บิดเบือนแค่ไหน...ใจก็ยังรัก

เมื่อคนที่อ้างตนเป็นนักข่าวอิสระไปถ่ายภาพคนทำผิดกฎหมายมาตรา 112 แล้วก็ทำผิดกฎหมายเองอีก ด้วยการนำภาพที่ผิดกฎหมาย ทั้งเนื้อหา และการทำลายกำแพงวังไปเผยแพร่ พอถูกจับก็มีสมาคมด้านสื่อ บุคคลที่เป็นสื่ออาวุโสที่ครั้งหนึ่งผู้คนยกย่องว่าเป็นสื่อน้ำดี และนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ของสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ ออกมาแสดงทัศนะว่าการจับกุมครั้งนี้เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง โดยใช้วาทกรรมว่า “การทำข่าวไม่ใช่อาชญากรรม” ข้อความนี้ก็จริงนะว่าการทำข่าวไม่ใช่อาชญากรรม แต่สิ่งที่นักข่าวอิสระ (ตามที่เขาอ้างนั้น) ไม่ได้ไปทำข่าว ถ้าหากจะพูดแบบคนสมัยนี้ เขาเรียกว่าเขาทำ Content มากกว่า และ Content ที่เขานำเสนอนั้น มันแสดงให้เห็นว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับคนที่เขียนข้อความบนกำแพงวัง และข้อความที่เขียนนั้นก็เป็นข้อความที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าเขาจะเป็นสื่อจริงที่มีสังกัด หรือเป็นสื่ออิสระ เขาก็ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ในการทำผิดกฎหมาย ดังนั้นการบอกว่าการจับกุมคนทำข่าวเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะเขาไม่ก่ออาชญากรรม จึงเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง

ในความเป็นจริงที่ว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับคนเขียนข้อความที่ผิดกฎหมายบนกำแพงวังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจนว่านักข่าวสองคนที่ถูกจับกุมเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดจริง สมาคมฯ สื่ออาวุโส อาจารย์และนิสิตนิเทศศาสตร์ ตลอดจนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะมาอ้างเสรีภาพของสื่อโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายไม่ได้ ก่อนจะพูดจาอะไรที่เป็นการบิดเบือนความเป็นจริง ท่านทั้งหลายควรขอหลักฐานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้รู้ว่าเขาใช้ข้อมูลอะไรในการขอให้ศาลออกหมายจับ การไม่มีข้อมูล ไม่หาข้อมูลว่าศาลพิจารณาหลักฐานที่พนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินำเสนอขอออกหมายจับนั้นเป็นเช่นไร พวกท่านทั้งหลายที่ออกมาแถลงการจับกุมครั้งนี้ โดยเข้าข้างผู้ต้องหา ท่านอาจจะมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลก็ได้นะ สำหรับสื่ออาวุโสต้องพิจารณาให้ดีก่อนที่จะแสดงความคิดเห็น อย่าให้สื่อรุ่นน้องเขาหมดศรัทธา และรู้สึกเสียใจที่ครั้งหนึ่งเคยยกมือไหว้ด้วยความเคารพนับถือ อย่าให้สื่อรุ่นน้องคิดอยากถอนหงอกเลยนะ

ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานของสื่อ ท่านทั้งหลายไม่ควรเน้นเรื่องสิทธิเสรีภาพโดยไม่คำนึงว่าการใช้สิทธิและเสรีภาพนั้นผิดกฎหมาย เป็นภัยต่อประเทศชาติหรือไม่ ผิดศีลธรรมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามหรือไม่ ละเมิดสิทธิผู้อื่นหรือไม่ ถ้าหากเรายอมให้สื่อมวลชนใช้เสรีภาพจนเกินขอบเขต พวกเขาก็จะเป็นพวกอนาธิปไตยที่ไม่เคารพกฎหมาย ไม่ยอมรับกฎกติกาของบ้านเมือง แล้วบ้านเมืองก็จะเกิดความวุ่นวาย เมื่อคนเลวใช้เสรีภาพแบบไร้ศีลธรรม จริยธรรม การที่ท่านออกมาประณามการออกหมายจับ และแถลงเข้าข้างนักข่าวที่อ้างว่าทำหน้าที่รายงานข่าวนั้น บัดนี้ท่านคงทราบแล้วว่าตำรวจเขามีหลักฐานครบถ้วนว่าเขาไม่ได้ไปทำข่าว แต่เขาร่วมมือกับคนที่เขียนข้อความที่ผิดกฎหมายบนกำแพงวัง และทางผู้บริหารสำนักข่าวที่เขาอ้างว่าเป็นสำนักที่พวกเขาสังกัดนั้น ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่า ในวันนั้นทางสำนักข่าวไม่ได้มีการมอบหมายให้พวกเขาไปทำข่าวดังกล่าว เป็นการตอกย้ำว่าข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเขาร่วมมือกับคนเขียนข้อความบนกำแพงวังนั้น เป็นความจริง

อีกเรื่องหนึ่งที่บิดเบือนกันมากก็คือ กรณีของตะวันและเพื่อนชายที่ก่อคดีก่อกวนขบวนเสด็จของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บอกว่าเป็นการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งเยาวชนที่ต้องการความทัดเทียม อยากจะบอกว่า หยุดเถอะ หยุดอ้างความเป็นเยาวชนของผู้ทำความผิดได้แล้ว เพราะผู้หญิงอายุ 22 กว่า ผู้ชายอายุ 23 กว่า ทั้งสองคนบรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ใช่เยาวชนที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่แตกต่างไปจากผู้ใหญ่ และบางครั้ง ถ้าหากคนทำผิดกฎหมายเป็นผู้หญิง ก็จะอ้างความเป็นผู้หญิง ทำราวกับว่าเมื่อเกิดมาเป็นผู้หญิง ได้รับใบอนุญาตให้ทำผิดกฎหมายได้ ดังนั้น ขอร้องว่า หยุดเถอะนะ หยุดอ้างความเป็นผู้หญิงเพื่อที่จะให้คนอื่นอภัยให้เมื่อทำความผิด และเมื่อทำผิดกฎหมาย ก็ข้อร้องว่า หยุดเถอะ หยุดบิดเบือนว่าการคิดชั่วคือคิดต่าง คนที่คิดต่าง แต่ไม่ได้คิดชั่วที่เป็นการละเมิดกฎหมาย ไม่มีใครเขาเอากฎหมายไปทำอะไรได้

พึงรู้ไว้เถิดว่า อายุ 22 หรือ 23 ไม่ใช่เด็กแล้ว อย่าใช้วาทกรรมว่าการดำเนินคดีกับคนวัยนี้ว่า "ทำกับเด็ก" ถึงบางคนที่เป็นเด็กจริง แล้วทำผิดกฎหมาย ก็อย่าบิดเบือนอ้างความเป็นเด็กเพื่อปกป้องเด็กที่ทำผิดกฎหมาย สำหรับคนวัย 22 และ 23 ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแบบคนที่บรรลุนิติภาวะนะคะ ถ้าผิดต้องติดคุก ไม่ใช่ส่งเข้าสถานพินิจ เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว

อีกเรื่องหนึ่งที่ขอให้หยุดบิดเบือนเถอะ ก็คือหยุดอ้างว่าความพยายามที่จะล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่าเป็นการว่าปฏิรูป เพราะการกระทำที่เห็นเป็นประจักษ์นั้น มันไม่ใช่การปฏิรูป แต่มันเป็นปฏิปักษ์มากกว่า การกำหนดพระราชอำนาจและพระราชสถานะนั้น ไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการกำจัดสิทธิของพระราชวงศ์ให้มีสิทธิน้อยกว่าประชาชนธรรมดาด้วยซ้ำไป หยุดเถอะ หยุดบิดเบือนว่าจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นสากลตามบริบทของศตวรรษที่ 21 เพราะพระราชสถานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่เป็นประมุขของประเทศต่างๆ นั้น ไม่มีความเป็นสากลแต่อย่างใด พระราชสถานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์แต่ละประเทศเป็นไปตามบริบททางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ

หยุดเถอะ หยุดบิดเบือนว่าการสร้าง contents เพื่อด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าเป็นการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่เป็นฐานันดรที่ 4 ของสังคม ไม่ว่าจะเป็นประชากรฐานันดรใด เราต่างก็มีหน้าที่ทำตามกฎหมายของบ้านเมืองทั้งนั้น การทำหน้าที่โดยไม่เคารพกฎหมาย ไม่ว่าเราจะอยู่ในประเทศไหน เราก็ทำไม่ได้ ตอนนี้มีเจ้าสำนักสื่อออกมาแถลงแล้วว่า เขาไม่ต้องการให้พนักงานของเขาใช้สื่อรับใช้วาระทางการเมืองของคนที่เป็นสื่อมวลชน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คนที่ชอบอ้างเสรีภาพของสื่อต้องหยุดนะ หยุดเถอะ หยุดอ้างความเป็นสื่อในการเผยแพร่ข่าวสารเพื่อรับใช้วาระทางการเมืองส่วนตัวที่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ หยุดเถอะ หยุดอ้างเสรีภาพสื่ออย่างไร้ขอบเขต หยุดสร้างวาทกรรมว่า “เสรีภาพสื่อ คือเสรีภาพประชาชน” อย่าพิงประชาชน เพื่อสนองความต้องการทางการเมืองของตนเลย พึงระลึกไว้เสมอว่า: การใช้เสรีภาพต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจ

สำหรับคนที่เป็นผู้อาวุโส เป็นผู้มีตำแหน่ง มีอำนาจในสังคม ก็พึงระลึกไว้เสมอว่าการจะออกมาปกป้องใคร ไม่ควรทำโดยไม่ไตร่ตรองข้อเท็จจริง ระวังจะเงิบเมื่อความจริงปรากฏ เวลานี้บ้านเมืองเรามีปัญหาก็เพราะมีการบิดเบือนกันมาก บิดเบือนเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ บิดเบือนการดำเนินการด้านกระบวนการยุติธรรม บิดเบือนการสื่อสาร บิดเบือนการบังคับใช้กฎหมาย บิดเบือนเรื่องเสรีภาพ บิดเบือนเรื่องความทัดเทียม เรามีคนชั่ว คนเลวที่บิดเบือนความจริงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตน และที่น่าเสียใจก็คือคนพวกนี้มีความสามารถในการสื่อสาร ทั้งการสร้างวาทกรรม การสร้างสรรค์การนำเสนอ และการใช้ช่องทางการสื่อสารในการจะเข้าถึงเป็นหมาย ตอกย้ำว่าพวกเขาคือคนที่จะนำพาการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ทุกคนมีเสรีภาพ มีความทัดเทียม ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งหลงใหลรักพวกเขาสุดหัวใจ แม้บางครั้งคนที่บิดเบือนถูกจับโป๊ะได้ว่าโกหก พวกเขาก็ยังไม่คลายความรักไปได้ เข้าข่าย “ถึงร้ายก็รัก แม้รักจะร้าย สู้ทนด้านอาย มอบใจให้ไว้เพียงคนเดียว” แบบนี้ก็น่าเป็นห่วงนะคะ เมื่อมีประชาชนจำนวนหนึ่งพร้อมที่จะรักคนที่ชอบบิดเบือนความจริงเพื่อสนองความต้องการทางการเมืองของตน เมื่อไหร่จะตาสว่างเสียทีนะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม