"๒ เรื่องที่รัฐบาลรอคอย" มีคำตอบแล้ว
-เรื่องบีบไข่แบงก์ชาติให้ลดดอกเบี้ย
ปรากฏว่า "ไข่แข็ง"!
กนง. (คณะกรรมการนโยบายการเงิน) ประชุมแล้ว (๗ ก.พ.๖๗) มีมติ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ ๒.๕๐% ตามเดิม
-เรื่องกู้มาแจกคนละ ๑ หมื่น รวม ๕ แสนล้าน
ปรากฏว่า ป.ป.ช.ชี้ "เศรษฐกิจไม่เข้าขั้นวิกฤต"
แต่ถ้ารัฐบาล "อยากเสี่ยงคุก" ก็เชิญเลย!
ป.ป.ช.แจง ๔ ความเสี่ยง ไว้เป็น "คุกสังวร" ถ้าอยากแจกตามวิธีที่ซ่อนจิตไว้ ก็ต้องรับความเสี่ยงเอาเอง
พร้อมกันนั้น ก็ให้ "๘ ข้อเสนอแนะ" เป็นการแผ่มุทิตาจิต
โศกนาฏกรรมของสัตว์เมือง มะแล-มะเลือง เรื่องส่อไม่ซื่อ ก็สรุปได้อย่างนี้แหละ...พี่น้อง!
"การเงิน-การคลัง" เหมือนคน ๒ ขา จะเดิน ก็ต้องเดินไปพร้อมๆ กันก็จริง แต่ถ้าขาข้างหนึ่งเหยียบขี้หมา
อีกข้าง ก็ไม่จำเป็นต้องเหยียบลงไปด้วย จริงมั้ย?
เรื่องเศรษฐกิจไทย ไม่ตาย แต่อยู่แบบซึมกะทือ
จะโทษรัฐบาล-ฝ่ายคลัง หรือโทษแบงก์ชาติ-ฝ่ายการเงิน ฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใด คงไม่ใช่วิสัย "ชนชั้นปัญญา" บริหาร
เพราะมันมาจากหลายเหตุปัจจัย ที่จำเป็นต้องนำทุกระบบขึ้นขาหยั่ง "ส่องกล้อง-เอกซเรย์" ให้ละเอียดกันทุกจุดเป็น "ครั้งใหญ่"
นั่นแหละ จึงจะได้บทสรุปที่แน่ชัด ถึง "สาเหตุ" ที่เป็นจุดให้ไทยโตช้าที่สุดในอาเซียน!
อย่างที่รัฐบาลยก "เงินเฟ้อติดลบ" ต่อเนื่อง ๔ เดือน แล้วชี้ไปที่แบงก์ชาติว่าเป็นตัวการ ให้ลดดอกเบี้ย แล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้้นนั้น
เห็นสันดานพวก "ดีใส่ตัว-ชั่วให้คนอื่น" ชัดเลย!
ผมขอพูดตามมุมมองบ้างว่า "รัฐบาลนั่นแหละ ทำหน้าที่ฝ่ายคลังเฮงซวย"
เศรษฐา ในฐานะ "รัฐมนตรีคลัง" ถามคำ ตั้งแต่เป็นมา เคยเข้ากระทรวงไปทำหน้าที่ซักครั้งหรือยัง?
ตัวเอง เป็นผู้บริหาร เมื่อเศรษฐกิจไทย รอตายหวังได้ แต่รอโตหวังยาก
ก่อนโทษคนอื่น ต้องสำรวจตรวจสอบงานในหน้าที่ตัวเองก่อนว่า จุดบกพร่องและปัญหามันอยู่ตรงไหน
รู้จุด รู้เหตุปัญหาแล้ว ก็แก้ตรงนั้นก่อน ไม่ใช่โวยวาย ใช้แต่เงินแก้ปัญหาทั้งเฉพาะหน้าและถาวร หรือสักแต่มีอำนาจก็ตวาดสั่งไปเรื่อย
ที่ว่า "ดอกเบี้ยนโยบายสูง คนไม่กู้ไปลงทุน แบงก์ชาติต้องลดดอกเบี้ยลงมาซัก .๕๐ หรือ .๒๕% เศรษฐกิจจะได้เดิน" นั้น
พูดง่าย แต่ไร้กึ๋น!
ฟัง "นายปิติ ดิษยทัต" เลขาฯ กนง. แถลงเมื่อวานก่อนดีกว่า เขาแจกเหตุปัจจัยว่า
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๖๗ ขยายตัวชะลอลงจากภาคการส่งออกและการผลิต
เนื่องจาก "อุปสงค์โลก" และ "เศรษฐกิจจีน" ฟื้นตัวช้า
รวมถึงปัจจัย "เชิงโครงสร้าง" กระทบการขยายตัวการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวมากกว่าที่ประเมินไว้
แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ
อัตราเงินเฟ้ออยู่ระดับต่ำ แนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมาย ช้ากว่าที่ประเมินไว้
ประเมินว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากแรงส่ง "ภาคต่างประเทศ" ที่น้อยลง
และผลกระทบจากปัจจัย "เชิงโครงสร้าง"
แต่ "การบริโภค" ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
คณะกรรมการฯ ด้วย ๕ ต่อ ๒ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ ๒.๕๐%
ขณะที่กรรมการ ๒ ท่าน เห็นควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย ๐.๒๕%
กนง.ยึดภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน
ประเมินว่า........
การขยายตัวเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอลง "เป็นผลจากปัจจัยต่างประเทศ" และ "ปัญหาเชิงโครงสร้าง"
ขณะที่อุปสงค์ในประเทศมีแรงส่งต่อเนื่องและอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
อัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน ยังสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งเอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ เห็นว่า.....
ยังมีความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้าจากปัจจัยวัฏจักรเศรษฐกิจและปัจจัยเชิงโครงสร้าง
โดยการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าจะพิจารณาให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
อยากให้สังเกต กนง.เน้น ๒ คำ คือ คำว่า "อุปสงค์" และคำว่า "ปัจจัยเชิงโครงสร้าง"
อุปสงค์ หรือ Demand พูดง่ายๆ หมายถึง "กำลังซื้อ"
กนง.บอก "อุปสงค์โลก" มีผลต่อภาคการผลิต-การส่งออกของไทย โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลมาก
แต่กำลังซื้อภายในประเทศ ยังขยายตัวต่อเนื่องและเป็น "ตัวหลัก" ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตอนนี้ โดยเฉพาะจากภาคการบริโภค
ดอกเบี้ย ๒.๕๐% นั้น กนง.ย้ำ.....
"อยู่ในระดับสอดคล้องการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน เป็นรากฐานสำคัญในการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว"
คือไม่ได้เป็นตัวทำให้ "เงินเฟ้อติดลบ" เป็นเหตุให้รัฐบาลอ้าง "เศรษฐกิจวิกฤต" ต้อง "กู้มาแจก"
เพราะกู...ซึ่งหมายถึงใครก็ไม่รู้ ตุน "ดิจิทัล โทเคน" ไว้เยอะ จะระบายออกได้ ก็ตานี้ละวะ"!?
เพราะอย่างนี้ ๒ ใน ๔ ความเสี่ยงที่ ป.ป.ช.เตือนให้สังวร ข้อที่ ๑ จึงมีว่า
-"ประเด็นความเสี่ยงต่อการทุจริต"
อาทิ ความเสี่ยงต่อการ "ทุจริตเชิงนโยบาย"
ความเสี่ยงต่อการ "ทุจริตจากกลุ่มเป้าหมาย" ที่ได้รับเงินจากโครงการฯ
ข้อที่ ๔ มีว่า
-ประเด็นความเสี่ยง "เทคโนโลยีบล็อกเชน" และประเด็นเกี่ยวกับการกำหนด "นโยบายของพรรคการเมือง"
ตรงที่ต้องแจกเป็น "ดิจิทัล โทเคน" คนสงสัยกันมาก ว่าไหนๆ จะแจก ก็แจกเป็นเงินสดเข้า "แอปเป๋าตัง" ไปโดยตรงเลยซี
จะต้องเป็นโทเคน ให้ยุ่งยาก-ซับซ้อนทำไม หรือรัฐบาลมีเลศนัย ซ่อนเบื้องหน้า-เบื้องหลังอะไรไว้ ตรงนี้ ผมเองตอบไม่ได้จริงๆ
แม้กระทั่ง ป.ป.ช.เอง ท่านก็คลางแคลงในประเด็นนี้ เห็นได้จาก ๓ ใน ๘ ข้อเสนอแนะที่ว่า
-การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้กับโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ ผ่าน Digital Wallet
"ครม.และหน่วยงานเกี่ยวข้อง" ควรพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสม เพราะการลงทุนระบบ "แพงมาก"
ซ้ำเป็นโครงการแจกเงิน "เพียงครั้งเดียว" ใช้แค่ ๖ เดือน
-จากข้อมูลภาวะเศรษฐกิจของหน่วยงานต่างๆ ที่ได้จากการศึกษา และตัวทวีคูณทางการคลัง รวมถึงตัวบ่งชี้ภาวะวิกฤต
ที่แบงก์ชาติรวบรวมและประมวลข้อมูลจากงานศึกษาของธนาคารโลกและ IMF มีความเห็นตรงกันว่า
ในช่วงเวลาที่ศึกษาอัตราความเจริญเติบโตของประเทศไทย ยังไม่ถึงขั้นประสบภาวะ "วิกฤตเศรษฐกิจ" เพียงแต่ชะลอตัวเท่านั้น
ดังนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน รัฐบาลควรพิจารณาและให้ความสำคัญต่อ "โครงสร้างทางเศรษฐกิจ"
เช่น กระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน กระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ เพิ่มทักษะให้แก่แรงงาน เป็นต้น
ในกรณีที่รัฐบาลต้องดำเนินนโยบายที่มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือประชาชนภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่เข้าขั้นวิกฤต
ควรพิจารณากลุ่มประชาชนเป้าหมายที่เปราะบางที่สุด ซึ่งต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง
ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.๒๕๖๑ อาทิ กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน
-หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องการช่วยเหลือประชาชน
ควรช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่มีฐานะยากจน ที่เปราะบาง ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่านั้น
โดยแจกจากแหล่งเงิน "งบประมาณปกติ"
มิใช่เงินกู้ตาม "พระราชบัญญัติเงินกู้"
และจ่ายในรูป "เงินบาทปกติ" ในอัตราที่เหมาะสม เพื่อพยุงการดำรงชีวิตของกลุ่มประชาชนที่ยากจน
โดยกระจายจ่ายเงินเป็นงวดๆ หลายงวดผ่านระบบ "แอปเป๋าตัง" ที่มีประสิทธิภาพและมีฐานข้อมูลครบสามารถทำได้รวดเร็ว
การดำเนินการกรณีนี้.....
หากใช้แหล่งเงินงบประมาณปกติ มิใช่จากการกู้เงินตามพระราชบัญญัติเงินกู้ จะลดความเสี่ยงต่อการ
"ขัดรัฐธรรมนูญ"
"ขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.๒๕๖๑" และ
"ขัด พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ.๒๕๐๑
ประการสำคัญ "ไม่สร้างภาระหนี้สาธารณะของประเทศในระยะยาว"
คำเสนอแนะ ให้แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง แจกเป็นงวดๆ เข้าแอป "เป๋าตัง" ตรงนี้ ผมเห็นด้วย สนับสนุน ๑๐๐%
ประเด็นสำคัญ เป็น "การบ้าน" ข้อใหญ่ ที่รัฐบาล "ถ้าจริงใจบริหาร" ต้องนำไปคิด-ใคร่ครวญ
คือทั้ง กนง., ป.ป.ช., แบงก์โลก และไอเอ็มเอฟ
ชี้ปัญหาที่ทำให้เศรษฐกิจไทยซึมกะทือต่อเนื่องอยู่ประเทศเดียวในอาเซียน
มาจาก "ปัจจัยเชิงโครงสร้าง"!
ไม่รู้จะเข้าใจ "ความกว้าง-ลึก" ของคำนี้กันแค่ไหน
แต่ขอใช้คำว่า.....
ต้องรื้อทั้ง "ระบบคิด-ระบบศึกษา-ระบบบริหาร-ระบบอุตสาหกรรม" ที่เป็น "โครงสร้างเดิม" ใหม่ทั้งหมด
ไปสู่ระบบ "วิจัย-พัฒนา-ทดลอง-คิดค้น-สร้างคน-ต่อยอด" สู่ทัศนคติมิติ "ประเทศนี้...ไม่มีโรงเรียน"
"โลก" คือ "โรงเรียน" เป็นห้องค้นคว้า-ศึกษา-ทดลอง" ไม่ใช่สถานที่ท่องจำ!
ทุกวันนี้ ยาเสพติด คอร์รัปชันและเทคโนโลยีไอที คนไทยใช้ทำลายตัวเอง ทำลายเศรษฐกิจและอนาคตชาติบ้านเมืองตัวเอง
"ทรัพยากรบุคคลทางสร้างชาติ-สร้างอนาคต" แทบไม่ได้สร้าง สู่ขั้นวิกฤตยิ่งกว่าเศรษฐกิจที่พูดกันตอนนี้
เราภูมิใจ ไทยเป็นเอกราช
แต่รู้ไว้เถอะ เราตกเป็นทาสยุคใหม่ประเทศเดียวในอาเซียนตอนนี้แล้วยังไม่รู้ตัว
ขณะที่หลายประเทศในอาเซียน ใช้ไอทีเป็นเครื่้องมือสร้างคนไปพัฒนาชาติ จนจีดีพีโตได้ปีละ ๕% ขึ้นไป
แต่คนไทย ใช้ไอทีแบบ "ตกเป็นทาส"
รัฐบาลก็ยังกลวงโบ๋ ถึงขั้นไม่สำนึกในคำว่า
ไทยถึงจุดติดกับดักปัญหา "เชิงโครงสร้าง" ประเทศแล้ว!
-เปลว สีเงิน
๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอาซะทีเถอะน่า...กกต.!
หมาน่ะ .... จุ๊ๆ ปาก มันยังหยุด เอียงคอ ตาจ้อง หูตั้ง และฟัง แต่ที่ "นายอิทธิพร บุญประคอง" ประธาน กกต. กระแอมถึงนายทักษิณ ผู้ช่วยหาเสียง "ผู้สมัครนายก อบจ." พรรคเพื่อไทย
ใคร 'เจ้าภาพบ้านเมือง'?
ดูคลิปและฟังคำที่.... "ทักษิณ" ทอล์กกับบรรดา "หมาในคอก" ของเขาวันก่อนแล้ว
ไอ้เสือถอย 'รอล้มล้าง'
ขบวนการ "ล้มล้างรัฐธรรมนูญ" ถอยซะแล้ว! "ประธานวันนอร์" แถลงหลังประชุมวิป ๓ ฝ่าย เมื่อวาน (๘ ม.ค.๖๘)
คนพันธุ์ 'ปากเปราะ'
ผมหายไปวัน... ไปร่วมยก "หลวงพ่อทวดครึ่งบน" ส่วนเศียร ขึ้นประกอบกับ "ส่วนล่าง" ที่ร่วมกันหล่อถวาย พร้อมสร้างอาคารฐานสถิต ที่วัดทรายขาว ทุ่งหวัง สงขลา
มันเอาแน่ 'แก้เพื่อล้มล้าง'
มี 'เรื่องใหญ่' ที่ผมต้องเกริ่นให้คนไทยทุกคนตื่นรู้ บัดนี้...ประเทศไทย....
เราอยู่ใน 'อนาคต' ที่ 'อดีต' ทำนายไว้แล้วหรือ!? | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
เราอยู่ใน 'อนาคต' ที่ 'อดีต' ทำนายไว้แล้วหรือ!? จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2568