สามคู่แข่งชิง ปธน.อินโดฯ: นายพล ศาสตราจารย์และนักประชานิยม

หลังการเลือกตั้งไต้หวัน เราก็ต้องติดตามการเลือกตั้งที่อินโดนีเซียซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 14 กุมภาพันธที่จะถึงนี้

เป็นการเลือกตั้งครั้งใหญ่เพราะมีผู้มีสิทธิหย่อนบัตรถึงกว่า 200 ล้านคนในหมู่เกาะ 6,000 แห่งของอินโดนีเซีย

เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญเพราะเลือกทั้งประธานาธิบดีคนใหม่ รองประธาน และสมาชิกของสภาที่ปรึกษาประชาชนทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค

คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศผู้ชิง 3 คู่ สำหรับประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีที่ล้วนมีฐานเสียงที่น่าสนใจ

ก่อนหน้านี้ในการเลือกตั้งปี 2014 และ 2019 มีผู้สมัครเพียงสองคู่

จากซ้าย Ganjar, Prowobo, Anies

การเลือกตั้งปีนี้ถือเป็นการทดสอบความก้าวหน้าด้านพัฒนาประชาธิปไตยของอินโดฯครั้งสำคัญอีกครั้ง

เพราะผู้ลงชิงชัยล้วนเคยลงสมัครรับตำแหน่งมาก่อนหรือได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอำนาจเดิม ๆ

ทำให้เห็นว่าคนอินโดฯไม่มีทางเลือกใหม่ จำต้องเลือกจากนักการเมืองกลุ่มเก่า

ทำให้ไม่สามารถสร้างความหวังว่าจะมีเลือดใหม่ ๆ ให้เลือกเพื่อเข้าไปเขย่าให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

นาทีนี้ คนที่กำลังมีคะแนนนิยมจากโพลทั้งหลายคือชายวัย 72 ที่เคยเป็นนายทหารกำกับหน่วยรบพิเศษชื่อ Prabowo Subianto

ผู้สังกัดพรรค Gerindra (พรรคอินโดนีเซียอันยิ่งใหญ่) และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง

เพราะเขาเคยแข่งกับประธานาธิบดีปัจจุบัน Joko Widodo แต่พ่ายแพ้ทั้งสองครั้งแต่ก็ยอมรับเป็นรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาล

โปรโบโวเคยแต่งงานกับลูกสาวของอดีตผู้นำอินโดฯนายพลซูฮาร์โต

และคราวนี้ก็หาเสียงด้วยการยึดเอานโยบายหลักของโจโกวีหรือที่เรียกขานกันในนาม Jokowinomics ซึ่งเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก

ที่โยงกับโจโกวีเป็นพิเศษก็ตรงที่เอาลูกชายของผู้นำปัจจุบัน Gibran Rakabuming Raka วัย 36 มาร่วมทีมเดียวกันในฐานะรองประธานาธิบดี

กฎหมายอินโดฯห้ามคนอายุต่ำกว่า 40 สมัครตำแหน่งประธานาธิบดีหรือรอง

แต่ศาลรัฐธรรมนูญที่มีน้องเขยของโจโกวีเป็นประธานมีมติยอมให้มีข้อยกเว้นสำหรับกรณีนี้

โดยมีคำวินิจฉัยว่าหากผู้สมัครเคยดำรงตำแหน่งที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าภูมิภาคมาก่อนก็ไม่เข้าข่ายถูกห้าม

ปราโบโวมีประวัติด้านมืดที่ถูกบันทึกไว้มายาวนาน

นั่นคือความเชื่อมโยงกับการลักพาตัวและการหายตัวไปของนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านระบอบเผด็จการของอดีตเผด็จการซูฮาร์โตในช่วงปลายทศวรรษ 1990

รวมถึงข้อกล่าวหาตอนที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษของกองทัพอินโดฯว่าเขาเคยสั่งทหารให้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ รวมถึงกรณีในติมอร์ตะวันออกและปาปัว

เวลานั้นเขาเป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษของกองทัพอินโดนีเซีย

การลงสนามคราวนี้ถือเป็นความพยายามครั้งที่สามของปราโบโวในการชิงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศ

นอกจากจะเคยแพ้โจโกวีสองครั้งแล้วเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จในการสมัครเป็นรองประธานาธิบดีเมื่อปี 2009 ของเมกาวาตี ซูการ์โนปุตรี ซึ่งต่อมาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี

ผู้สมัครคู่แข่งครั้งนี้อีกคนคือ Anies Baswedam แห่งพันธมิตร Change for Unity

อานีส บาสเวดาน เป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยและเป็นผู้เสนอตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง

แต่ก็ได้การรับรองจากพรรคประชาธิปไตยแห่งชาติ ซึ่งเป็นพรรคใหญ่อันดับห้าของอินโดนีเซีย พรรคตื่นรู้แห่งชาติ (PKB) ซึ่งมีฐานอยู่ในกลุ่มอิสลามิสต์ และพรรคอนุรักษ์นิยม Prosperous Justice Party (PKS)

ก่อนที่จะมาทำงานทางการเมือง อานีสเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียง

เรียนจบจากสหรัฐฯ ได้ปริญญาเอกสาขารัฐศาสตร์

อานิสเกิดในครอบครัวนักวิชาการ พ่อแม่เป็นอาจารย์ทั้งคู่ เคยสอนหนังสือและเป็นถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัย

หลังจากที่ประธานาธิบดีโจโกวีได้รับเลือกในปี 2014 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ

 ปี 2017 อานีสชนะการเลือกตั้งผู้ว่าการจาการ์ตาโดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอิสลามิสต์สายเคร่ง

อานีส มีชื่อเสียงในการใช้ประเด็นอัตลักษณ์ทางศาสนาเพื่อดึงดูดการสนับสนุนจากกลุ่มมุสลิมหัวอนุรักษ์

อานีสเลือกมูไฮมิน อิสกันดาร์เป็นคู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี

มูไฮมินเป็นประธานของ PKB ซึ่งมีความสัมพันธ์เหนียวแน่นกับองค์กรมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย Nahdlatul Ulama

กลุ่มนี้มีชื่อเสียงมานานหลายทศวรรษในฐานะองค์กรอิสลามสายกลางที่ส่งเสริมพหุนิยมและความอดกลั้น

 

ผู้สมัครคนที่สามคือ Ganjar Pranowo ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองฝักใฝ่แนวทางประชานิยม

กันจาร์ ปราโนโว เป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชวากลาง ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากเป็นอันดับสามของอินโดนีเซีย

เขาเป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปไตยแห่งการต่อสู้ของอินโดนีเซีย (PDI-P) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

กันจาร์มีคู่หูคือโมฮัมหมัด มาห์ฟุด มาห์โมดิน (ที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ Mahfud MD) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลของโจโกวี

เขาเคยเป็นหัวหน้าผู้พิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ

ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่าโจโกวีจะสนับสนุนกันจาร์ให้เป็นทายาททางการเมืองที่จะสืบทอดตำแหน่งจากเพราะมาจากพรรคการเมืองและบ้านเกิดเดียวกัน

ทั้งคู่ต่างรับเอาวัฒนธรรมชวาในการเมืองของอินโดนีเซียมาเหมือนกัน

วัฒนธรรมดังว่านั้นกำหนดชนชั้นสูงเป็นผู้ปกป้องวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง และชาวชวาก็ครอบงำการเมืองของประเทศมาตั้งแต่สมัยอาณานิคม

นักวิเคราะห์บางค่ายมองว่ากันจาร์เป็นนักการเมืองแนว “ประชานิยม” และเป็นนักการเมืองคนเดียวในยามนี้มีรูปแบบความเป็นผู้นำ "ติดดิน" คล้ายกับโจโกวี

แต่เกิดเรื่องหักมุมทางการเมืองขึ้นมาเพราะลูกชายของโจโกวีตัดสินใจไปร่วมทีมกับปราโบโวเสียแล้ว

จึงเชื่อกันว่าโจโกวีคงเทคะแนนไปให้กับนายพลปราโบโวแล้ว

 กันจาร์ จุดชนวนเสียงเกรียวกราวทั่วประเทศเพราะเขาคัดค้านอย่างแข็งขันต่อการมีส่วนร่วมของทีมฟุตบอลอิสราเอลในการแข่งขันฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ซึ่งควรจะจัดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย

โดยเขาอ้างว่าเขาสนับสนุนสถานะรัฐปาเลสไตน์

ผลที่ตามมาคือทำให้ FIFA เพิกถอนสิทธิ์ความเป็นเจ้าภาพการแข่งขันจากอินโดนีเซียไป

ศึกเลือกตั้งอินโดฯปีนี้จึงน่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ เพราะการแข่งขันค่อนข้างจะดุเดือด

และจะชี้ชะตาของ “มรดกการเมือง” ของโจโกวีอย่างชัดเจน!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ