อาเซียนจะขยับอย่างไรจึงจะผลักดันให้กระบวนการเจรจาเพื่อสงบศึกในพม่าเกิดขึ้นได้อย่างจริงจัง
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่หลวงพระบางเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจทำให้เกิดความหวังเล็กๆ เพราะไทยเสนอเปิดศูนย์เพื่อการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับประเทศนั้น
การประชุมครั้งนี้เรียกว่า “อาเซียนรีทรีต” ซึ่งมีมติสนับสนุนข้อริเริ่มไทยเปิดจุดมนุษยธรรมชายแดนเมียนมา
คุณปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมมีความเห็นพ้องและตอบรับกับข้อริเริ่มของไทยเรื่องนี้
ประเด็นคงไม่ได้อยู่ที่หลักการใหญ่ แต่พอลงรายละเอียดจะเจอกับอุปสรรคหลายประการที่ต้องอาศัยความจริงใจของรัฐบาลทหารพม่าว่าจะยอมทำตามจริงหรือไม่
คุณปานปรีย์บอกว่า ในขณะเดียวกันศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (AHA Centre) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียนจะเข้าไปร่วมสังเกตการณ์
โดยจะมีสภากาชาดไทยและสภากาชาดเมียนมาเข้ามาร่วมด้วย
คุณปานปรีย์บอกว่า ในช่วงวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์นี้ จะเดินทางไปที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อดูพื้นที่ที่จะเป็นจุดในการทำเป็นพื้นที่มนุษยธรรม
หากพบว่าเหมาะสมก็จะเดินหน้าต่อไป
แต่จะเรียกแนวทางนี้ว่า “ระเบียงเพื่อความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม” (Humanitarian Assistance Corridor) อย่างที่เคยเป็นข้อเสนอมาระยะหนึ่งแล้วหรือไม่ยังไม่ชัดเจน
กุญแจสำคัญที่จะทำให้มองว่าจะมีความคืบหน้าเรื่องพม่าอย่างไรหรือไม่ ยังอยู่ที่ว่ารัฐบาลทหารพม่าจะยอมทำตาม
“ฉันทามติ 5 ข้อ” ของอาเซียนหรือไม่
ไทยมองว่าข้อเสนอของไทยเรื่องช่องทางช่วยเหลือมนุษยธรรมเป็นหนึ่งในก้าวย่างของฉันทามติ 5 ข้อนั้น
ท่าทีด้านบวกเล็กๆ จากรัฐบาลทหารพม่าครั้งนี้ คือการส่งปลัดกระทรวงต่างประเทศมาร่วมประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
เพราะก่อนหน้านี้ มิน อ่อง หล่าย ไม่ยอมส่งคนระดับข้าราชการประจำมาร่วมประชุมหลังจากที่อาเซียนขอระงับ
การมีปฏิสัมพันธ์กับระดับผู้นำและรัฐมนตรีจนกว่าพม่าจะยอมทำตามฉันทามติ 5 ข้อ
ครั้งนี้ รัฐบาลทหารพม่าส่งนางมาร์ลาร์ ถั่น ติเก ตัวแทนในระดับปลัดกระทรวงต่างประเทศเข้าร่วมประชุมด้วย
โดยเธอแสดงความยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนความริเริ่มของไทย
และพร้อมที่จะให้ AHA ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียนเข้าไปเป็นผู้สังเกตการณ์ด้วย
หากทุกอย่างเรียบร้อยก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
การที่อาเซียนยอมรับการเข้าร่วมประชุมของเจ้าหน้าที่เมียนมานั้น เท่ากับเป็นการ “อ่อนข้อ” ต่อรัฐบาลทหารพม่าหรือไม่
คำตอบจากรัฐมนตรีอาเซียนหลายคนบอกว่าไม่น่าจะตีความอย่างนั้นได้
ควรจะมองว่า มิน อ่อง หล่าย ยอมลดความแข็งกร้าวของท่าทีของตนต่อเงื่อนไขของอาเซียนมากกว่า
ในแถลงการณ์ร่วมที่ออกที่หลวงพระบาง รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนพยายามจะเพิ่มแรงกดดันให้ทุกฝ่ายในพม่ายุติความขัดแย้งนองเลือดของเมียนมา
ถ้อยแถลงร่วมตอกย้ำถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียนต่อแผนสันติภาพในภูมิภาค
และย้ำว่าอาเซียนนำเสนอ "วิธีแก้ปัญหาที่เมียนมาเป็นเจ้าของและเป็นผู้นำ" ต่อวิกฤตครั้งนี้
และยังยืนยันการสนับสนุนความพยายามของทูตพิเศษคนใหม่ด้านวิกฤตจากลาวในการ "ติดต่อกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง" และแสดงความมั่นใจในความตั้งใจของเขาที่จะช่วยเหลือประชาชนชาวพม่าอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
เพราะทั้งโลกเห็นแล้วว่าเมียนมาติดอยู่กับความขัดแย้งนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจในการทำรัฐประหารในปี 2564 ซึ่งจุดชนวนให้เกิดความสับสนวุ่นวายทั่วประเทศ ทำให้เกิดการระงับการปฏิรูปประชาธิปไตยและเศรษฐกิจอย่างยาวนาน
อลุนแก้ว กิตติคุณ ทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาคนใหม่ของอาเซียนจาก สปป. ลาว เข้าพบหัวหน้ารัฐบาลทหารในระหว่างการเยือนเมียนมาเมื่อต้นเดือนนี้
ทั้งอาเซียนและลาวยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการถึงการเดินทางครั้งนี้
ที่ไม่ชัดเจนคือเขาได้พบกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารหรือไม่
หรือจะได้พบอองซาน ซูจี ที่ยังถูกกักขังอยู่โดยถูกจำกัดผู้ที่สามารถเข้าพบมาตลอด
“เรายืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นของอาเซียนในการช่วยเหลือเมียนมาในการค้นหาวิธีแก้ปัญหาอย่างสันติ ครอบคลุม และยั่งยืนต่อวิกฤตที่กำลังดำเนินอยู่ เนื่องจากเมียนมายังคงเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียน” แถลงการณ์รัฐมนตรีอาเซียนย้ำ
“เรายืนยันความสามัคคีของอาเซียนและย้ำว่าความพยายามใดๆ ควรสนับสนุน โดยสอดคล้องกับ (แผนสันติภาพ) และในการประสานงานกับประธาน” แถลงการณ์ระบุ
พร้อมเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงและการยับยั้งชั่งใจเพื่อให้สามารถเข้าถึงด้านมนุษยธรรมได้
ที่เห็นได้ชัดคือรัฐบาลทหารพม่ากำลังเผชิญกับความเพลี่ยงพล้ำในสนามรบ เพราะฝ่ายต่อต้านสามารถรุกคืบได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
รัฐบาลทหารกำลังเจอศึกหลายด้าน เพราะมีการผนึกกำลังของฝ่ายต่อต้านติดอาวุธสนับสนุนประชาธิปไตยที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลเงาและกองทัพชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์
อินโดนีเซีย ประธานอาเซียนคนก่อน ได้ริเริ่มการทูตอย่างเงียบๆ เพื่อส่งเสริมการเจรจาระหว่างฝ่ายที่ทำสงครามกันของเมียนมา
ท่าทีของ สปป.ลาว ในฐานะประธานหมุนเวียนประจำปีนี้ มีแนวโน้มจะผ่อนปรนและกดดันรัฐบาลทหารพม่าน้อยกว่า
ซึ่งอาจจะช่วยสร้างบรรยากาศของการประสานงานให้เป็นไปทางบวกมากขึ้นได้บ้าง
ทุกอย่างยังรอการพิสูจน์ เพราะแต่ละก้าวย่างสู่สันติภาพของพม่านั้นเต็มไปด้วยขวากหนาม และโอกาสที่จะเกิดกรณี “เดินหน้า 1 ก้าว ถอยหลัง 2 ก้าว” ได้ตลอดเวลา!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ