สถานการณ์ในพม่าจากนี้ไปจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ
อีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ รัฐประหารในพม่าจะครบ 3 ปี
วันนี้ พม่ายืนอยู่บนทางสองแพร่ง เดินหน้าทำสงครามล้างผลาญกันต่อ หรือเจรจาเพื่อสร้างกติกาและโครงสร้างอำนาจใหม่
ยิ่งเมื่อกองทัพพม่าอยู่ในภาวะที่กำลังเพลี่ยงพล้ำ ฝ่ายต่อต้านสามารถรุกคืบและยึดพื้นที่ของฝ่ายรัฐบาลได้มากขึ้นเพียงใด ความจำเป็นที่จะต้องหาทางออกด้วยการเจรจายิ่งมีความสำคัญมากเพียงนั้น
แต่ลำพังพม่าเองคงหาทางออกร่วมกันได้ยาก เพราะจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างสุดโต่ง
อีกทั้งการประเมินสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายต่างก็ยังเชื่อมั่นในความสามารถของตนในการเดินหน้าทำสงครามต่อไป
อาเซียนยังไม่สามารถจะเข้าไป “อำนวยความสะดวก” เพื่อให้เกิดการหยุดยิงและเริ่มต้นกระบวนการเจรจา
จีนได้พยายามจะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยระหว่าง “พันธมิตรฝ่ายเหนือ” กับรัฐบาลทหาร
แต่แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงกันหลังจากการพบปะสามครั้ง แต่ก็ยังไม่มีอะไรรับรองว่าจะไม่มีการละเมิดคำมั่นสัญญาว่าจะยุติการสู้รบ อย่างน้อยก็ระยะหนึ่ง
เพราะต่างฝ่ายต่างก็กล่าวหากันว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้ทำผิดสัญญาด้วยการโจมตีที่ตั้งของอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว
ไทยเราอยู่ในฐานะที่จะต้องมีบทบาทในการพยายามหาทางออกทั้งในระดับทวิภาคีกับพหุภาคี
คุณปรานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศได้พบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทหารพม่า
เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้นำทหารไทยได้มีการแลกเปลี่ยนกับผู้นำของพม่า
พลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่ายได้ต้อนรับผู้นำทหารไทยหลายคนที่ไปเยือนพม่าในช่วงหลัง
อีกทั้งยังมีการประชุมผ่านออนไลน์ระหว่างพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกับ มิน อ่องหล่ายด้วย
แม้ว่าข่าวทางการของบอกว่าเป็นการพูดจาเรื่องปัญหาชายแดน, ยาเสพติดและคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน แต่เป็นที่รู้ว่ากันว่าฝ่ายความมั่นคงของไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะหาทางน้าวโน้มให้ผู้นำทหารพม่ายอมนั่งลงเจรจากับฝ่ายต่อต้านเพื่อระงับยับยั้งการสู้รบที่ยืดเยื้อและสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับประชาชนขาวพม่ามายาวนาน
คุณปรานปรีย์ได้พบกับตาน ส่วย รัฐมนตรีต่างประเทศของพม่าหลังจากนั้นก็ได้ให้ข่าวว่าไทยหวังว่าแผนใหม่สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ จะเปิดประตูสู่การแก้ไขวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่ดำเนินมายาวนานของเมียนมาร์ในที่สุด
ในการพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศพม่าที่ World Economic Forum (WEF) ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อสัปดาห์ก่อน คุณปรานปรีย์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่ขัดแย้งในพม่าเปิดทางให้รัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ใช่อาเซียน เช่น จีนและอินเดีย และ “ภายนอกอื่นๆ พันธมิตร” เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเพื่อจะได้เข้ามาช่วยผลักดันให้เกิดสันติสุขในพม่าเสียที
รัฐมนตรีต่างประเทศไทยย้ำว่าประเด็นสำคัญที่สุดในยามนี้คือการการสร้างช่องทางสำหรับการเจรจาภายในระหว่างรัฐบาลพม่ากับฝ่ายตรงข้ามภายในเมียนมาร์
นั่นแปลว่าคนข้างนอกจะเข้ามาช่วยได้ก็ต่อเมื่อคู่กรณีทั้งหลายได้มีการเปิดทางพูดจากันเสียก่อน
คนข้างนอกจึงจะสามารถเข้ามาสนับสนุนให้กระบวนการสันติภาพเดินหน้าไปได้อย่างจริงจัง
แปลว่าตราบที่ฝ่ายต่าง ๆ ในพม่าเองยังไม่ยอมพูดคุยกัน ก็คงจะหวังให้ประเทศอื่น ๆ ที่มีความหวังดีเข้ามาทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้ยาก
“สิ่งสำคัญที่สุด เราต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมในแง่ของการเจรจาอย่างแท้จริงและการปรองดองระหว่างทหาร พรรคฝ่ายค้านทั้งหมด และกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธในเมียนมาร์ หากปราศจากสิ่งนี้ก็จะไม่มีสันติภาพที่ยั่งยืน” คุณปานปรีย์แถลง
ด้านหนึ่งรัฐบาลในภูมิภาคได้เรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อยุติความรุนแรงในเมียนมาร์นับตั้งแต่รัฐประหาร คุณปรานปรีย์ก็เชื่อว่าการหารือล่าสุดกับรัฐบาลทหารพม่าอาจนำไปสู่การเจรจาในรูปแบบนี้ได้
เขาทั้งสองคุยอะไรกันเป็นรูปธรรมบ้าง?
คุณปรานปรีย์บอกว่าได้คุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทหาร ตาน ส่วยและตกลงที่จะจัดการกับ “เป้าหมายเร่งด่วน” เป็นอันดับแรก
นั่นคือการการผลักดันให้มีช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นจากความขัดแย้งและคนอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์ และ “เพิ่มเติม ภายในประเทศ”
เชื่อกันว่าคุณปรานปรีย์พบกับตาน ส่วยที่ปักกิ่งเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมปีที่แล้ว
ความสำคัญอยู่ที่ภาคปฏิบัติของการส่งมอบความช่วยเหลือให้กับคนพม่าที่กำลังประสบกับความลำบากเพราะสงคราม
นั่นคือการส่งมอบความช่วยเหลือมนุษยธรรมในเบื้องต้นโดยเริ่มจากสภากาชาดของทั้งสองประเทศก่อน
โดยหวังว่าจากนั้นศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้านการจัดการภัยพิบัติของอาเซียนจะได้รับมอบหมายให้ติดตามวิธีการแจกจ่ายความช่วยเหลือในภายหลัง
“ในความเห็นของเรา ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะนำไปสู่การที่จะดำเนินการตามฉันทามติห้าประการของอาเซียน” รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยกล่าว
มีข้อสังเกตว่าผู้นำทหารพม่าไม่ได้มองเห็นเรื่องความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับคนพม่าเป็นลำดับต้น ๆ ของความร่วมมือกับไทยและอาเซียน
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลทหารพม่าในการประชุมทางไกลเมื่อวันที่ 13 มกราคม พลเอกมิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทยมีการหารือเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันในหัวข้อ “การปราบปรามยาเสพติดและการต่อต้านการก่อการร้าย การกำจัดยาเสพติด การค้าที่ผิดกฎหมาย การแลกเปลี่ยนข้อมูล และความพยายามในการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน”
ไม่ชัดเจนว่าฝ่ายรัฐบาลทหารพม่ายังมุ่งไปทางสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์มากขึ้นหรือไม่
เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ การสูญเสียดินแดนและการควบคุมกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์บริเวณชายแดนจีน-เมียนมาร์ พื้นที่ชายแดนทั้งสองแห่งเป็นแหล่งเพาะการค้ามนุษย์ การพนันที่ผิดกฎหมาย การหลอกลวงทางออนไลน์ที่กว้างขวาง และกลุ่มอาชญากร
ไป ๆ มา ๆ บทบาทของไทยในการใช้การทูตแบบเพื่อนบ้าน และอาเซียนบวกกับจีนอาจจะเป็นเครื่องมือชุดเดียวที่อาจสร้างความหวังของการบรรลุจุดเริ่มต้นของการแสวงหาสันติภาพในพม่าได้!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ