ล้วงคอตำรวจ

แค่แพลมๆ ออกมาว่ากระทรวงศึกษาธิการจะขอความร่วมมือ "ตำรวจ" ดูแลความปลอดภัยโรงเรียน แทนครูที่เข้าเวรยามโรงเรียน หลังจากเกิดเหตุครูผู้หญิงเข้าเวรแล้วถูกคนนอกเข้ามาทำร้าย ก็เกิดประเด็น "ดรามา" ในแวดวง "สีกากี" ในทำนองมีกำลังไม่เพียงพอ มีงานล้นมืออยู่แล้ว หากจะให้ไปเข้าเวรยามโรงเรียนอีก จะเป็นการเพิ่มงานหนักขึ้น จน บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องออกมาแจกแจงว่า กระทรวงศึกษาธิการมีหนังสือมาถึง ผบ.ตร. ขอความร่วมมือจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจดูแลความปลอดภัย และติดตั้งตู้แดงประจำสถานศึกษา  สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ฝ่ายป้องกันปราบปราม ประชุมหารือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 

เพื่อกำหนดรูปแบบการทำงานร่วมกันในการดูแลความปลอดภัย โดยจะหารือการแก้ปัญหาระยะสั้นในการออกตรวจตราของตำรวจ ร่วมกับ อปพร. อาสาสมัครชุมชน หมู่บ้าน รวมทั้งปัญหาระยาวในเรื่องการติดตั้งกล้อง CCTV การเพิ่มงบประมาณต่างๆ  เพื่อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมต่อไป "ไม่ใช่การไปเข้าเวรประจำโรงเรียนแทนครู" ขอให้เหล่าสีกากีเข้าใจตรงกันเด้อ...แต่ถ้าจะให้เสนอผู้ที่เกี่ยวข้องหากอยากให้ตำรวจไปดูแล ก็ลองยึดโมเดล "ร้านทอง" ดูซิ เห็นมีตำรวจไปนั่งเฝ้าเกือบทุกร้าน ไม่เห็นมีตำรวจคนไหนออกมาบ่นว่ามีกำลังน้อย มีงานเยอะ กันซักราย ๐

ภาพพจน์ "สีกากี" ในสายตาชาวบ้าน หากไม่ดีขึ้นในยุคนี้ ก็ไม่รู้จะไปดีขึ้นในยุคไหน เพราะแง้มไปดูทีมโฆษกตำรวจ ยุค ผบ.ต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กุมบังเหียนแม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน มีทีมทำงานกันเกือบโหล ตั้งแต่ที่ ผบ.ต่อรับหน้าที่ ก็เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ  ผบก.ประจำ บช.ก. และ พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รอง ผบก.ส.2 มาทำหน้าที่ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผนึกกำลังร่วมงานกับโฆษกกอล์ฟ ที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุค  ผบ.เด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เป็น ผบ.ตร.  ตอนนี้ "ผบ.ต่อ" ก็แต่งตั้งเพิ่มอีก 4 ราย โดย พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รอง ผบก.อก.บช.ภ.6 เป็น รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วน พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ ศุภพนารักษ์ รองผบก.น.3 บช.น., พ.ต.อ.คมสพัสส์ ทองคำนิธิวิรากุล ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส. บช.น. และ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ จอนนี่ มือปราบ ผบ.หมู่งาน ป. กก.สส.ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี มาเป็นคณะทำงานโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ การปฏิบัติหน้าที่ราชการในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพ ๐

โดนล้วงคองูเห่าขนาดนี้ แค่ออกมาประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน กรณีมีคนร้ายปลอมแปลงเบอร์หมายเลข 191 ที่ใช้ในการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายของทางตำรวจ เพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินของเหยื่อ ซึ่งนับวันจะมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ตามที่ บิ๊กหวาน-พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศปอส.ตร. ออกมาแสดงความห่วงใยประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ ด้วยการเตือนภัยพฤติการณ์คนร้าย และจุดสังเกตของคนร้ายเพื่อให้รู้เท่าทันกลโกงและไม่ตกเป็นเหยื่อของคนร้าย ที่มักโทร.หาเหยื่อโดยตอนที่โทร.เข้ามาเบอร์ที่แสดงบนเครื่องโทรศัพท์ของเหยื่อจะแสดงหมายเลข 191 หรือแสดงเป็นเบอร์ที่ใกล้เคียงกับ 191 เช่น + 191, 1-9-1, 0191 และ 191 จากนั้นคนร้ายจะแจ้งเหยื่อว่าเหยื่อตกเป็นผู้ต้องสงสัยและมีความเกี่ยวข้องในคดีที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นคนร้ายจะให้เหยื่อเพิ่มเพื่อนในไลน์ โดย Account ที่สร้างขึ้นมาจะใช้รูป Profile  และชื่อตำรวจ เพื่อที่จะส่งเอกสารทางราชการและหลักฐานปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นมาไว้สำหรับหลอกลวง พร้อมกับแต่งกายเครื่องแบบตำรวจในระหว่างที่วิดีโอคอลหาเหยื่อ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ คนร้ายจะสั่งให้เหยื่อโอนเงินไปที่บัญชีของคนร้าย อ้างว่าเพื่อทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเหยื่อ และกล่อมเหยื่อว่าถ้าหากเหยื่อยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่คนร้ายอ้าง ให้ดำเนินการตามที่คนร้ายสั่งเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ สุดท้ายเมื่อเหยื่อโอนเงินไป  เหยื่อก็ไม่ได้รับเงินคืนอีกเลยนั้น ดูท่าคงไม่พอเสียแล้ว เพราะขนาดตำรวจยังถูกนำชื่อมาใช้ นำชื่อมาหลอกประชาชนได้ หากไม่รีบตามจับ ไม่รีบดำเนินคดี มิจฉาชีพพวกนี้ก็จะยิ่งได้ใจ หาก "ตำรวจ" จับกุมไม่ได้ก็คงไม่ใช่คองูเห่า จะกลายเป็นคองูเขียว ให้คนร้ายหัวเราะเยาะได้นะ..จะหาว่าไม่เตือน ๐

คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณฯ เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนที่ ปลัดกระทรวงกลาโหมนำผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพเข้าชี้แจงแบบยกแผง เหล่าทัพที่โดนบี้หนักที่สุดก็คือ กองทัพเรือ ส่วนใหญ่เป็นประเด็นติดพันจากโครงการที่ยังเดินหน้าไม่ได้ ทำให้ “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง  พันธ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ต้องรับบทหนักชี้แจงหลายเรื่อง แต่เรื่องก็ยังไม่จบง่ายๆ เพราะมีข้อมูลวงในไหลมาที่ก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง และแต่ละเรื่องก็เป็นประเด็นที่มีคำถามน่าฉงนสงสัยอยู่เหมือนกัน อย่างกรณีที่ “ชยพล  สท้อนดี” สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ ตั้งโต๊ะแถลงเปิดเอกสารจากคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย หรือจัสแม็ก ทวงถามกองทัพเรือมาเป็นครั้งที่ 2 กรณีการกู้ซากเรือหลวงสุโขทัย เพื่อให้จัสแม็กไทย ส่งรายงานกลับไปที่ทางการสหรัฐฯ และข้อท้วงติงในการเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามากู้เรือโดยที่สหรัฐฯ ยังไม่อนุญาต ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า “บริษัท น.” มีพันธมิตรร่วมดำเนินการ เป็นบริษัทที่เชื่อมโยงกับมหาอำนาจอีกฟากด้วย ๐

ที่น่าสนใจคือการเปิด “ไทม์ไลน์” การส่งหนังสือจากจัสแม็กเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 66 หลังเรือหลวงสุโขทัยอับปางลงประมาณกว่า 1 เดือน ไปยังหน่วยงานของกองทัพเรือที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ มีรายละเอียดให้ชี้แจง 8 ข้อ พร้อมแนบเอกสารข้อตกลงทางด้านการทหาร จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกเกือบ 1 ปี คือวันที่ 1 ธ.ค. 67 จึงมีหนังสือเตือนมาอีกครั้ง   ซึ่งเป็นช่วงที่ ทร.เดินหน้าหาเอกชนเข้าดำเนินการกู้เรือรอบใหม่ เพราะรอบแรกมีปัญหาถูกร้องเรียน โดยมีกระแสข่าวว่า  “บิ๊กดุง” ถึงขนาดต้องเรียกประชุมด่วน ก่อนให้กรมส่งกำลังบำรุงติดต่อประสานงานกับจัสแม็กไทย ไฟเขียวเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้ามาสำรวจ โดยจะเป็นช่วงจังหวะการฝึกคอบร้าโกลด์ที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ.นี้ ตามกำหนดการที่กองทัพไทยได้เปิดเผยหลังการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ที่มี พล.อ.ทรงวิทย์  หนุนภักดี ผบ.ทสส. มาประชุมที่กองทัพบก ว่าการฝึกในรูปแบบ เฮฟวีเยียร์ ปี 2024 ใช้พื้นที่ฝึกของกองทัพภาคที่ 1  และพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ๐

“บิ๊กดุง” บอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ 5 ร่างของ “ลูกน้อง”  ที่ยังไม่พบหลังจากเรืออับปาง ถ้าครั้งนี้ได้สหรัฐฯ ซึ่งมีอุปกรณ์และความเชี่ยวชาญในการสำรวจมาช่วย ก็มีความหวังว่าจะได้พบร่างที่เหลือ และจะไขปริศนาข้อมูลของเรือล่มส่งให้คณะกรรมการฯ สรุปผล ตอบคำถามครอบครัวผู้สูญเสียได้ทุกแง่มุม เพราะแม้เวลาจะล่วงเลยมานาน แต่เมื่อมีการย้อนเหตุการณ์ต่างก็ยังสะเทือนใจกับเหตุที่เกิดขึ้นด้วยกันทั้งนั้น แม้แต่ในช่วงประกาศผล “จักรดาวสดุดี” ที่ปีนี้ได้มอบให้  “ต้นเรือพลับน.ต.พลรัตน์ สิโรดม นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 50 ต้นเรือหลวงสุโขทัย ซึ่งได้ทำหน้าที่ช่วงวิกฤตตอนนั้น เข้าช่วยกำลังพลที่ไม่มีชูชีพให้ขึ้นจากน้ำได้ขึ้นเรือที่เข้ามาช่วย แต่ว่าตนเองกลับเสียชีวิต ทำให้บรรยากาศช่วงเปิดวีดิทัศน์เล่าถึงประวัติในหอประชุมโรงเรียนเตรียมทหาร เต็มไปด้วยความเศร้าสลด โดยมีพี่ชายมารับรางวัลแทนบิดา

พูดถึงงานมอบรางวัลเกียรติยศจักรดาวในปีนี้เงียบเหงาพอสมควร อาจเป็นเพราะปีนี้ทหารไม่ได้นั่งเก้าอี้ นายกฯ และ รมว.กลาโหม กรรมการมูลนิธิฯ จึงได้เชิญ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา และอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด มาเป็นประธานแทน ที่เหนียวแน่นคือ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นใหญ่ๆ ที่ใช้โอกาสนี้มาพบปะเพื่อนร่วมรุ่น ย้อนรำลึกความเป็นนักเรียนทหารด้วยกัน แต่ที่น่าสังเกตคือปีนี้ เตรียมทหารรุ่น 10 และเตรียมทหารรุ่น 12 ที่มีตัวละครเข้าไปเกี่ยวข้องในประวัติศาสตร์การเมือง มีสมาชิกในรุ่นมาร่วมงานไม่กี่คนเท่านั้น ไม่คึกคักอย่างที่คาดการณ์ ๐

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ

โชคดี...ที่ตายก่อน!!!

เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง

ปรับฮวงจุ้ยหรือ?

ไม่รู้จะเป็นเรื่องฮวงจุ้ยหรือกลัวฟ้า กลัวฝน กลัวไฟจะชอร์ตกันแน่ เพราะตั้งแต่ ผบ.ต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม่ทัพใหญ่สีกากี กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่

หรือจะรอให้ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว

สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเรามีอาการน่าเป็นห่วง เพราะคนรักชาติที่มีอยู่มากกว่าคนชังชาติทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนหมู่มากที่นิ่งเฉย (Passive Majority) ทำได้อย่างมากก็คือ

อนุสติจากไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย!!!

อย่างที่ว่าไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละว่า...โดยความเป็นไปของ กฎเกณฑ์ธรรมชาติ หรือจะเรียกว่า กฎวิทยาศาสตร์ ไปจนถึง กฎของพระผู้เป็นเจ้า