แล้วก็เป็นไปตามโหราพยากรณ์ที่ได้เคยเปิดฤกษ์เอาไว้ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สส.บัญชีรายชื่อ และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) จะได้เริงร่ากับการหลุดพ้นจากเรื่องถือครองหุ้นไอทีวีได้แค่สัปดาห์เดียว เพราะสัปดาห์ต่อมาอาจต้องเอาตีนก่ายหน้าผากตัวเอง ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทำนายทายทักไว้ โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเอกฉันท์ระบุว่า การกระทำของ “พิธา-ก้าวไกล” เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ...๐
นอกจากนั้นศาลยังสั่งให้ “พิธา-ก้าวไกล” เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย เรียกว่า ตอกฝาโลงในเรื่องแก้มาตรา 112 ไปได้
ซึ่งอาจจะหมายรวมถึงการนิรโทษกรรมในคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ด้วย ...๐
งานนี้ต้อง บันทึกชื่อของ “ฮีโร่” ตัวจริงก็คือ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ซึ่งเป็นผู้ร้องเรื่องดังกล่าว รวมทั้ง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่าน ได้แก่ “วรวิทย์ กังศศิเทียม-นครินทร์ เมฆไตรรัตน์-ปัญญา อุดชาชน-อุดม สิทธิวิรัชธรรม-วิรุฬห์ แสงเทียน-จิรนิติ หะวานนท์-นภดล เทพพิทักษ์-บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์-อุดม รัฐอมฤต” ไว้ในหัวใจของผู้รักชาติรักสถาบันด้วย ...๐
หากใครได้ฟังคำแถลงด้วยวาจา ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าเอกสารแถลงข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญด้วยแล้ว ต้องบอกว่าเป็นการลอกเปลือกส้มออกมาให้สังคมเห็นกันชัดเจนถึงเป้าหมายอย่างแท้จริงแบบไม่มีกั๊กแต่ประการใด อาทิ “มีเจตนามุ่งหมายแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ” “ผู้ถูกร้องทั้ง 2 ต้องการลดทอนการคุ้มครองสถาบันฯ ลง โดยผ่านร่างกฎหมาย และอาศัยกระบวนการทางนิติบัญญัติอาศัยความชอบธรรมซ่อนเร้นผ่านสภา” “เป็นการใช้นโยบายพรรคโดยนำสถาบันฯ หวังผลคะแนนเสียง และประโยชน์ในการชนะเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันฯ อยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งกับประชาชน ทำให้สถาบันฯ เป็นฝักใฝ่ ต่อสู้ แข่งขัน หรือรณรงค์ทางการเมือง อันอาจนำมาซึ่งการโจมตี ติเตือน ไม่คำนึงหลักการพื้นฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” “พรรคก้าวไกลเป็นกลุ่มการเมืองมีอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงแก้ไข ยกเลิกบทบัญญัติกฎหมายที่คุ้มครองสถาบันฯ” ...๐
ต้องบอกว่าเล่นเอา “ส้มสะดุ้ง” กันเป็นทิวแถว ที่สำคัญงานนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังได้อธิบายชัดๆ ถึงคำว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และคำว่า “เสรีภาพ” ที่พรรค ก.ก.มักอ้างอยู่เสมอๆ ด้วย โดยในเรื่อง “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นั้น ศาลระบุว่าประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 2 ประการ คือ 1.ระบอบประชาธิปไตย และ 2.พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คำว่าระบอบประชาธิปไตยเป็นรูปแบบการปกครองที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ส่วนพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการให้ความหมายประมุขของรัฐว่า ประเทศปกครองโดยมีประมุขของรัฐรูปแบบพระมหากษัตริย์ โดยหลักการตามรัฐธรรมนูญมุ่งหมายให้หลักการและคุณค่าทางรัฐธรรมนูญ ที่รองรับการดำรงอยู่ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มิให้ล้มเลิก หรือสูญเสียไป ส่วนการใช้สิทธิหรือเสรีภาพนั้น ศาลก็ตีแผ่กันให้เห็นจะจะว่าต้องสอดคล้องกติการะหว่างประเทศ ไว้ 3 ข้อ คือ 1.ต้องไม่กระทบความมั่นคงปลอดภัยต่อชาติ 2. ต้องไม่กระทบความสงบเรียบร้อย และ 3.ต้องไม่กระทบสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ...๐
นี่ยังไม่นับกรณีศาลกรีดเล็กๆ ในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนว่าด้วยการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งมีทั้งยกรายชื่อของตัวตึงทั้งหลาย รวมถึงบรรดานายประกันหน้าเก่าในคดี 112 ซึ่งดาบแรกก็จบไปแล้ว ตอนนี้ก็ต้องดูว่า 6 อรหันต์แห่งคณะกรรมการการเลือกตั้งจะเดินหน้าเรื่องดังกล่าวอย่างไรและรวดเร็วเพียงไหน เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นผูกพันทุกองค์กร บรรทัดนี้จึงต้องขอจารึกชื่อ กกต.ทั้ง 6 ไว้เพื่อรอดูผลงาน ซึ่งประกอบด้วย “อิทธิพร บุญประคอง-สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์-ปกรณ์ มหรรณพ-เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ-ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ-ชาย นครชัย”…๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
22 พ.ย. ลุ้น ผลการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะ “รับ-ไม่รับ” คำร้องของ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ให้ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “พรรคเพื่อไทย” หยุดพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง จาก 6 กรณี ดังนี้ หนึ่ง “ทักษิณ” ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
บันทึกหน้า 4
ต้องเรียกว่า “พุธพิพากษา” ของแท้ โดยเฉพาะศาลอาญาที่ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และมารดาผู้เสียชีวิตร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง “สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์” หรือ “แอม ไซยาไนด์” อายุ 36 ปี
บันทึกหน้า 4
ควันหลงการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่ นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ. สังกัดพรรคเพื่อไทย (พท.)
บันทึกหน้า 4
สมรภูมิเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ในวันที่ 24 พ.ย. ไม่เพียงแค่ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนในสนามท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการหยั่งกระแสของทั้งสองฝ่ายในเวทีใหญ่ทางการเมืองอีกด้วย โดยเฉพาะทัพแดงนั้นแพ้ไม่ได้
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันครึ้มฟ้าครึ้มฝนจากผลกระทบปลายๆแถวพายุหม่านยี่ เสียงฟ้าร้องฟ้าคะนองอาจจะไม่มี แต่เสียงอื้ออึง "ทักษิณ" กลับมาแล้ว
บันทึกหน้า 4
เสือกทุกเรื่อง! ตำแหน่งใหม่ที่ "นายใหญ่" เพื่อไทย ศาสดาเสื้อแดง ภูมิใจสถาปนาตัวเองกลางวงปราศรัยใหญ่เมืองอุดร หวังเฉไฉปัดข้อหาเจ้าของพรรคและครอบงำลูกสาว