ถ้าจีนกับเกาหลีเหนือเดินหน้าเสริมสร้างแสนยานุภาพทางอาวุธขีปนาวุธอย่างที่เห็นอยู่ในขณะนี้ ประเทศต่างๆ ในย่านนี้จะต้องเตรียมตัวตั้งรับอย่างไร
รายงานของ IISS ล่าสุดวิเคราะห์ถึง “ภัยคุกคาม” อันเกิดจากศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของประเทศที่เพิ่มงบประมาณด้านการพัฒนาอาวุธของสองประเทศนี้อย่างน่าสนใจ
สถาบันวิจัยแห่งนี้ชื่อเต็มว่า The International Institute for Strategic Studies เป็นหน่วยงานศึกษาค้นคว้าเรื่องความมั่นคงสากล ความเสี่ยงด้านการเมืองและความขัดแย้งด้านการทหาร
หัวข้อของรายงานฉบับนี้คือ: ความสามารถในการโจมตีระยะไกลในเอเชีย-แปซิฟิก: ผลกระทบต่อเสถียรภาพของภูมิภาค
โดยชี้ว่า หลายประเทศมีความพยายามที่สำคัญทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อรับหรือขยายความสามารถในการโจมตีระยะไกล
นั่นคือ การมองว่าอาวุธที่จะสู้กันในศึกสงครามหากเกิดขึ้น จะเป็นการโจมตีระยะไกลมากขึ้น
รายงานใหม่นี้ตรวจสอบศักยภาพที่มีอยู่ และที่วางแผนไว้ของผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคนี้
และประเมินแนวทางความร่วมมือของสหรัฐอเมริกาที่โยงกับเสถียรภาพของภูมิภาค
ที่น่ากังวลคือ คลังแสงขีปนาวุธที่กำลังขยายตัวเติบโตในอัตราทวีคูณในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
เพราะประเทศต่างๆ พยายามที่จะปรับเปลี่ยน หรือไม่ก็รักษาสมดุลทางอำนาจของภูมิภาคแถบนี้
จีนกับเกาหลีเหนือเป็นสองประเทศที่มีความคึกคักในการสั่งสมอาวุธพิสัยไกล
ขีปนาวุธของจีนและเกาหลีเหนือที่เพิ่มขึ้นมา พร้อมกับพฤติกรรมที่เป็นเชิงรุกหนักขึ้นของปักกิ่ง
และวาทกรรมดุดันของเปียงยางที่มีการทดสอบระบบขีปนาวุธบ่อยครั้ง กำลังมีผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาคและผลักดันให้ประเทศอื่นๆ ยกระดับความสามารถในการโจมตีระยะไกลของตนเองในการตอบสนอง แม้ว่างบประมาณและศักยภาพด้านอื่นๆ จะไม่สามารถเทียบได้กับจีนก็ตาม
ประเทศต่างๆ เหล่านี้อาจจะไม่ได้พัฒนาขีปนาวุธประเภทที่คล้ายคลึงกับที่จีนและเกาหลีเหนือครอบครองอยู่ในขณะนี้ แต่การมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการโจมตีระยะไกล ได้ส่งผลให้เกิดการแข่งขันทางอาวุธในระดับภูมิภาค ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงสูงขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้
และดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาชะลอการแข่งขันด้านนี้ได้มากนัก เพราะความระแวงสงสัยต่อกันมีสูงขึ้นตลอดเวลา
จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ทุกประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก จะยังคงขยายคลังแสงของตนทั้งในแนวนอนและแนวตั้งจากนี้ไป
เห็นได้ชัดว่า จีนและเกาหลีเหนือพยายามสร้างดุลถ่วงด้านอาวุธกับประเทศอื่นๆ ในย่านนี้ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ซึ่งก็กำลังพยายามจะรักษาดุลเดิมไว้ให้ได้มากที่สุดและนานที่สุด
ซึ่งไม่มีอะไรรับรองได้ว่า สถานการณ์การแข่งขันสร้างอาวุธอย่างนี้จะเข้าสู่จุดที่ต่างฝ่ายต่างยอมระงับยับยั้งได้ เพื่อป้องกันไม่ได้เกิดภาวะความตึงเครียดจนถึงขั้น “ประเมินผิด” ต่อกันและกัน
อันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เกิดการเผชิญหน้าทางทหารได้
ออสเตรเลียได้เดินหน้าลงทุนในการพัฒนาความสามารถในการโจมตีระยะไกล
แสดงให้เห็นถึงการปรับท่าทีการป้องกันของประเทศนี้ หลังจากสนับสนุนปฏิบัติการในตะวันออกกลางและแปซิฟิกใต้ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
ความสามารถขั้นสูงหลายประการที่ออสเตรเลียแสวงหา และพัฒนาเป็นส่วนสำคัญของข้อตกลงไตรภาคีของ AUKUS กับอังกฤษและสหรัฐฯ
แต่บางส่วนอาจต้องใช้เวลานานกว่าทศวรรษจึงจะบรรลุผล
ระหว่างนี้เพื่อส่งเสริมมาตรการป้องปราม ออสเตรเลียกำลังจัดหาความสามารถในการโจมตีระยะไกลหลายประเภทจากพันธมิตรของตนด้วย
ญี่ปุ่นก็ไม่ได้นิ่งเฉย กำลังพยายามจะเสริมสร้างอาวุธที่มีความสามารถในการโจมตีภาคพื้นดินระยะไกล
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สำหรับประเทศที่ไม่มีความสามารถในการโจมตีเชิงรุกอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
เป้าหมายคือญี่ปุ่นจะได้สร้างศักยภาพทางทหารของตน เพื่อแบ่งเบาภาระของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ แม้จะมีข้อจำกัดด้านรัฐธรรมนูญบ้างก็ตาม
เกาหลีใต้ยังคงขยายและกระจายความสามารถในการโจมตีระยะไกลของตนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมการสำหรับการรุกรานของเกาหลีเหนือ
หนึ่งในแนวทางใหม่ของเกาหลีใต้คือ การละทิ้งแนวปฏิบัติก่อนหน้านี้ซึ่งจำกัดระยะและขนาดหัวรบของขีปนาวุธที่เกาหลีใต้สามารถพัฒนาได้
วันนี้เกาหลีใต้สร้างความพร้อมด้านนี้ของตัวเองอย่างก้าวกระโดด เพราะภัยคุกคามจากทางเหนือมีความเด่นชัดมากขึ้นทุกวัน
ไต้หวันก็ตื่นตัวเรื่องนี้ไม่น้อย
เกาะแห่งนี้ได้นำเข้าขีปนาวุธต่อต้านเรืออย่างต่อเนื่องจากสหรัฐอเมริกา
สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่แปรปรวนของไต้หวัน ในฉากทัศน์ที่อาจถูกจีนรุกรานได้ตลอดเวลา
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิลิปปินส์และเวียดนามกำลังดำเนินโครงการสร้างสมรรถนะการโจมตีระยะไกลของตนเอง แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็ตาม
ขณะนี้แนวทางการสร้างเสริมศักยภาพด้านนี้ ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาขีดความสามารถต่อต้านเรือรบในทะเลที่อาจเกิดความขัดแย้งได้
ส่วนใหญ่เป็นการตอบสนองต่อพฤติกรรมของจีนในทะเลจีนใต้ และข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่กำลังดำเนินอยู่
แต่ในอนาคต ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนามอาจพัฒนาหรือจัดหาความสามารถขั้นสูงเพิ่มเติม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาคนี้เริ่มจะคลอนแคลนหนักขึ้น
แน่นอนว่าประเทศต่างๆ เหล่านี้จะต้องเพิ่มศักยภาพด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องพร้อมกันไปด้วย
รวมถึงความสามารถในการหาข่าวกรองในอวกาศ และความสามารถในการเฝ้าระวังและการลาดตระเวน รวมทั้งการบังคับบัญชาร่วม
โดยสหรัฐฯ ยังเป็นแหล่งพึ่งพาในเรื่องนี้อยู่ดี
ในขณะที่จีนแสดงชัดว่ามีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทั่วไป และขีปนาวุธนิวเคลียร์อย่างโดดเด่น
จึงน่ากังวลว่าโลกกำลังย่างเข้าสู่ "ยุคขีปนาวุธ" ใหม่ในเอเชีย-แปซิฟิก ที่อุดมไปด้วยความเสี่ยงอย่างสูง
ที่หลายประเทศกังวลคือ การพัฒนาขีปนาวุธของจีนและเกาหลีเหนือก็มีมิติทางนิวเคลียร์
ซึ่งหากไม่ทำให้การทูตและการเมืองประสบความสำเร็จ ในการเจรจาต่อรองให้หลีกเลี่ยงสงครามทุกรูปแบบแล้วล่ะก็ โอกาสที่จะเกิดสงครามครั้งใหม่ในระดับภูมิภาคมีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ