ยิ่งวันสงครามในตะวันออกกลางก็ยิ่งทำท่าจะขยายวงเกินกว่าที่คาดการณ์กันได้ดั้งเดิมหลังกลุ่มฮามาสเปิดศึกกับอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว
ล่าสุด เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ และอังกฤษเปิดฉากถลุ่มเป้าหมายของกลุ่มฮูตี 36แห่ง ใน 13 แห่งของเยเมน
แค่เพียง 24 ชั่วโมงหลังจากสหรัฐฯ โจมตีเป้าหมาย 85 แห่งในซีเรียและอิรักเมื่อวันศุกร์
วอชิงตันบอกว่าเป็นการ “เอาคืน” ที่กลุ่ม Islamic Resistance โจมตีด้วยโดรนสังหารฐานทัพสหรัฐฯในจอร์แดน
ทำให้ทหารอเมริกันตาย 3 บาดเจ็บกว่า 40
นั่นแปลว่าสหรัฐฯกับพันธมิตรวางแผนโจมตีจุดที่ตั้งทางทหารของหน่วยรบที่สนับสนุนโดยอิหร่านทั้งในซีเรีย, อิรัก, และเยเมนพร้อม ๆ กัน
แม้จะมีสาเหตุที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นศัตรูกลุ่มเดียวกัน
เป็นที่รู้ว่ากันว่ากลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้รับการหนุนเนื่องจากอิหร่าน
กลุ่มนี้เริ่มโจมตีเรือพาณิชย์ในทะเลแดงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนทีผ่านมา
ทำให้เรือสินค้าหยุดวิ่งในทะเลแดงกันเสียส่วนใหญ่ มีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกทันที
เรือสินค้าบริษัทยักษ์ ๆ ระดับโลกหยุดวิ่งเส้นทางผ่านทะเลแดง ซึ่งโดยปกติเป็นเส้นทางการค้าเกือบ 15% ของการค้าทางทะเลทั่วโลก
หันไปใช้เส้นทางที่ปลอดภัยกว่าแต่ยาวกว่าทางแอฟริกาตอนใต้แทน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยบอกว่ามีผลทำให้ค่าขนส่งทางทะเลพุ่งขึ้นแล้ว 3-4 เท่า
ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบและค่าระวางแพงขึ้นทันที
กลุ่มฮูตีอ้างว่าที่โจมตีเรือสินค้าและเรือรบในทะเลแดงเพราะโยงกับการต่อต้านอิสราเอล
เพราะกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนโดยอิหร่านทั้งหลายยืนอยู่เคียงข้างชาวปาเลสไตน์
รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักรกล่าวว่าอ้างว่าการโจมตีเรือในทะเลแดงของกลุ่มฮูตีนั้น "ผิดกฎหมายและยอมรับไม่ได้"
วันศุกร์ที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯ ระดมใส่ที่ตั้งของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่อิหร่านสนับสนุนในอิรักและซีเรีย
นั่นอ้างว่าเพื่อตอบโต้การที่โดรนไปถล่มฐานทัพในจอร์แดนชื่อ Tower 22 ที่สังหารทหารอเมริกัน 3 รายเมื่อวันอาทิตย์ก่อนหน้านี้
ทั้งสหรัฐฯกับอิหร่านพยายามจะบอกว่าไม่ต้องการแสวงหาสงคราม
แต่ต่างก็อ้างว่าต้อง “ปกป้องตนเอง” หากถูกโจมตีก่อนก็จะต้องตอบโต้ในทุกกรณีเช่นกัน
ส่วนจะโจมตีผ่าน “เครือข่าย” ของตนอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนออกแถลงการณ์ว่า “สหรัฐฯ ไม่แสวงหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางหรือจุดอื่นใดในโลก แต่ขอให้ผู้ที่หวังจะทำอันตรายเรารู้ไว้ว่า ถ้าคุณทำร้ายคนอเมริกันเราก็จะตอบโต้”
และสำทับว่า “การโต้ตอบของเราเริ่มขึ้นวันนี้ มันจะดำเนินต่อไปในเวลาและสถานที่ที่พวกเราเลือก”
การโจมตีวันศุกร์พุ่งเป้าไปที่พื้นที่ 7 แห่ง มีเป้าหมายรวม 85 จุด
ซึ่งรวมถึงฐานบัญชาการ ศูนย์ข่าวกรอง คลังแสงที่เก็บจรวด ขีปนาวุธ โดรน และกระสุนปืน
และไม่เว้นแม้แต่สิ่งปลูกสร้างที่กลุ่มทหารใช้ติดต่อกับกลุ่มกองกำลังคุด (Qud’s force) อันหมายถึงกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่านใช้สานสัมพันธ์และติดอาวุธให้กลุ่มกองกำลังต่าง ๆ
ที่น่าสนใจคืออเมริการะวังไม่โจมตีดินแดนของอิหร่านโดยตรง เพราะไม่ต้องการเปิดสงครามระดับภูมิภาค
อิหร่านก็พยายามจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงกับสหรัฐฯเหมือนกันด้วยการประกาศว่าการโจมตีเมื่อวันอาทิตย์ก่อนต่อฐานทัพสหรัฐฯในจอร์แดนนั้นไม่เกี่ยวกับตนแต่อย่างใด
แต่วอชิงตันก็ไม่ลืมที่จะส่งเสียงกร้าวว่าจะตอบโต้กลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุนในทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างเข้มข้นขึ้น
นักข่าวถามรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯลอยด์ ออสตินว่าทำไมอเมริกาเพิ่งมาเปิดศึกใหญ่ทั้ง ๆ ที่จุดที่ตั้งของสหรัฐฯก็ถูกโจมตีในตะวันออกกลางมากว่า 165 ครั้งแล้วนับตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้รับคำตอบว่า
“ถึงเวลาแล้วที่จะทำลายศักยภาพของศัตรู และเราจะทำในหลายรูปแบบ”
ความหมายก็คือต่อไปนี้จะทำกันลักษณะ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
โดยย้ำว่า “เราจะนำตัวคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้มารับผิดชอบ”
ก่อนหน้านี้ ไบเดนประชุมบรรดาแม่ทัพนายกองอย่างเข้มข้นหลายวันก่อนที่จะตัดสินเปิดไฟเขียวให้เปิดศึกถล่มครั้งใหญ่รอบใหม่นี้
เพราะต้องการให้แน่ใจว่าเป็นการเล็งไปที่เป้าหมายทางทหารเป็นหลัก เพื่อไม่ให้โดนเป้าด้านพลเรือน
มีการเปรียบเทียบว่าการโจมตีระลอกใหม่นี้มีความรุนแรงก็รองลงมาจากการเปิดศึกเมื่อ 4 มกราคมในกรุงแบกแดด
อันเป็นจังหวะที่สหรัฐฯถล่มจนสังหารผู้นำกองกำลังฮารากัต-อัล-นูจาบา ที่อิหร่านหนุนหลังอยู่เท่านั้น
อีกทั้งการโจมตีโดยสหรัฐฯ ที่ผ่านมานั้นมุ่งไปที่สถานที่และคลังโกดังมากกว่าการพุ่งสังหารกำลังพล
อีกด้านหนึ่ง กลุ่มฮูตีได้โจมตรีเรือมาแล้วเกือบ 40 ครั้งนับตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ประกาศใส่ชื่อกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมน กลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อ “กลุ่มก่อการร้าย” อีกครั้งเพื่อสามารถใช้แผนปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมายของตนและของนานาชาติอีกครั้ง
ความร้อนแรงของสงครามในตะวันออกกลางรอบนี้สุดจะเดาว่าจะนำไปสู่สงครามขยายวงจนกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาคหรือไม่
แต่ที่แน่ ๆ คือสถานการณ์จะไม่จบลงง่าย ๆ ตราบที่ต่างฝ่ายต่างยังยืนยันว่าจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งมีศักยภาพเหลือที่จะคุกคามตนได้อีก
นั่นย่อมแปลว่าไม่มีใครยอมถอยกันเลยแม้แต่ก้าวเดียว!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ