ขณะที่สงครามกลางเมืองในพม่ายังดำเนินต่อไปอย่างไม่ละลด สองเพื่อนบ้านยักษ์คือจีนกับอินเดียก็ดูเหมือนจะพยายามนำเสนอบทบาทของตนในทำนองแข่งขันสร้างอิทธิพลเช่นกัน
ทั้งปักกิ่งและนิวเดลีต่างให้การสนับสนุนรัฐบาลทหารของมิน อ่อง หล่าย
ทั้งสองประเทศต่างก็พยายามป้องกันไม่ให้การต่อสู้ลุกลามข้ามพรมแดนเข้ามาในบ้านตน
ลึกๆ แล้วทั้งจีนและอินเดียก็ไม่ต้องการให้ระบอบการปกครองในพม่าตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอีกค่ายหนึ่งโดยสิ้นเชิง
แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของเพื่อนบ้านเสมอไป
ยิ่งวันเรื่องราวในพม่าก็ยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะการสู้รบได้แพร่กระจายกว้างขึ้นทุกขณะ
เพราะกองกำลังของรัฐบาลทหารตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่รุนแรงมากขึ้นจากฝ่ายต่อต้านที่มีความสามารถในการสู้รบสูงขึ้นทุกวัน
ถึงจุดที่ฝ่ายกองทัพเริ่มมีอาการเพลี่ยงพล้ำอย่างชัดเจน และถูกฝ่ายต่อต้านรุกคืบหนักขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้
จีนกับอินเดียเป็นสองยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียที่มีความขัดแย้งมายาวนานตรงชายแดนหิมาลัย
นั่นก็เพิ่มมิติแห่งความขัดแย้งเพิ่มเติมอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นส่วนหนึ่งของสมการแห่งอำนาจอย่างปราศจากความสงสัย
จีนขยับตัวอย่างเปิดเผยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์
ด้วยการพยายามพูดคุยกับทั้งรัฐบาลเผด็จการทหารและกลุ่มต่อต้าน
โดยเฉพาะทางภาคเหนือของพม่าที่มีพรมแดนติดกับจีน
เดือนที่แล้ว องค์การสหประชาชาติประเมินว่าสงครามกลางเมืองพม่าได้ส่งผู้ลี้ภัยหลายพันคนหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และทำให้ผู้คนเกือบ 2 ล้านคนในเมียนมาต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น
สถานการณ์ในเมียนมาที่เสียหายจากสงครามยังคงเสื่อมทรุดลงตามลำดับ...ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีการแข่งขันระหว่างอินเดียและจีน
แต่การแก้ปัญหาความขัดแย้งในพม่าอาจยังกำหนดความสมดุลทางอำนาจของภูมิภาคอีกด้านหนึ่งได้เช่นกัน
อินเดียเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูประชาธิปไตยในพม่า
แต่หลังฉากแล้ว อินเดียก็ยังคงพัวพันกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนในการเมืองของพม่า
รายงานของสหประชาชาติอีกฉบับเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ระบุว่า หน่วยงานของอินเดียได้ส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทหารไปยังเมียนมามูลค่าไม่น้อยกว่า 1,800 ล้านบาท นับตั้งแต่รัฐบาลเผด็จการทหารเข้ายึดอำนาจ
ไม่นานมานี้ นิตยสาร Frontier Myanmar ในย่างกุ้ง ระบุว่า บริษัท อินเดียน ออยล์ คอร์ป ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจและเป็นที่รู้จักกันดีว่าเคยส่งเสบียงให้กับกองทัพเมียนมามาตลอด ได้ขายน้ำมันเชื้อเพลิงมูลค่ากว่า 130 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลเกรดกองทัพเรือมากกว่า 52 ล้านบาทให้กับผู้ที่ใช้ชื่อพม่าว่า "ท่านอาจารย์"
นับตั้งแต่บริษัทในเครือข่ายนี้เชื่อมโยงทางการค้ากับเมียนมาเริ่มตั้งแต่ปี 2560 ได้มีการจัดส่งเชื้อเพลิง น้ำมัน น้ำมันเบนซิน และวัสดุที่เกี่ยวข้องมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านบาทไปยังพม่า
โดยมีบริษัทปลายทางชื่อเมียนมาเคมีและเครื่องจักรกล
ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนายหน้าค้าอาวุธให้กับรัฐบาลเผด็จการทหารและพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย
เป็นที่มาของการที่บริษัทนี้ถูกสหรัฐฯ แคนาดา และอังกฤษคว่ำบาตรมาตั้งแต่ปี 2565
บริษัท อินเดียน ออยล์ คอร์ป หยุดจัดส่งผลิตภัณฑ์กลั่นน้ำมันให้กับบริษัทเมียนมาไม่นานหลังจากการประกาศคว่ำบาตร แต่แหล่งข่าวภายในแจ้งว่าก็ยังคงส่งน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป
หลีกหนีไม่พ้นว่าเมียนมาเสี่ยงต่อการตกเป็นเบี้ยในการแข่งขันหมากรุกเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่มี “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย”
นักวิเคราะห์บางสำนักมองว่าอินเดียจะรุกคืบด้านต่างๆ ในพม่าเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับว่าจีนจะมีความคึกคักในพม่าเพียงใดเช่นกัน
เพราะต่างฝ่ายต่างก็เฝ้ามองอีกฝ่ายหนึ่งอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
แต่ตัวแปรสำคัญนั้นคือสถานการณ์สู้รบในภาคสนามระหว่างฝ่ายกองทัพกับฝ่ายต่อต้าน
และในหลายๆ กรณีทั้งจีนและอินเดียก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะกำหนดได้มากนัก
ที่สำคัญคือรัฐบาลทหารไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ การเมือง และเศรษฐกิจของอินเดียในเมียนมา รวมถึงตามแนวชายแดนด้วยแต่อย่างใด
อินเดียอาจจะกำลังพิจารณาเปิดช่องทางติดต่อกับฝ่ายต่อต้าน หลังจากเห็นจีนเข้ามาเล่นบทเป็น “คนกลาง” ระหว่างฝ่ายรัฐบาลและต่อต้านในพม่า
และอาจจะต้องถอยห่างจากรัฐบาลทหารพม่าให้มากขึ้น
เพราะไหนๆ อินเดียก็เป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีประชากรมากที่สุดในโลก การสนับสนุนฝ่ายต่อต้านเผด็จการในพม่าย่อมจะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่า
ฝ่ายจีนนั้น บทบาทในพม่าชัดมากขึ้นทุกวัน
แต่การสนับสนุนของปักกิ่งต่อรัฐบาลทหารพม่าใช่จะไร้เงื่อนไขเสียเลยทีเดียว
หากฝ่ายใดแสดงความพร้อมที่จะปกป้องผลประโยชน์ของจีนในพม่า ฝ่ายนั้นย่อมจะได้รับความเห็นใจจากปักกิ่งเพิ่มขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้
นั่นไม่ได้หมายความว่าจีนพร้อมจะยืนข้างเดียวกับฝ่ายต่อต้าน เพราะอย่างไรเสียปักกิ่งก็ยังไม่เห็นประโยชน์ของการผลักไสให้มิน อ่อง หล่าย ตกจากเก้าอี้...ตราบที่เขายังพูดภาษาเดียวกับจีน
ในอีกแง่หนึ่ง จีนอาจไม่ได้มองอินเดียไปคู่แข่งในกรณีพม่ามากเท่าสหรัฐฯ ด้วยซ้ำไป
แต่ประเด็นที่เพื่อนบ้านพม่าทุกประเทศมีความกังวลตรงกันคือ นอกจากผู้ลี้ภัยแล้วยังมีการพบเห็นกองทหารของรัฐบาลทหารพม่าหลบหนีเข้าอินเดีย จีน และไทยอีกด้วย
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สถานการณ์บริเวณชายแดนพม่าติดกับอินเดียย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือดในเดือนพฤศจิกายน
นิวเดลีแจ้งคนอินเดียหลีกเลี่ยงการเยือนเมียนมาโดยไม่จำเป็น และเตือนชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในประเทศอยู่แล้วให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง
เมื่อเร็วๆ นี้ เครื่องบินทหารของเมียนมาลำหนึ่งบินเกินรันเวย์ที่สนามบินเลงปุย ในรัฐมิโซรัม ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 14 คนบนเครื่อง เครื่องบินลำดังนี้ไปปรากฏที่นั่นเพื่อส่งทหารที่หลบหนีออกจากเขตความขัดแย้งกลับประเทศ
ตามรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่นของเมียนมา ทหารกว่า 250 นายได้ข้ามเข้าไปในอินเดียในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว หลังจากกลุ่มต่อต้านติดอาวุธเข้ายึดการควบคุมด่านหน้าของทหารใกล้ชายแดน
รัฐบาลอินเดียจึงมีภารกิจต้องส่งกลับพม่าไป
จะเห็นว่าจีนและอินเดียต้องวางกลยุทธ์ต่อพม่าด้วยสายตาที่ต้องเหลือบไปเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของจีนตลอดเวลาเช่นกัน
ความหมายของคำว่า “ภูมิรัฐศาสตร์” ไม่มีอะไรชัดเท่านี้แล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ