เปิดมาปี 2024 บรรยากาศรอบ ๆ คาบสมุทรเกาหลีร้อนแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อคิม จองอึนประกาศว่า “สงครามอาจจะไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป”
แม้ว่าคิมจะใช้วาทะดุเดือดต่อสหรัฐฯและเกาหลีใต้มาตลอด แต่แถลงการณ์ช่วงหลังถูกเสริมด้วยการยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง
การตีความว่าผู้นำเกาหลีเหนือเพียงแค่ “แสดงทีท่าดุดันเพื่อเรียกร้องความสนใจจากประชาคมโลกเท่านั้น” อาจจะเป็นการประเมินที่ต่ำเกินจริง
ปี 2024 เริ่มต้นขึ้นด้วยความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบนคาบสมุทรเกาหลีอย่างชัดเจน
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 ที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้กลับมาซ้อมยิงปืนใหญ่ยั่วยุในทะเลตะวันตกอีกครั้ง
กลายเป็น “จุดวาบไฟ” ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
ที่น่ากังวลคือเกาหลีเหนือยังประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในการขยายคลังแสงนิวเคลียร์ด้วยการทดสอบขีดความสามารถขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งของตนเป็นครั้งแรก
สัปดาห์ต่อมา ความตึงเครียดถูกยกระดับขึ้นอีกเมื่อเปียงยางประกาศว่าจะไม่ดำเนินการ “รวมประเทศอย่างสันติ” เป็นเป้าหมายนโยบายหลักอีกต่อไป
ในสุนทรพจน์ต่อสภาประชาชนสูงสุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม คิม จอง อึน ประกาศเสียงดังฟังชัดว่าจะยุติกระบวนการที่จะพยายามปรองดองกับเกาหลีใต้
ด้วยการระบุในรัฐธรรมนูญของเกาหลีเหนือว่าเกาหลีใต้เป็น “ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอันดับหนึ่ง” และ “ศัตรูหลักถาวร”
นอกจากนี้ คิมยังสั่งให้ลบข้อความใดๆ ที่สนับสนุนแนวคิดเรื่องการรวมเป็นหนึ่งอย่างสันติและความสามัคคีในชาติออกจากรัฐธรรมนูญ
อีกทั้งยังสั่งให้ยกเลิกบริการทางรถไฟที่มีอยู่ซึ่งเชื่อมต่อเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้
และให้รื้อหน่วยงานระหว่างสองเกาหลีที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการเจรจา ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของเหนือกับใต้
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเป็นชุดต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย
เดิม เป้าหมายของการดำเนินการรวมชาติอย่างสันติและส่งเสริมความสามัคคีในชาติได้รับการยอมรับร่วมกันว่าเป็นหลักการรวมชาติโดยเปียงยางและโซล
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่คิม “ฉีก” แถลงการณ์ร่วมเหนือ-ใต้ที่ทำขึ้นเมื่อปี 1972 ซึ่งเป็นข้อตกลงลายลักษณ์อักษรครั้งแรกระหว่างเกาหลีทั้งสอง
เปียงยางให้คำจำกัดความใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีในฐานะความสัมพันธ์ที่เป็นปฏิปักษ์อย่างถาวร และมี ทำให้เกิดคำถามว่าเกาหลีเหนือได้ละทิ้งหลักการ "การรวมตัวอย่างสันติ" ในการรวมชาติใช่หรือไม่
เท่ากับว่าเป้าหมายใหม่ของเกาหลีเหนือคือการรวมชาติกับเกาหลีใต้ “ด้วยกำลัง” ใช่ไหม
เกาหลีใต้ก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายตั้งรับเฉย ๆ
ประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล ของเกาหลีใต้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มกราคม เตือนว่าคำขู่ของเปียงยางให้เลือกระหว่าง “สงครามหรือสันติภาพ” จะไม่ได้ผลอีกต่อไป
ผู้นำกรุงโซลย้ำว่าการยั่วยุใดๆ จากฝั่งเกาหลีเหนือจะต้องเผชิญกับการตอบโต้ที่ “รุนแรงกว่าหลายเท่า”
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ชิน วอน-ซิกเสริมด้วยการเตือนว่าการยั่วยุสงครามโดยคิมจะนำไปสู่การสิ้นสุดระบอบการปกครองของเขา
และเรียกแถลงการณ์ของคิมว่าเป็นเพียงแค่ความพยายามที่จะข่มขู่เกาหลีใต้ให้กลัวเท่านั้น
รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ตอบโต้ด้วยการบอกว่าจะเสริมสร้างการป้องปรามพันธมิตรสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าความเป็นปรปักษ์ที่เพิ่มขึ้นจากฝั่งเปียงยางและท่าทีที่ตอบโต้อย่างแข็งกร้าวของกรุงโซลตอกย้ำถึงการ “โหมโรง” สำหรับปีที่อาจเป็นปีที่เป็นอันตรายสำหรับสันติภาพโลก
เกาหลีเหนืออาจมีแรงจูงใจหลายประการในอันที่จะเพิ่มระดับการยั่วยุในปี 2024 นี้
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะจะมีการเลือกตั้งในเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา
จะมีการเลือกตั้งรัฐสภาเกาหลีใต้ในเดือนเมษายนและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน
คิมอาจจะมองปีใหม่นี้เป็นปีที่เขาต้องเร่งกระตุ้นให้สหรัฐฯและเกาหลีใต้เห็นความเร่งด่วนของการที่จะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟลุกท่วมคาบสมุทรเกาหลี
หรืออาจจะหวังว่าแรงกดดันจากเปียงยางอาจจะกระตุ้นความจำเป็นที่จะเจรจาเพราะการเมืองภายในของสหรัฐฯและเกาหลีใต้
แรงจูงใจอีกประการหนึ่งที่คือการที่คิม จองอึนต้องการจะหันเหความสนใจจากปัญหาภายในประเทศซึ่งก็คงเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่ยังเดินหน้าใช้งบประมาณสร้างสมอาวุธอย่างไม่หยุดยั้ง
คล้าย ๆ กับนโยบายจะเน้นไปที่การเตรียมสู้รบกับข้างนอกมากกว่าการดูแลปากท้องของชาวบ้าน
เพราะชาวบ้านไม่มีปากเสียงจะถามไถ่ผู้นำอยู่แล้ว
ยังคงดำเนินต่อไปในเกาหลีเหนือ เปียงยางอาจเผชิญกับความ
เปียงยางยังเดินหน้าเพิ่มความถี่และความรุนแรงของกิจกรรมทางทหารซึ่งรวมถึงการยิงขีปนาวุธและการยิงปืนใหญ่ในทะเลตะวันตก
การที่เกาหลีเหนือและใต้ยิงปืนใหญ่ใส่กันขณะนี้อาจจะถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะไม่ได้ยิงใส่อีกฝ่ายหนึ่งโดยตรงก็ใช่ว่าจะไม่มีอันตราย
เพราะหากพลาดท่าขึ้นมาก็อาจลุกลามและขยายความขัดแย้งโดยไม่ตั้งใจ
เริ่มมีคนกลัวว่าความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ภายใต้การบริหารของยุน เกาหลีใต้ได้ยกระดับการพัฒนาขีดความสามารถในการโจมตีเป้าหมายในเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเพราะนั่นคือภยันตรายซึ่งหน้าที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้หากคิมตัดสินใจจะลุยใส่ทางใต้
เปียงยางได้ประกาศยกเลิกคำมั่นสัญญาที่จะไม่เป็นผู้ยิงนิวเคลียร์ก่อน
โดยอ้างว่าเกาหลีใต้มีท่าทีเป็นปรปักษ์กับตนมากขึ้น จึงมีความจำเป็นที่เกาหลีเหนือต้องปรับทีท่าเช่นกัน
สิ่งที่คิมกลัวที่สุดคือการ “สิ้นสลายของระบอบคิม” ในเกาหลีเหนือ
นั่นอาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้เขาต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างอาวุธเป็นเกราะป้องกันตัวเอง
การที่เกาหลีเหนือขายกระสุนให้กับรัสเซียเพื่อไปทำสงครามยูเครนเป็นอีกสัญญาณหนึ่งว่าคิมต้องการจะแสวงหาพันธมิตรอย่างรัสเซียที่จะปกป้องเขาหากเกิดการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ
ผมเชื่อว่าคิมกำลังรอผลการเลือกตั้งสหรัฐฯในปลายปีนี้โดยลุ้นว่าโดนัลด์ ทรัมป์จะชนะและเกาหลีเหนืออาจจะมีเวลาหายใจมากขึ้น
แน่นอนว่าคิมไม่ได้เตรียมจะยอมจำนนต่อเงื่อนไขของสหรัฐฯแม้ทรัมป์จะกลับเข้าทำเนียบขาว แต่อย่างน้อยคิมก็มั่นใจว่าเขาสามารถ “ใช้” ทรัมป์ให้เล่นเกมการเมืองที่ผ่อนปรนมากกว่า
ทรัมป์เองก็พยายามหาเสียงขณะนี้ด้วยการประกาศว่าเขาจะยุติสงครามยูเครนได้ใน 24 ชั่วโมง
และสามารถจะต่อสายถึงคิม จองอึนได้อีกรอบหนึ่ง
แต่จากวันนี้ถึงวันเลือกตั้งสหรัฐฯยังอีกกว่า 10 เดือน อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ในช่วงนี้
ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีจึงเป็นอีกหนึ่ง “จุดพร้อมปะทุสงคราม” ที่เดินคู่ขนานกับความตึงเครียดรอบเกาะไต้หวันหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา...และความอึมครึมในทะเลจีนใต้ที่ยังร้อนแรงต่อเนื่อง!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ