คงไม่มีประเทศไหนในโลกที่กำหนดกติกาว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเข้าไปนั่งในสภานิติบัญญัติจะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญประการหนึ่ง
นั่นคือต้องพิสูจน์ว่าตนเองเป็น “คนรักชาติ”
แต่เรื่องนี้เกิดที่ฮ่องกงแล้ว และผู้ที่จะตัดสินว่าใครรักชาติหรือไม่อยู่ที่รัฐบาลปักกิ่งเสียด้วย
วันอาทิตย์ที่ผ่านมาฮ่องกงจัดเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ 20 ที่นั่ง จากทั้งหมด 90 ที่นั่ง
มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เพียง 30.2% ทำสถิติต่ำสุดในประวัติศาสตร์ 24 ปี ตั้งแต่อังกฤษยกเกาะแห่งนี้กลับไปให้จีนเมื่อปี 1997
การเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งที่มีการกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติผู้สมัครว่าต้องเป็น “ผู้รักชาติ” ในสายตาของรัฐบาลจีน
ขณะเดียวกันก็มีการปิดกั้นไม่ให้ผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตยลงสมัครได้ด้วย
เพราะถูกทางการจีนตีตราว่า “ไม่รักชาติ”
แรกเริ่มทางการฮ่องกงพยายามกระตุ้นให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ ด้วยการยกเว้นค่าโดยสารรถไฟและรถโดยสารประจำทาง แต่ชาวฮ่องกงส่วนใหญ่กลับใช้โอกาสในการไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แทนที่จะไปใช้สิทธิ์หย่อนบัตรที่คูหาเลือกตั้ง
หญิงรายหนึ่งให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า เธอไม่ไปเลือกตั้ง เพราะอย่างไรเสียเสียงของเธอไม่มีความหมายใดๆ
เพราะสุดท้าย ผู้ชนะก็เป็นคนของรัฐบาลปักกิ่งอยู่ดี
การเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติของฮ่องกงเป็นการคัดเลือกผู้ที่จะมีสิทธิ์เลือกผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงในปีหน้ามีเพียงผู้แทน 20 ที่นั่ง จาก 90 ที่นั่งเท่านั้นที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
ตามแนวทาง “ประชาธิปไตยแบบฮ่องกง” นั้นผู้สมัครทุกคนต้องได้รับการรับรองจากจีนแผ่นดินใหญ่เสียก่อนว่าเป็นผู้รักชาติ จึงจะลงสมัครได้
จะต้องมีประวัติอย่างไร หรือต้องมีความประพฤติอย่างไร ไม่อาจจะบอกล่วงหน้าได้
ตีความได้ไม่ยากนั้น นั่นแปลว่าคนที่สมัครต้องไม่มีความเห็นอยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลกลางที่ปักกิ่ง การเลือกตั้งบนเกาะแห่งนี้ที่มีผู้ใช้สิทธิ์สูงสุดคือเมื่อปี 2016 ครั้งนั้นมีผู้ออกมาหย่อนบัตร 59.29%
แคร์รี หล่ำ ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง บอกว่า การที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์น้อยนั้นเป็นเพราะทางรัฐบาลไม่ได้กำหนดเป้าหมายใดๆ สำหรับสัดส่วนของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งครั้งนี้หรือครั้งก่อนๆ
เธออ้างว่ามีหลายปัจจัยที่จะส่งผลต่อจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ครั้งนี้อาจจะรวมถึงการระบาดของโควิด-19
แต่เธอไม่เอ่ยถึงข้อเท็จจริงที่ว่าคนฮ่องกงจำนวนไม่น้อยบอยคอตการเลือกตั้ง เพราะกติกาที่กำหนดโดยปักกิ่งนั้นขัดกับความต้องการสิทธิ์ที่จะตัดสินชะตากรรมของตนเองของคนฮ่องกง
พอผลเลือกตั้งออกมาอย่างนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรชาติตะวันตกอีก 4 ประเทศก็ออกมาแสดง “ความกังวลอย่างหนัก” เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งล่าสุดในฮ่องกง
เพราะเป็นแนวโน้มที่แสดงถึง “การกัดกร่อนขององค์ประกอบทางประชาธิปไตย” บนเกาะแห่งนี้
โดยเฉพาะเมื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลกรุงปักกิ่งกวาดชัยชนะที่นั่งในสภานิติบัญญัติของเขตปกครองตนเองนี้ไปได้
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พร้อมรัฐมนตรีต่างประเทศจาก ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และอังกฤษ ร่วมลงนามในแถลงการณ์
ซึ่งระบุว่า “การทำการต่างๆ เพื่อบ่อนทำลายสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นเอกราชที่จะปกครองตนเองในระดับที่สูง กำลังเป็นภัยคุกคามต่อความปรารถนาที่ทุกฝ่ายมีร่วมกัน ที่จะเห็นฮ่องกงประสบความสำเร็จดั่งที่เคยได้มาก่อนหน้านี้”
จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีนเมื่อปี ค.ศ.1997 ผู้สมัครรับเลือกตั้งมักจะมาจากมุมมองทางการเมืองที่หลากหลาย แต่ผลการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมากลับ “พลิกสวนกระแสที่ว่านี้อย่างชัดเจน”
ไม่ต้องแปลกใจที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่สนับสนุนจีนได้ชัยชนะอย่างถล่มทลาย
ส่วนผู้เข้าชิงชัยที่เป็นกลุ่มสายกลางและกลุ่มอิสระแพ้ราบคาบ ปักกิ่งไม่ลังเลที่จะประกาศว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้เฉพาะ “ผู้รักชาติ” ที่ภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเท่านั้นที่จะสามารถทำหน้าที่บริหารฮ่องกงได้
ปักกิ่งออก “สมุดปกขาวประชาธิปไตยฮ่องกง” เพื่อจะยืนยันจุดยืนของตนว่า ต่อแต่นี้ไปผู้กำหนดนิยามของประชาธิปไตยในฮ่องกงก็คือปักกิ่ง ไม่ใช่คนฮ่องกง ไม่ใช่สหรัฐฯ หรือยุโรปหรือใครอื่นทั้งสิ้น
อนาคตของเกาะแห่งนี้จึงกำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของจีนอย่างปฏิเสธไม่ได้ ขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยหรือ “สิทธิที่จะกำหนดชะตากรรมของเราเอง” ถูกสลายขั้วไปมากแล้ว
บ้างก็ติดคุก บ้างก็อพยพถิ่นฐาน ที่เหลืออยู่ที่ยังต้องการต่อสู้เพื่อ “ความเป็นตัวของตัวเองของฮ่องกง” ก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในซอกหลืบบนเกาะที่ครั้งหนึ่งเคยมีสีสันและชีวิตชีวาแห่งโลกเสรีอย่างน่าทึ่ง
ใครที่เคยอ่านนิยายหรือดูหนังเรื่อง “โลกของซูซี หว่อง” คงต้องเข้าใจว่ามันเป็นประวัติศาสตร์ไปนานแล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ