Constitutional Court ruling and the possibility of disbandment effect democracy in Thailand?” ซึ่งผมคงไม่เข้ารายละเอียดว่าผมตอบอย่างไร แต่ผมตอบเขาว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั่นคือเรื่องหนึ่ง ส่วน โอกาสยุบพรรคนั่นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะศาลไม่ได้ยุบพรรคเขา สำหรับใครที่อยากร้องเรียนต่อถือว่าเป็นการเปิดช่องทางก็ว่าได้ แล้วผมก็บอกเขาต่อว่า บางครั้ง (ถึงแม้เป็นการเล่นคำก็ตาม) คำว่า Democracy มันตีความยาก เพราะความหมาย Democracy ของประเทศหนึ่ง จะคนละความหมายกับอีกประเทศหนึ่ง (อย่าว่าแต่ระหว่างประเทศเลย ภายในประเทศ หมู่บ้าน ซอย และบ้านตัวเอง ความหมายยังหลากหลายครับ)
ผมบอกว่า “Democracy in Thailand” กับ “Thai Democracy” มันแตกต่างกัน (ซึ่งจะเล่นคำ จะหยอกล้อสถานการณ์ ก็ว่ากันได้ครับ) แต่มันเป็นของเรา มันเป็นอย่างนี้ มันไม่ถูกต้องและถูกใจคนร้อยเปอร์เซ็นต์ มันไม่โปร่งใสบ้าง มันโปร่งใสบ้าง มันสะอาดบ้าง สกปรกบ้าง มันเข้าใจง่าย เข้าใจยากบ้าง จะเจริญบ้าง จะล้าหลังบ้าง แต่มันอยู่อย่างงี้ ผมบอกเขาว่า การยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรค ใครจะว่าอย่างไร แต่ในภาพใหญ่ ภาพกว้าง การยุบพรรคใดพรรคหนึ่งไม่ได้ทำให้ “Democracy in Thailand” หยุดนิ่ง หรือหยุดชะงัก แน่นอนว่าผู้ที่รักพรรคที่ถูกยุบรู้สึกโกรธ รู้สึกแค้น เป็นประเด็นที่พูดยาว อันนั้นผมไม่เถียงและเข้าใจ แต่ไม่ได้ทำให้ “Democracy in Thailand” หยุดนิ่ง หรือตายสนิท
แต่พอเป็น “Thai Democracy” มันยิ่งตอกย้ำ ความเชื่อของกลุ่มกลุ่มหนึ่ง (และสายตาคนนอกมองเข้ามา) ว่ามีความพยายามกีดกันกลุ่มคนที่แตกแถวความเป็น “ไทย” ที่สังคมกลุ่มหนึ่งวางกรอบเอาไว้ให้
มันยากที่จะลบความคิดตรงนี้ออกจากความเข้าใจคนนอก เพราะเขาเห็นสิ่งที่เขาเห็น เขารู้สิ่งที่เขารู้ ดังนั้นมันไม่ผิดอะไรที่เขาจะเข้าใจสิ่งที่เขาเข้าใจ แล้วผมถือว่าแฟร์ที่เขาถาม จะได้ตอบในสิ่งที่ผมพยายามให้ดีที่สุด ผมพูดต่อกับเขาว่า จริงๆ แล้วเรื่องการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกับโอกาสยุบพรรคอาจไม่มีผลต่อ “Democracy in Thailand” มากกว่าเรื่องกรณีคุณทักษิณ
ผมบอกเขาว่า เหตุการณ์ (กระบวนการ?) กรณีคุณทักษิณ ตั้งแต่กลับเมืองไทยและอยู่ชั้น 14 จนพ้นโทษ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้น เป็นการทำลาย Democracy in Thailand มากกว่าอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ทุกหน่วย ทุกส่วน ทุกองค์การ ทุกองค์กร และทุกคนที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมทำลาย Democracy in Thailand ร่วมกันครับ ผมไม่มีคำอื่นอธิบายเรื่องนี้มากกว่า “ทุเรศ”
แต่เหตุการณ์คุณทักษิณในครั้งนี้ เป็นโคตร Thai Democracy
มันเลยเถียงยาก เวลาคนนอก มองไทยผ่านสายตาของเขา และเข้าใจสิ่งที่เขาเข้าใจ เพราะเขาเห็น สิ่งที่พวกเราเห็นนั่นละครับ….ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตาม….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'BRO!!!!!'
เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า
“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย
ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้
ผมจะไม่แปลกใจถ้าTrumpชนะ….แต่ผมจะแปลกใจถ้าHarrisแพ้
อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นผู้นำ “The Free World” ระหว่างอดีตประธานาธิบดี กับอดีตรองประธานาธิบดี
Thank you, Fernando
โค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐมาถึงแล้ว ผมขอประกาศตัวว่า ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมาครับ บ้านเมืองเราเต็มไปด้วยนักวิเคราะห์ที่จะฟันธงและวิเคราะห์อย่างหนึ่ง….
28 ยังแจ๋ว!!!!
ผมขออนุญาตเขียนเรื่องเบาๆ อีกสักครั้งหนึ่งครับ ไม่เขียนวันนี้ผมไม่รู้จะเขียนตอนไหน และเอาเข้าจริงผมอยากพาแฟนๆ ทั้งหลายออกจากโลกข่าวดิไอคอนกรุ๊ปครับ
8ปีที่แล้ว….ที่ไม่มีวันลืม
ในชีวิตทุกคนมักจะมีอยู่ไม่กี่เหตุการณ์ที่ทำให้เราจำบรรยากาศ จำบริบท จำความรู้สึก และจำทุกรายละเอียด เมื่อเรารำลึกถึง หรือนึกถึงอีกที