บ้านในตำนานของ ‘ซูจี’ ที่ย่างกุ้ง กำลังจะถูกขายทอดตลาด!

บ้านหลังนี้มีตำนาน...และกำลังจะสร้างตำนานต่อเนื่อง!

ศาลทหารพม่ามีคำสั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้นำบ้านพักของอองซาน ซูจี ผู้นำประชาธิปไตยที่ถูกกักขังขณะนี้ขายออกด้วยการประมูลในวันที่ 20 มีนาคม

ด้วยราคาเสนอเริ่มต้นที่ 90 ล้านดอลลาร์ (3,150 ล้านบาทโดยประมาณ)

บ้านพักอันโดดเด่นแห่งนี้มักเรียกง่ายๆ ว่าเลขที่ 54 ซึ่งตั้งอยู่บน University Avenue ของย่างกุ้ง ตั้งอยู่บนทะเลสาบ Inya ในย่านที่แพงที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง

บ้านหลังนี้เป็นที่ที่ซูจีถูกกักบริเวณนานถึง 15 ปี

ต่อมากลายเป็นข้อพิพาทมาตั้งแต่ปี 2544  เมื่ออองซาน อู พี่ชายที่ไม่ใคร่จะชอบพอของเธอและถือสัญชาติเป็นพลเมืองสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลในนครย่างกุ้งให้แบ่งมรดกผืนนี้เท่าๆ กันคนละครึ่ง

ต่อมาในปี 2559 ศาลพม่ามีคำวินิจฉัยให้แบ่งทรัพย์สินชิ้นนี้ให้พี่น้องคนละครึ่ง

แต่อองซาน อู ไม่ยอม ยื่นอุทธรณ์หลายครั้ง

แม้ว่าการอุทธรณ์เบื้องต้นในปี 2561 จะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่คำร้องที่ยื่นต่อหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกาในปีถัดมากลับล้มคำตัดสินดังกล่าว

จึงมีการเปิดคดีขึ้นมาใหม่

และท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ศาลมีคำสั่งให้นำบ้านหลังนี้ออกประมูล

และเพิ่งมีคำสั่งกำหนดวันประมูลเป็น 20 มีนาคมนี้

ตัวอองซาน ซูจี ในวัย 78 ปี กำลังรับโทษจำคุกทั้งหมด 33 ปี ในข้อหาต่างๆ มากมายที่กองทัพกล่าวหาเธอหลังการรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 ที่โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยของเธอ

นับตั้งแต่เธอถูกจับกุมในวันที่ทหารยึดอำนาจซึ่งครบรอบ 3 ปีไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  รัฐบาลได้จำกัดการติดต่อของเธอกับใครก็ตามที่อยู่นอกศูนย์กักกันในกรุงเนปยีดออันเป็นสถานที่ควบคุมเธออย่างเคร่งครัด

แม้แต่ทนายความของเธอก็ยังไม่อาจจะติดต่อกับเธอได้ตลอดเวลา

ที่น่าสนใจคือ เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ดอน   ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยในขณะนั้น ไปเปิดเผยกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่าได้พบกับเธอ และอ้างว่าดูเหมือนว่าเธอจะมีสุขภาพที่ดี

คุณดอนไม่เคยให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมกับใครในที่สาธารณะ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า บทสนทนาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศไทยในขณะนั้นกับตัวละครที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งในการเมืองพม่าวันนี้ มีเนื้อหาอย่างไรที่จะช่วยพิเคราะห์ทางออกจากวิกฤตของพม่า

อันเป็นจุดน่ากังวลสำหรับทั้งภูมิภาค โดยเฉพาะกับไทยที่มีชายแดนติดต่อกันยาวกว่า 2 พันกิโลเมตร

แหล่งข่าวที่ทราบสถานการณ์ปัจจุบันของเธอบอกว่าทนายของเธออยู่ภายใต้ “คำสั่งปิดปาก”

และห้ามทนายความของเธอพูดคุยกับสื่อ

คณะทนายไม่ได้รับอนุญาตให้พบเธอตั้งแต่ปลายปี 2565

สื่อท้องถิ่นบางแห่งอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดว่า “เธอทำอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับเรื่องนี้”

หมายถึงคำสั่งศาลให้ขายบ้านของเธอด้วยการประมูล

“สิ่งที่เธอทำได้คือรอและดูมันเกิดขึ้น” คนที่รู้เรื่องบอก

บ้านหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองพม่ามายาวนาน

ภาพอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ไปเยือนอองซาน ซูจี เมื่อปี 2555 เพื่อกดดันให้กองทัพพม่ายอมให้มีการเลือกตั้งก็เกิดขึ้นที่บ้านหลังนี้

การแถลงข่าวสำคัญๆ ของอองซาน ซูจี ก็เกิดขึ้นที่นี่

ที่พักนี้เป็นบ้าน 2 ชั้นสไตล์โคโลเนียล สร้างขึ้นบนพื้นที่ 5 ไร่ ถูกส่งมอบโดยรัฐบาลขณะนั้นให้กับขิ่นจี มารดาของซูจี หลังจากที่สามีของเธอซึ่งเป็นผู้นำเอกราช อองซาน ถูกลอบสังหารในปี 2490

ซูจี ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในวัยเด็กในต่างประเทศ  และต่อมาก็ตั้งรกรากในอังกฤษกับสามีชาวอังกฤษ  ไมเคิล อาริส นักวิชาการ กลับไปพม่าในปี 2531 เพื่อดูแลแม่ของเธอที่ป่วยซึ่งเสียชีวิตในปีนั้น

ช่วงนั้น พม่าตกอยู่ในภาวะวุ่นวายเพราะการประท้วงครั้งใหญ่ของประชาชนที่เรียกร้องให้ยุติการปกครองโดยทหารที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษ

ซูจีกลายเป็นผู้นำขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยความมุ่งมั่นในฐานะเป็นทายาทของวีรบุรุษของพม่า

จากนั้นเป็นต้นมา บ้านเลขที่ 54 ยูนิเวอร์ซิตีอเวนิว ก็กลายเป็นสำนักงานใหญ่ในยุคแรกๆ ของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ที่ถูกจัดตั้งขึ้นใหม่ของเธอ

บ้านหลังนี้ยังเป็นที่ที่เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงสองทศวรรษต่อมา

ส่วนใหญ่คือการใช้ชีวิตถูกกักบริเวณในบ้าน

ในช่วงระยะเวลาหนึ่งทศวรรษของการเปิดกว้างสัมพันธ์กันภายหลังการปล่อยตัวของซูจีในปี 2553 บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ต้อนรับผู้นำระดับสูงของโลกหลายคน รวมถึงประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ และบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ

มีความดำริของรัฐบาลคู่ขนานหรือรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติที่จะยื่นคำร้องต่อยูเนสโก องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เพื่อขึ้นบัญชีรายชื่อบ้านหลังนี้ให้เป็นมรดกโลก

กลุ่มการเมืองของซูจีกำลังพยายามจะต่อต้านการขายบ้านหลังนี้ตามคำสั่งของศาล

อ้างว่าคำสั่งนี้ถูกออกในสมัยรัฐบาลเผด็จการ

ซึ่งถือว่าไม่ใช่คำสั่งที่ชอบธรรม

และมีการขู่ด้วยว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการซื้อบ้านจะต้องรับโทษทางอาญาในภายหลัง

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของความน่าหดหู่จากพม่าวันนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ