อั่งเปา ‘บิ๊กต่อ’

หลายคนอาจจะงง หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ เหตุใด "ตำรวจ" ทั่วประเทศ พร้อมใจกันเฮ! ต้อนรับตรุษจีนเช่นนี้ ก็เพราะคำสั่งดังกล่าว "บอสต่อ" กำชับ ที่หน้างานที่ ผบ.ตร.มอบหมายให้รับผิดชอบดูแล เพื่อเป็นการให้ความสำคัญกับงานของสถานีตำรวจ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานีตำรวจได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนอย่างใกล้ชิด จึงกำชับให้งดเว้นการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สน./สภ. และ บก./ภ.จว.มาศึกษาดูงาน ฝึกงาน  หรือมากำชับการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีความจำเป็น และหากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการดังกล่าว ให้ขออนุญาต ผบ.ตร.ก่อนการสั่งการทุกครั้ง ทั้งนี้สามารถใช้อำนาจในการกำกับการบริหารราชการ ควบคุม กำกับดูแล ติดตามการปฏิบัติราชการ และควบคุมการบังคับบัญชา เพื่อให้การบริหารราชการเป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง  นโยบาย และแนวทางการปฏิบัติราชการที่กำหนดเพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด...แวดวงสีกากีต่างรู้ ต่างเข้าใจ คำสั่งนี้จะช่วยคลายทุกข์ให้ลูกน้องได้อักโข จนต้องขอบคุณ  "บอส" กันทั่วหน้า ๐

ขอยกพระบรมราโชวาทในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512 “....ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”  เมื่อ "ผบ.ต่อ" รู้แล้วว่า ใครที่ทำให้บ้านหลังใหญ่อย่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีตำรวจอยู่กันกว่า 2 แสนนาย ไม่มีความปกติสุข การห้าม  การเตือน การป้องกันดังกล่าว ก็อาจจะทำได้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม เมื่อ "พ่อบ้าน" ไม่อยู่ ไม่ได้คุ้มภัยให้ลูกๆ แล้ว ความทุกข์ก็จะกลับคืนมา เหตุใดถึงไม่แก้ ไม่ขจัดปัญหาให้เด็ดขาด  ยึดตามพยานหลักฐานแบบไม่ต้องเกรงอกเกรงใจใคร ทำในสิ่งที่ควรทำ คุณงามความดีครั้งนี้ก็จะถูกกล่าวขานไปชั่วลูกชั่วหลาน ๐

ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ กรณี นายกุลธนิต  มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และ นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 มีหนังสือถึง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. แจ้งว่าหลังจากมีการขอให้ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เข้าเป็นที่ปรึกษาสอบสวนคดีที่กล่าวหา พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย กับพวกรวม 8 คน พัวพันเว็บพนัน ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้มีหนังสือร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำดังกล่าวไปถึง อสส. และมีการแนบเอกสารภาพถ่ายที่ปรากฏภาพของนายกุลธนิต และนายสุริยน ลักษณะเป็นภาพถ่ายที่มีผู้เฝ้าติดตามการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันโดยตลอด เป็นการกระทำโดยมิชอบในเชิงคุกคามข่มขู่ให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดภยันตรายต่อชีวิตร่างกายของพนักงานอัยการผู้ปฏิบัติหน้าที่และบุคคลภายในครอบครัว จึงตรวจสอบพบว่าผู้ที่แอบถ่ายเป็นตำรวจระดับ "รอง ผกก." ยศ  "พ.ต.ท." แม้ตอนนี้ รอง ผกก.คนนี้จะถูกต้นสังกัดสั่งให้มาประจำ ศปก.บช.แล้ว แต่พฤติกรรมการข่มขู่เช่นนี้ ก็เป็นสิ่งที่  "ผบ.ต่อ" รวมทั้ง พล.ต.อ.ธนา ควรดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะขนาดอัยการยังโดนแบบนี้ แล้วประชาชนจะโดนขนาดไหน...เห็นแล้วรู้สึกวังเวง ๐

หวานหยาดเยิ้ม ความสัมพันธ์ดีเวอร์ หลังจาก “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีของไทย ต้อนรับ "ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หารือขยายความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเปิดช่องทางในการเดินทางคมนาคมขนส่ง เพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน “สระแก้ว-ปอยเปต” นอกจากจุดผ่อนปรน 2 จุด และจุดผ่านแดนถาวร 2 จุด และที่กำลังจะเปิดสำหรับการขนส่งอีก 1 จุด ยังมีช่องทางธรรมชาติที่ประชาชนเดินผ่านเข้าออก มีการติดต่อซื้อขายกันเป็นประจำอยู่แล้ว อุปสรรคอีกประการหนึ่งคือ ทุ่นระเบิดที่ตกค้างบริเวณแนวชายแดนตั้งแต่ช่วงก่อนสงครามเย็น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดฝั่งตะวันออกที่มีชายแดนติดกับกัมพูชา ได้หารือกับ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด  ในการกำหนดแผนเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ รอบจุดผ่านแดนและจุดผ่อนปรน ในการเก็บกู้ทำลายก่อนตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานีถึงจังหวัดตราด ส่วนที่เป็นพื้นที่ป่าเขาตามแนวชายแดนค่อยทำลายภายหลัง โดยจะทำงานประสานระหว่างหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดของไทย Tmac และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของกัมพูชา Cmac ในการเดินหน้าทำภารกิจตามนโยบายของรัฐบาลให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

“ปานปรีย์ พหิทธานุกร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก พบปะภาคธุรกิจและสำรวจพื้นที่ตั้งจุดช่วยเหลือมนุษยธรรมชายแดนแก่ประชาชนเมียนมา ระหว่างสภากาชาดไทยและสภากาชาดเมียนมา ก่อนหน้านี้ รมว.ต่างประเทศของไทยก็ได้พบกับ รมว.ต่างประเทศเมียนมานำร่องมาแล้ว ในระดับทหารมีประชุมผ่านออนไลน์ระหว่าง พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย กับ “มิน อ่อง หล่าย” ด้วยเช่นกัน ทำให้เห็นภาพของไทยในฐานะตัวกลางโดดเด่นขึ้น กับท่าทีของเมียนมาที่อ่อนลง ขณะที่สถานการณ์ชายแดนด้านตะวันตกยังมีการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลและชนกลุ่มน้อยของรัฐบาลอยู่ประปราย กองทัพบกที่มีกองกำลังตามแนวชายแดนยังคงทำหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง แต่ยังให้ความสำคัญกับการรักษาอธิปไตย ควบคู่ไปกับการดูแลประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ตามแนวชายแดน ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข พร้อมร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ ล่าสุด “พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์” ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยทหารตามแนวชายแดนในความรับผิดชอบของกองกำลังนเรศวร พื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ได้แก่ ฐานปฏิบัติการเสกสรรค์ บ.แม่โกนเกน ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมวดอาวุธหนัก กองร้อยทหารราบที่ 431 ผู้บัญชาการทหารบกและฐานปฏิบัติการริมเมย กองร้อยทหารพรานที่ 3502 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 ต.แม่หละ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เพื่อให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่

ด้าน “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เดินทางเยือนประเทศมาเลเซีย ตามคำเชิญอย่างเป็นทางการของ พล.อ.อ.ตัน สรี ดะโต๊ะ สรีมูฮัมหมัด อัสฆาร์ ข่าน บิน ฆอรีมาน ข่าน ผู้บัญชาการทหารอากาศมาเลเซีย โดยสองฝ่ายร่วมสนทนากระชับความสัมพันธ์ ผลักดันความร่วมมือต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมการแลกเปลี่ยนการเยือนทั้งในระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงไปจนถึงระดับผู้ปฏิบัติงาน เช่น การประชุม Air Working Group และการฝึกผสม AIR THAMALจากนั้นได้เดินทางไปยังฝูงบิน 8 ฐานทัพอากาศซูบัง เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป พร้อมเยี่ยมชมกิจการ โดยฝูงบิน 8 มีภารกิจสำคัญในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาสาธารณภัย HADR โดยผู้บัญชาการทหารกาศมีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมงาน Singapore Air  Show ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เพื่อติดตามความก้าวหน้าของอากาศยานประเภทต่างๆ จากบริษัทระดับโลก โดยงานดังกล่าวจะมีคณะฝ่ายการเมืองหลายชุดเตรียมเดินทางไปชม  รวมถึงคณะ รมว.กลาโหมของ “สุทิน คลังแสง” ด้วย