บันทึกหน้า 4

"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด" งานใหญ่และวาระสำคัญของ ครม.สัญจร จ.ระนอง วันที่ 22-23 ม.ค.นี้ คือโครงการ "แลนด์บริดจ์" ซึ่งอาจถือเป็นธงใหม่ของรัฐบาล หลังดิจิทัลวอลเล็ตยังอยู่ในช่วงลูกผีลูกคน เมื่อเจอแรงต้านสารพัด

ทั้งนี้ในวันที่ 22 ม.ค เวลา 14.00 น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเดินทางไปยังพื้นที่โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง) ณ อุทยานแห่งชาติแหลมสน ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง 

ถือว่าเป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีเดินทางลงพื้นที่ซึ่งเป็นจุดที่จะสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ ภายหลังจากที่รัฐบาลมีการโรดโชว์โครงการนี้ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อหวังให้ ข้อ 1 การผลักดันให้แลนด์บริดจ์เป็นประตูการค้า (Gateway) โดยเป็นประตูการค้ารองรับการนำเข้า-ส่งออกของไทย และเป็นประตูการค้ารองรับการนำเข้า-ส่งออกของประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประเทศในกลุ่ม GMS รวมถึงจีนตอนใต้

ข้อ 2 การถ่ายลำเรือสินค้า (Transshipment) โดยพัฒนาให้แลนด์บริดจ์เป็นทางเลือกในการถ่ายลำการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในมหาสมุทรอินเดีย (BIMSTEC) และประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิก ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน เป็นต้น โดยเชื่อมต่อทางรางและทางถนน

ข้อ 3 การพัฒนาอุตสาหกรรมหลังท่า (Port Industry) โดยมีการตั้งเขตพื้นที่เศรษฐกิจเสรี ดึงดูดนักลงทุน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมหลังท่าเรือระนอง และท่าเรือชุมพร ส่งเสริมแลนด์บริดจ์ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้

ข้อ 4 การรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนในพื้นที่ และการทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ รวมทั้งขั้นตอนการดำเนินงานทางกฎหมาย และแผนงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) การประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) และการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (HIA) เป็นต้น

เมื่อสแกนลงไประดับพื้นที่ใน จ.ระนอง ยังพบว่ามีประชาชนที่คัดค้านและสนับสนุน รวมถึงคนการเมืองก็เข้าไปคลุกวงในด้วย 

               นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งข้อสังเกตว่า อยากให้ ครม.ลงไปรับฟังความเห็น และสบตากับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ว่า ถ้า ครม. อยากจะเดินหน้าในโครงการแลนด์บริดจ์ อยากให้ ครม.มั่นใจว่า มีการพิจารณาในเรื่องความคุ้มค่าอย่างรอบคอบแล้ว 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับความจริงว่า ทุกโครงการย่อมมีผลกระทบ มีคนเห็นด้วยและคนคัดค้าน ซึ่งการคัดค้านไม่ใช่สิ่งที่ผิดปกติ แต่ต้องคัดค้านด้วยเหตุด้วยผลถึงผลได้ผลเสีย เพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า

อีกความเคลื่อนไหวที่จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวและกระทบมาที่รัฐบาลจะอยู่รอดครบเทอมหรือไม่ หลัง “สิทธิ สุธีวงศ์” รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ออกมายอมรับถึงการ “พักการลงโทษกรณีพิเศษ” ของนักโทษเทวดา 

พร้อมยอมรับ “คุณสมบัติของทักษิณ หากดูจากหลักเกณฑ์ที่ว่าเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นกลาง สูงวัยและมีอาการเจ็บป่วย ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณาในโครงการพักการลงโทษ กรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป หรือนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป"

แม้เวลานี้กรมราชทัณฑ์จะบอกว่า การเสนอพักโทษทักษิณยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่หากไล่เรียงลำดับไทม์ไลน์ซึ่งมีการพูดถึงไปก่อนหน้านี้ 

ชัดเจนว่า “ทักษิณ” ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยเหลือโทษจำคุกราว 1 ปีเศษ ซึ่งตามเกณฑ์ “พักโทษ” ของกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า “จะต้องเป็นนักโทษที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป มีภาวะป่วยชราภาพ และต้องโทษไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษจำคุก หรือต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับว่าอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า

ฉะนั้น หากนับตั้งแต่วันที่ “ทักษิณ” เดินทางกลับไทยและถูกนำตัวส่งศาลเมื่อวันที่ 22 ส.ค. เขาจะเข้าเกณฑ์พักโทษในเดือนก.พ.2567 กลับสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า จากเดิมคือบ้านพัก กลายเป็นที่พักโทษ ขณะที่กลุ่มต้านระบอบทักษิณก็เชื่อว่า หากเป็นเช่นนั้นชนวนระเบิดเวลารอบใหม่จะเกิดขึ้น ไม่ต่างจากการเคยดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย.

 

ช่างสงสัย 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ไร้สัญญาณตอบรับจาก กกต. ผ่านมาสัปดาห์กว่า หลังการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ 26 มิ.ย. ประธาน กกต. ยังอึกๆ อักๆ ขยับไทม์ไลน์เดิม 3 ก.ค. ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าน่าจะประกาศรับรอง สว.ชุดใหม่สัปดาห์หน้า

'แชมป์ไร้พ่าย'

ภารกิจในหน้าที่รัฐมนตรีไม่เคยขาดตกบกพร่อง สำหรับ มาดามผึ้ง-ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และอะไรที่อยู่ในกรอบความรับผิดชอบ ก็พร้อมสนับสนุนในทุกๆ ด้าน

บันทึกหน้า 4

ดูเหมือนช่วงนี้ “พรรคเพื่อไทย” ของตระกูลชินวัตรจะเกิดอาการ “ราหูอม” อย่างไรอย่างนั้น เพราะ ตั้งแต่ “โทนี่ วู้ดซัม” หรือ “ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางกลับไทยแบบเท่ โดยเป็นวีวีไอพีประเทศที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวแล้ว

บันทึกหน้า 4

ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ส่อวุ่นอีก แม้ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ชนะการเลือกตั้ง แต่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อถุงยังชีพเมื่อปี 2555 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้แล้ว

บันทึกหน้า 4

“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” ผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อย่างไม่เป็นทางการ) ปรากฏว่า นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายก อบจ. หมายเลข 1 ได้คะแนนทั้งสิ้น 203,010 คะแนน

บันทึกหน้า 4

บันทึกกันในวันแรกของครึ่งปีหลัง ท่ามกลางความคาดหวังว่า บรรยากาศบ้านเมืองว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจจะเขยิบดีขึ้น โดยเฉพาะดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ที่โงนเงนง่อกแง่กซะเงาะซะแงะมาตั้งแต่ต้นปี จะโงหัวขึ้นอย่างสม่ำเสมอ