คงจำกันได้ว่าในช่วงโค้งสุดท้ายการหาเสียงของการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยต้องการชนะแบบ Landslide เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้พรรคเดียว โดยไม่ต้องเป็นรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคใดๆ เพราะตอนนั้น การสำรวจการหยั่งเสียงชี้ว่าพรรคก้าวไกลมาแรงแซงทุกพรรค นอกจากนั้นแล้ว ในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยก็ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับ 3 ป. ก็หมายความว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐของลุงป้อม และจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรครวมไทยสร้างชาติของลุงตู่ ดังนั้น หนทางเดียวที่จะตั้งรัฐบาลแบบไม่ร่วมกับใครเลย ก็ต้องชนะแบบ Landslide เท่านั้น แต่สถานการณ์ในช่วงโค้งสุดท้ายไม่มีแนวโน้มว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะ Landslide ได้ และมีท่าทีว่าอาจจะแพ้พรรคก้าวไกลที่คะแนนนำมาแบบดีวันดีคืน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องประกาศนโยบายที่จะทำให้ได้คะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง จู่ๆ เศรษฐา ทวีสิน หนึ่งใน Candidate นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยก็ประกาศดังๆ บนเวทีปราศรัยหาเสียงว่าพรรคเพื่อไทยจะแจกเงินดิจิทัลจำนวน 10,000 บาทให้แก่คนไทยทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร ทันทีที่พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายนี้ออกมา ประชาชนส่วนหนึ่งขานรับทันที ทั้งๆ ที่หลายคนยังไม่รู้จัก ไม่เข้าใจเรื่องเงินดิจิทัลด้วยซ้ำไป ก็ในเมื่อเป็นเงินที่จะได้เปล่าตั้ง 10,000 ใครล่ะจะไม่อยากได้ พวกเขาที่อยากได้ก็ไม่รู้หรอกว่ารัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมาแจก แต่ยังไงก็อยากได้ ในตอนนั้น พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่านโยบายนี้น่าจะทำให้พรรคได้คะแนนเสียงเป็นกอบเป็นกำ สามารถเอาชนะพรรคอื่นแบบ Landslide แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มีการประกาศออกมาก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์เป็นจำนวนมาก แสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว และถามกันชัดๆ ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาแจก จะต้องกู้หรือไม่ ทางพรรคเพื่อไทยตอบชัดๆ เลยว่าไม่กู้แม้แต่บาทเดียว นอกจากประกาศกับสาธารณชนแล้ว ในการแจงกับ กกต. ว่านโยบายแจกเงินนี้จะเอามาจากไหน พรรคเพื่อไทยก็บอกว่าจะไม่มีการกู้ แต่จะใช้เงินในงบประมาณที่มีอยู่ ด้วยการไปตัดทอนมาจากโครงการต่างๆ ที่สามารถเลื่อนออกไปได้ก่อน รวมทั้งจะเป็นเงินที่มาจากการบริหารระบบภาษีให้มีประสิทธิภาพขึ้นเพื่อให้มีเงินเพิ่มเติมมาแจกให้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปโดยถ้วนหน้า กกต.ก็ไฟเขียวให้พรรคเพื่อไทยสามารถใช้นโยบายดังกล่าวนี้หาเสียงได้ ท่ามกลางการคัดค้านของผู้รู้จำนวนมาก ทั้งที่มาของเงินที่จะแจก และทำไมต้องแจกทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป ที่จะต้องใช้เงินตั้ง 560,000 ล้าน และยังมีคำถามอีกว่าทำไมต้องแจกเป็นเงินดิจิทัลที่จะต้องมีการใช้เงินเพื่อพัฒนาระบบ รวมทั้งจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการแปลงเงินสดเป็นเงินดิจิทัล และสุดท้ายของโครงการก็ต้องแปลงเงินดิจิทัลเป็นเงินสด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนเคลือบแคลงมาก จนป่านนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่เคยชี้แจง
หลังจากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสมแบบสลายขั้ว นโยบายแจกเงินดิจิทัลก็ได้เป็นนโยบายที่เป็นเรือธงของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมีเสียงทักท้วงจากฝ่ายต่างๆ ที่มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการเงินการคลังเป็นอย่างดี พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ยอมฟัง มิหนำซ้ำยังกล่าวหาคนที่คัดค้านว่าไม่มีเหตุผลบ้าง จิตใจคับแคบบ้าง ไม่เข้าใจคนจนบ้าง ที่สำคัญคือแกนนำของพรรคดาหน้าออกมาประกาศว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤต ที่จำเป็นต้องใช้การแจกเงินดิจิทัลนี้ออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะเวลาที่นายกรัฐมนตรีออกไปต่างประเทศ ไปเชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศให้มาลงทุนในประเทศไทย ก็ต้องบอกว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังไปได้ดี แต่พอพูดในประเทศ กลับบอกว่าเศรษฐกิจของไทยกำลังเกิดวิกฤตที่จะต้องมีมาตรการออกมาแก้ไขโดยด่วน แต่พอมีคนแย้งด้วยตัวเลขทางสถิติว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่วิกฤต แค่ชะลอตัวเท่านั้น ก็ยังมีแกนนำออกมาขู่อีกว่า ไม่วิกฤตวันนี้ อาจจะวิกฤตวันหน้า เอาเหตุการณ์วิกฤตต้มยำกุ้งมาขู่อีก ทั้งที่บริบทของเศรษฐกิจในยามนั้นและยามนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อมีการท้วงกันมากๆ ในที่สุดก็ยอมลดเงื่อนไขต่างๆ ลงมา คนที่จะได้รับการแจกมีจำนวนลดลง พื้นที่ซื้อขายที่ใช้เงินดิจิทัลได้กว้างขวางมากขึ้น แต่ที่ไม่ตรงปกมากที่สุดก็คือ ที่เคยบอกว่าจะไม่กู้ แต่กลับต้องกู้ บอกว่าประเทศมีวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ไม่กล้าออกพระราชกำหนดกู้เงิน กลับจะออกเป็นพระราชบัญญัติที่ต้องใช้เวลา ก็ไหนว่าเรากำลังมีวิกฤต แล้วจะทอดเวลาในการแก้ไขไปทำไมล่ะ ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะกลัวว่าจะทำผิดกฎหมาย การเลื่อนเวลาของการดำเนินโครงการนี้ออกไปเรื่อยๆ ย่อมแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤตที่จะต้องกระตุ้นการบริโภคภาคประชาชนที่ยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องแก้ไขคือ การลงทุนภาครัฐและการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ทั้งนักลงทุนไทยและต่างประเทศ การแจกเงินเพื่อกระตุ้นการบริโภคภาคประชาชนจึงเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน และการกู้เงินมาแจกนั้นอาจจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและทำให้รัฐบาลพังได้ ดังนั้นรัฐบาลควรจะฟังคำเตือนของผู้รู้ที่ใช้หลักวิชาการและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นความจริงเชิงประจักษ์ในการวิเคราะห์ อย่าดันทุรังเลย
ถ้าจะเกาให้ถูกที่คัน ก็ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และใช้เงินในงบประมาณที่ไม่ต้องกู้ และแจกเป็นเงินสดเข้า app ที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปพัฒนาระบบใหม่อะไรทั้งนั้น ภาครัฐต้องเร่งรัดการลงทุน และจะต้องมีมาตรการในการกระตุ้นการลงทุน และเศรษฐกิจในยามนี้ต้องให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของอัตราเงินเฟ้อ ของค่าเงินบาท ความมั่นคงของสถานการณ์ทางการเงินและการคลังของประเทศ ฟังคำเตือนของผู้รู้ที่มีความห่วงใยเศรษฐกิจของประเทศ แล้วเกาให้ถูกที่คันตามคำแนะนำของท่านเหล่านั้นดีกว่า อย่าก่อหนี้ที่จะกลายเป็นปัญหาระยะยาวของประเทศอีกเลย หนี้จากโครงการรับจำนำข้าวหลายแสนล้าน ตอนนี้ยังใช้ไม่หมดเลย จะก่อหนี้ใหม่อีกทำไม เสียงคัดค้านการแจกเงินดิจิทัล คำถามที่เกี่ยวกับโครงการนี้มีมากมายที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ตอบ แบบนี้จะให้ประชาชนไว้วางใจ หรือสบายใจกับการดำเนินโครงการนี้ได้อย่างไร
เราเชื่อว่าผู้คนที่คัดค้านทั้งหลายนั้น คัดค้านด้วยความห่วงในสถานการณ์ทางการเงินการคลังของประเทศ ไม่ได้คัดค้านเพราะมีอคติ หรือมีความเป็นศัตรูกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด แกนนำพรรคเพื่อไทยทั้งหลายคงจะรู้ความหมายของสุภาษิตไทยที่บอกว่า “รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ” อยากอยู่ยาวก็ยกเลิกโครงการนี้เถอะนะ แต่หากเดินหน้าต่อ อาจจะทำให้รัฐบาลอายุสั้นนะ เวลานี้ยังไม่มีการดำเนินโครงการจึงมีแต่คำเตือน แต่หากเริ่มดำเนินการวันได้ คำเตือนจะเป็นคำร้องนะ เพราะประเทศไทยนั้น แม้ว่าตอนนี้พี่ศรีตัดขาด ไม่อาจเป็นนักร้องได้ แต่เราก็ยังมีนักร้องอีกหลายคน ตอนนี้คงเตรียมที่จะเรียงคิวกันร้องทันทีที่พรรคเพื่อไทยเริ่มโครงการ ดังนั้น เกาให้ถูกที่คันเถอะนะ จะได้อยู่นานๆ นะคะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เกรงว่าคำอวยพรปีใหม่จะไม่จริง
เวลาที่เรากล่าวคำอวยพรให้ใครๆ เราก็จะพูดแต่เรื่องดีๆ และหวังว่าพรของเราจะเป็นจริง ถ้าหากเราจะเอาเรื่องอายุ วรรณะ สุขะ พละ มาอวยพร โดยเขียนเป็นโคลงกระทู้ได้ดังนี้
แด่...ไพบูลย์ วงษ์เทศ
ถึงแม้จะช้าไปบ้าง...แต่ยังไงๆ ก็คงต้องเขียนถึง สำหรับการลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้ของคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ นักเขียน นักกลอนและนักหนังสือพิมพ์อาวุโส
กร่าง...เกรี้ยวกราด...ฤากลัว
ใครบางคนตำแหน่งก็ไม่มี สมาชิกก็ไม่ใช่ แต่แสดงบทบาทยิ่งใหญ่กว่าใครๆ เหมือนจงใจจะสร้างตำแหน่งใหม่ที่คนไทยต้องยอมรับ และดูเหมือนเขาจะประสบความสำเร็จเอาเสียด้วย
คำอวยพรปีใหม่ 2568
ใกล้ถึงช่วงปีหน้า-ฟ้าใหม่ยิ่งเข้าไปทุกที...การตระเตรียมคำอำนวย-อวยพรให้กับใครต่อใครไว้ในช่วงวาระโอกาสเช่นนี้ อาจถือเป็น หน้าที่ อย่างหนึ่ง
ก้าวสู่ปีใหม่ 2568
สัปดาห์สุดท้ายปลายเดือนธันวาคม 2567 อีกไม่กี่วันก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2568 "สวัสดีปีใหม่" ปีมะเส็ง งูเล็ก
ลัคนากุมภ์กับเค้าโครงชีวิตปี 2568
สรุป-แม้ทุกข์-กังวลจะยังอ้อยอิ่งอยู่ตลอดปีแต่ต้นปีเร่งสร้างฐานชีวิต ครั้นพฤษภาคมไปแล้ว